จากเป็นปี เป็นเดือน ตอนนี้ก็เหลือกันไม่กี่วันแล้วครับก่อนที่เกมเมอร์ทั่วโลกจะได้สัมผัสกับยอดเกมวางแผน “อีกตาเดียวน่า” ภาคใหม่อย่าง Civilization VII ครับ โดยทางเราได้ทำบทความรวมถึงคลิป Hands-On ออกมาให้อ่านให้ชมกันแล้ว แต่เวลานั้นคือการเล่นไปราวๆ 3 ชั่วโมง ทว่าวันนี้ผมสามารถบอกได้ว่าเรากำลังทำตัวรีวิวกันอยู่ และเพราะเหตุนั้นจึงใช้เวลากับมันไปกว่า 40 ชั่วโมงแล้ว เรียกว่าตกผลึกและรู้อะไรเกี่ยวกับเกมมากขึ้นจม
ดังนั้นสำหรับบทความนี้ผมจะนำประสบการณ์ที่ได้สัมผัสกับตัวเกมมาเล่าสู่กันฟังเพิ่มเติมครับว่าที่สุดแล้ว Civilization VII มีอะไรที่คุณควรรู้หรืออะไรที่น่าสนใจบ้างครับ
ผู้นำและอารยธรรมแยกออกจากกัน
หลายๆ คนอาจจะรับรู้กันแล้วว่าตัวเกมภาคนี้จะไม่ใช้ผู้นำในการนำเสนอวัฒนธรรมของตัวเองอีกแล้วและจะแยกออกมาเลย ซึ่งนั่นหมายความว่าใน Civilization VII ผู้นำชาติหนึ่งอาจจะไม่มีอารยธรรมในเกม และบางอารยธรรมในเกมก็จะไม่มีผู้นำประจำชาติครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่น Siam ที่มีวัฒนธรรมของตัวเอง แต่ไม่มีผู้นำให้เล่นครับ ทั้งนี้ทั้งตัวผู้นำและตัวอารยธรรมก็จะมีโบนัสแยกกันไป ทำให้การจับคู่ผู้นำกับอารยธรรมต่างๆ เพื่อผสมผสานโบนัสในการเล่นเกมมันมีมิติเพิ่มขึ้นครับ
อารยธรรมมีเลเยอร์ของมัน แต่ก็ใช่ว่าใครจะเป็นใครก็ได้
ตอนแรกผมคิดว่าระบบอารยธรรมแบบใหม่จะปล่อยฟรีแบบว่าเล่นชาติใดและจะโตไปเป็นชาติใดก็ได้ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย อารยธรรมในแต่ละยุคจะมีจุดร่วมของมัน นับรวมถึงผู้นำที่เลือกมาก็จะส่งผลต่อการปลดล็อกอารยธรรมในยุคต่างๆ เช่นกัน เช่นว่าหากคุณต้องการจะเล่นเป็น Siam ในยุคสุดท้าย ก็จะมีเงื่อนไขที่ต้องติ๊กถูกสักหนึ่งข้ออารยธรรม Siam จึงจะปลดล็อคมาให้คุณใช้ เช่นว่าเล่นผู้นำเป็นพระเจ้าอโศกมหาราช หรือจะใช้ผู้นำคนอื่นก็ได้แล้วเล่น Khmer เป็นอารยธรรมแรกเริ่ม หรือว่าเล่นอารยธรรม Majapahit ในยุคที่ 2 อะไรเทือกนี้ครับ ขอแค่มีอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะปลดล็อค Siam ในยุคที่ 3 ให้เล่นได้ในเพลย์นั้นๆ ครับ ในทางกลับกัน คุณไม่สามารถใช้เบนจามิน แฟรงคลิน เล่น Rome ต่อด้วย Norman และจะมาเป็น Siam ตอนท้ายได้ เพราะเงื่อนไขไม่เข้าเกณฑ์นั่นเอง
ก้าวแรกสู่การสร้างอารยธรรมที่เข้าถึงง่ายกว่าเดิม
ใครที่กังวลว่ามาเล่นเกมที่ดูมีเมนูหยุ่บหยั่บแบบนี้แล้วจะเข้าใจยากก็ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นครับ ถ้าใจเย็นพอก็เรียนรู้ได้เร็วเลยล่ะ เพราะว่าภาคนี้มีระบบ Tutorial ที่เข้าใจได้ง่าย และสอนได้ดี ตอนแรกอาจจะอยู่ในระดับจับมือเล่น แต่นานๆ ไปเกมจะเริ่มปล่อยมือจากเราครับ และจะโผล่มาแนะนำเป็นครั้งคราวเมื่อปลดล็อคระบบหรือฟีเจอร์ใหม่ๆ เท่านั้น แต่ที่สุดแล้วผู้เล่นยังจำเป็นต้องใช้เวลากับมันเรื่อยๆ เพื่อให้แตกฉานการเล่นจริงๆ อาจจะต้องจบสัก 2-3 เกมเพื่อเริ่มจะเข้าใจในบริบทของสิ่งต่างๆ อย่างถ่องแท้ เรียนรู้ง่าย เข้าถึงง่าย แต่จะฟัดกับบอทเลเวลสูงๆ ได้ ก็ต้องมีชั่วโมงบินพอสมควรเหมือนกัน
ชิงชัยในแต่ละยุค
การแข่งขันทางอารยธรรมนั้นเป็นหัวใจหลักของเกมซีรีส์นี้อยู่แล้ว ภาคที่ผ่านๆ มามันอาจจะไปเข้มข้นในช่วงหลังที่คุณต้องเร่งวิจัยโคตรโปรเจ็กต์หรืออาวุธมหาประลัยแข่งกับฝ่ายอื่น แต่ภาคนี้ผู้เล่นต้องแข่งขันในทุกยุคเพื่อชิงความได้เปรียบในการเปลี่ยนผ่านและนำไปสู่บทสรุปของมันในยุคที่ 3 ครับ กล่าวคือในแต่ละยุคก็จะมีภารกิจในแบบของมัน ภารกิจจะแบ่งเป็น 4 สายคือ เศรษฐกิจ, การทหาร, วัฒนธรรม และวิทยาศาสตร์ แต่ละสายจะแบ่งภารกิจอีกเป็น 3 ระดับ หากฝ่ายไหนทำภารกิจสายใดถึงระดับ 3 ได้ก่อนยุคนั้นจะถูกตัดจบทันทีและจะเป็นฝ่ายชนะในยุคนั้นไปครับ พร้อมรับแต้มพิเศษเป็นเบเนฟิตส่งต่อนยุคถัดไป แต่หากเล่นยุคหนึ่งจนครบเทิร์นและไม่มีฝ่ายไหนสามารถทำภารกิจถึงระดับ 3 ได้ ตัวเกมจะมีการสรุปคะแนนในภาพรวมของสายต่างๆ ใครชนะสายไหนก็ได้แต้มของสายนั้นไปซื้อเบเนฟิตส่งต่อสู่ยุคถัดไปนั่นเอง ดังนั้นแล้วแต่ละยุคจะมีความเข้มข้นของมัน ส่วนตัวแล้วแอบชอบธีมการแข่งขันของยุค 2 ซึ่งมีธีม “ยุคสำรวจ” เป็นพิเศษ เพราะทุกฝ่ายต้องเร่งวิจัยการเดินเรือในทะเลลึกและแข่งกันหา “โลกใหม่” เพื่อตั้งรกรากให้เมืองใหม่ๆ ฝ่ายไหนช้าทรัพยากรในแมปจะถูกฝ่ายอื่นยึดครองไปเรื่อยๆ ครับ ความรู้สึกเหมือนวิ่งมาราธอนแข่งกันเลย สนุกมากๆ
เลือกพื้นที่ให้ดีขอบเขตของเมืองมีจำกัด
การสร้างเมืองของภาคนี้ไม่ได้ต่างจากเดิมมากครับเลือกพื้นที่แล้วใช้ Setler สร้างเมืองไป แต่เมืองของภาคนี้จะขยายขอบเขตได้สูงสุดด้านละ 3 Grid เท่านั้นครับ ดังนั้นแล้วเวลาตั้งเมืองก็ต้องดูดีๆ ทำเลเหมาะแล้ว ทรัพยากรโดยรอบโอเคไหม เพราะมันจะส่งผลต่อเกมอย่างมาก หลายๆ ครั้งวางเมืองผิดจุดก็จะพลาดทรัพยากรสำคัญไปก็มี แล้วอย่าลืมคะนวนระยะห่างระหว่างเมืองด้วย บางเมืองโดดเดี่ยวเกินไปก็ไม่ดี บางเมืองสร้างชิดกับเมืองเก่าเกินก็จะเสีย Grid ไปเปล่าๆ ครับ คิดให้เยอะแล้วค่อยตั้งรกราก แต่ก็อย่าช้าจนเกินไป เพราะอย่าลืมว่าทุกยุคแข่งขันกันเสมอ
ผู้นำทัพ ตัวพลิกเกมสงคราม
การรบใน Civilization VII ถูกยกระดับความละเอียดในแง่ของ Micro Management ขึ้นอีกระดับครับ แน่ล่ะว่าการคำนวนพื้นที่การรบ การวางตำแหน่งยูนิตทหาร การเข้าตีด้านปีกเพื่อสร้างดาเมจเพิ่มขึ้นจะยังคงมีอยู่ แต่ยูนิตผู้นำทัพแสนแพงแถมสร้างก็นานนี่แหละคือตัวพลิกเกมเลย โดยยูนิตเหล่านี้จะสู้เองไม่ได้ครับ ทว่าเขาสามารถรวบทัพให้เดินไปด้วยกันได้และปล่อยออกมาพร้อมๆ กันเมื่อถึงที่หมาย รวมถึงจะมีเอฟเฟกต์โบนัสให้กับยูนิตรอบตัว รวมถึงเขาสามารถเก็บ EXP ไปอัปสกิลเสริมความแกร่งกองทัพรอบตัวได้ ดังนั้นแล้วคุณอาจจะยังรบแบบเดิมได้อยู่ แต่การรบโดยมีผู้นำทัพอยู่ด้วยจะสร้างความได้เปรียบรวมถึงมอบผลประโยชน์ให้ในหลายๆ แง่ครับ
ยิ่งเล่นยิ่งปลดล็อคโบนัสสำหรับการเล่นรอบถัดไป
ใน Civilization VII หลังจบเกมแต่ละครั้งผู้เล่นจะสามารถปลดล็อคโบนัสกลางเพิ่มเติมสำหรับการเล่นรอบถัดไปครับ โดยเมื่อจะขึ้นรอบใหม่ในหน้าตอนเลือกผู้นำ แต่ละคนก็จะมีช่องให้ใส่โบนัสที่ปลดล็อคมาจากการเล่นรอบก่อนๆ หน้าให้ 2 สล็อตครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นโบนัสที่ทำให้ได้เปรียบด้านการเล่นมากขึ้น เพราะฉะนั้น ยิ่งเล่นมากก็ยิ่งได้มากครับ
จบลงไปแล้วครับกับสิ่งที่อยากให้รู้ฉบับคร่าวๆ จากประสบการณ์โลดแล่นในเกม 40 กว่าชั่วโมงและยังคงค้นพบอะไรใหม่ๆ ในเกมอยู่เสมอ ผมไม่แนใจนักว่าเกมภาคนี้จะมอบในสิ่งที่แฟนเกมเดนตายต้องการให้ได้ไหม แต่กับขาจรทั่วไปหรือคนชอบเกมวางแผน อย่างน้อยๆ ที่สุด Civilization VII น่าจะยังเป็นเกมที่สามารถเล่นได้อย่างสนุกสนานและติดพันครับ รออ่านรีวิวฉบับเต็มจากเราได้แน่นอนเร็วๆ นี้ครับ
Civilization VII มีกำหนดวางขายวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้บน Steam, Epic Game Store, PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One และ Nintendo Switch ผู้เล่นที่ลิงค์เกมกับ 2K Account สามารถรับตัวละครนโปเลียนไปใช้เพิ่มเติมได้ ร่วมถึงใช้ฟีเจอร์ Cross-Play แชร์ Progression ในการเล่นแต่ละแพลตฟอร์มได้ด้วย (แต่เกมต้องซื้อแยก) ส่วนผู้ที่ซื้อตัวเกมแบบ Deluxe Edition หรือ Founders Edition จะเข้าเล่นเกมได้ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ครับ สะดวกเวอร์ชั่นไหนก็จัดกันได้ตามสะดวกโลด!
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station
