จนถึงตอนนี้ใครหลาย ๆ คนคงได้เห็นโฉมหน้า PS5 Pro พร้อมสเปคและราคาของมันไปแล้วนะครับ แต่สิ่งที่เชื่อว่า Sony เองอาจจะไม่ได้คาดคิดมาก่อนก็คือผู้คนจำนวนไม่น้อยดันไม่ปลื้มกับราคาจนแห่กันไปกดดิสไลก์บอมบ์ในคลิปเปิดตัวจนแซงยอดไลก์ไปประมาณ 3 เท่าแล้ว (ตามรูปด้านล่างในกรอบสีแดง นับจนถึงช่วง 11:00 น. ของวันที่ 11 กันยายน)
อนึ่ง เท่าที่ดูจากบรรดาท็อปคอมเมนต์ในคลิปดังกล่าว พบว่าหลายคนแสดงความไม่พอใจถึงราคาที่ตั้งไว้ 699 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 23,600 บาท ทว่าในราคาระดับนี้ แม้ว่าสเปคจะสูงกว่า PS5 รุ่นธรรมดาก็ตาม แต่กลับไม่มีไดรฟ์ UHD Blu-ray พ่วงมาด้วย หรืออย่างน้อยจะไปคาดหวังว่าจอยจะมีการอัปเกรดเป็น DualSense Edge ให้บ้างก็ดันไม่เป็นเช่นนั้นอีก จึงเป็นที่มาของการแสดงออกจากผู้เล่นด้วยการถล่มดิสไลก์อย่างที่เห็น
ทีนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทาง Microsoft เพิ่งจะเปิดตัวเครื่อง Xbox Series X รุ่น Galaxy Black ที่มีทั้งไดรฟ์ UHD Blu-ray และ SSD ความจุ 2 TB ภายในงาน Gamescom 2024 ด้วยราคา 599 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 20,200 บาท ผู้เขียนจึงอดคิดไม่ได้ว่า ด้วยราคาที่ห่างกัน 100 เหรียญบน PS5 Pro โอเคว่าสเปคอาจจะเหนือกว่า แต่พอถูกตัดไดรฟ์ UHD ออกไปและไม่มีอะไรอย่างอื่นมาทดแทน ดังนั้นเลยย่อมไม่แปลกที่การตั้งราคา 699 เหรียญจะไม่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกคล้อยตามนัก
ลองคิดดูเล่น ๆ ครับว่า ถ้า PS5 Pro เลือกที่จะตั้งราคาที่ 599 เหรียญแทน ทัวร์อาจไม่ลงหนักแบบนี้ เพราะผู้คนจะยิ่งเปรียบเทียบเห็นภาพชัดขึ้นว่าราคาและขนาดความจุ SSD เท่ากับอีกค่าย แต่ได้สเปคที่สูงกว่า ส่วนไดรฟ์ก็แค่หาใส่เพิ่มเอาในราคา 3,790 บาท ใครที่เป็นสายดิจิทัลอยู่แล้วก็หมดปัญหาตรงนี้ไป หรือถ้า Sony ใจป้ำจัด พ่วงไดรฟ์ UHD Blu-ray มาให้ด้วยในราคา 599 เหรียญอีก ผู้เล่นยิ่งไม่ต้องคิดให้เหนื่อยเลยครับ มันจะกลายเป็นการสกัด Xbox Series X รุ่น 2 TB แบบไม่ให้ลืมตาอ้าปากได้ทันที (นี่คือพูดเฉพาะเรื่องเหตุผลด้านฮาร์ดแวร์นะ)
ขณะเดียวกัน ในมุมมองของผู้ผลิต การตั้งราคา 699 เหรียญก็อาจจะมีเหตุผลของเขาอยู่ โดยจะเนื่องจากต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้น หรือต้องการเน้นจับกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง หรือมั่นใจในประสิทธิภาพของเครื่องจริง ๆ อะไรก็ว่าไป แต่กลุ่มผู้เล่นที่มีกำลังซื้อตั้งแต่ระดับปานกลางลงมาย่อมคิดหนักและเกิดการต่อต้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ในวงการเกมคอนโซลเคยมีกรณีศึกษามาแล้วว่าการตั้งราคาเครื่องที่สูงเกินไปมักมีผลกระทบกับยอดขายและความรู้สึกของผู้เล่นเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น PS3 ที่เคยตั้งราคาเปิดตัวรุ่น HDD 60 GB ไว้ที่ 599 เหรียญ ซึ่งแพงกว่า Xbox 360 รุ่น HDD 20 GB ที่เป็นคู่แข่งในเจเนอเรชั่นเดียวกันถึง 200 เหรียญ ส่งผลให้ยอดขาย PS3 ช่วงแรกถึงกับซบเซาอย่างเห็นได้ชัด และท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเจเนอเรชั่นที่ Sony ต้องแพ้ให้กับ Microsoft ในท้ายที่สุด
หรืออีกเคสคือ Nintendo 3DS ที่ตั้งราคาเปิดตัวที่ 249 เหรียญ แต่ปรากฏว่ายอดขายในช่วงแรกกลับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ปู่นินคาดการณ์ไว้ ทำให้ต้องลดราคาเร่งด่วนลงมาเหลือ 169 เหรียญภายในเวลาไม่ถึง 6 เดือนหลังเริ่มจำหน่าย พร้อมกับแถมเกมจากเครื่อง NES และ Game Boy Advance แพลตฟอร์มละ 10 เกมแบบดิจิทัลดาวน์โหลดจาก eShop ให้ จึงกลับมาตั้งลำและแก้วิกฤตได้สำเร็จ เป็นต้น
เอาละครับ สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่ว่า Sony จะประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไร พวกเขาจะคงไว้ซึ่งจุดยืนเดิม หรือจะมีมาตรการแก้ไขอะไรในอนาคต และจะนำบทเรียนในอดีตมาปรับใช้หรือไม่ เรามาติดตามดูสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิดกันไปก่อนครับ
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.youtube.com/watch?v=6HaRMiTfvks
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station