Digital Foundry เคาะสเป็ค Nintendo Switch 2 หมดเปลือก จัดเต็มทุกภาคส่วน!

แชร์เรื่องนี้:
Digital Foundry เคาะสเป็ค Nintendo Switch 2 หมดเปลือก จัดเต็มทุกภาคส่วน!

แม้ Nintendo จะยังไม่เผยสเป็คเครื่อง Nintendo Switch 2 แบบละเอียด ๆ บอกแค่กว้างๆ ว่าใช้ "ชิปประมวลผลที่ Nvidia พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ" แต่ล่าสุดทาง Digital Foundry สื่อสายเทคนิคเกมชื่อดัง ก็ได้ข้อมูลเชิงลึกที่อ้างว่าเป็นสเป็ค (ที่น่าจะ) สุดท้ายของเครื่องออกมาเปิดเผยให้แฟน ๆ ได้ตื่นเต้นกันแล้ว!

คุณสมบัติ (Feature)Nintendo Switch 2
(Nvidia T239)
Nintendo Switch 1
(Nvidia Tegra X1)
สถาปัตยกรรม CPU8x ARM Cortex A78C4x ARM Cortex A57
ความเร็ว CPU (CPU Clocks)998MHz (ต่อ Dock), 1101MHz (โหมดพกพา), สูงสุด 1.7GHz1020 MHz (ต่อ Dock/โหมดพกพา), สูงสุด 1.785GHz
CPU ที่ระบบกันไว้ใช้2 คอร์ (6 คอร์สำหรับนักพัฒนา)1 คอร์ (3 คอร์สำหรับนักพัฒนา)
สถาปัตยกรรม GPUAmpereMaxwell
จำนวน CUDA Cores1536256
ความเร็ว GPU (GPU Clocks)1007MHz (ต่อ Dock), 561MHz (โหมดพกพา), สูงสุด 1.4GHz768MHz (ต่อ Dock), สูงสุด 460MHz (โหมดพกพา), สูงสุด 921MHz
หน่วยความจำ/อินเทอร์เฟซ128-bit/LPDDR564-bit/LPDDR4
Bandwidth หน่วยความจำ102GB/s (ต่อ Dock), 68GB/s (โหมดพกพา)25.6GB/s (ต่อ Dock), 21.3GB/s (โหมดพกพา)
หน่วยความจำที่ระบบกันไว้ใช้3GB (9GB สำหรับเกม)0.8GB (3.2GB สำหรับเกม)

หัวใจหลัก T239 Custom และพลังประมวลผลที่อัปเกรด

เริ่มต้นกันที่ชิปประมวลผลกลาง (SoC) ซึ่งตามเอกสารการขนส่งและข้อมูลหลุดจาก Nvidia ระบุว่าเป็นรหัส T239 ตัวนี้เป็นซิลิคอนที่ Nvidia ออกแบบมาเพื่อ Nintendo โดยเฉพาะ ไม่ใช่ชิปสำเร็จรูปเหมือน Tegra X1 ใน Switch รุ่นแรกอีกต่อไป

CPU: มาพร้อมสถาปัตยกรรม ARM Cortex A78C จำนวน 8 คอร์ โดยจะแบ่งให้นักพัฒนาเกมใช้งานได้ 6 คอร์ ส่วนอีก 2 คอร์จะถูกกันไว้สำหรับระบบปฏิบัติการ (OS) รองรับชุดคำสั่ง ARMv8 64-bit เต็มรูปแบบ (ไม่รองรับ 32-bit อีกต่อไป)

  • ความเร็วสัญญาณนาฬิกา (Clock Speeds):
    • โหมดพกพา (Mobile Mode): 1100MHz
    • โหมดประสิทธิภาพ (Performance Mode - มักใช้เมื่อต่อ Dock): 998MHz (ตรงนี้อาจจะน่าแปลกใจโหมดพกพามี Clock Speed สูงกว่า แต่คาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับ Bandwidth หน่วยความจำที่ลดลงในโหมดพกพา)
    • Nintendo ยังระบุ Clock Speed สูงสุดของ CPU ไว้ที่ 1.7GHz ซึ่งคาดว่าอาจเป็นค่าสูงสุดทางทฤษฎีที่อาจเปิดให้ใช้ในอนาคตหรือในสถานการณ์พิเศษ เช่น ตอนโหลดเกมเพื่อเร่งการคลายการบีบอัดข้อมูล เหมือนที่เคยทำใน Switch รุ่นแรก
  • แคช (Cache): L1 Instruction Cache 64K และ L1 Data Cache 64K ต่อคอร์, L2 Cache 256K ต่อคอร์ และ L3 Cache 4MB ใช้ร่วมกันทั้ง 8 คอร์

GPU: ก้าวกระโดดไปใช้สถาปัตยกรรม Ampere ของ Nvidia (แบบเดียวกับที่ใช้ในซีรีส์ RTX 30) จำนวน 1536 CUDA Cores

ความเร็วสัญญาณนาฬิกา (Clock Speeds):

  • โหมดพกพา: 561MHz
  • โหมดต่อ Dock: 1007MHz
  • มี Clock Speed สูงสุดที่ระบุไว้คือ 1.4GHz (แต่นักพัฒนาจะสามารถปรับได้หรือไม่ หรือใช้งานจริงได้เกินมาตรฐานหรือไม่ ยังไม่ชัดเจน)

พลังประมวลผล (TFLOPs): Nintendo ระบุว่าเมื่อต่อ Dock จะมีพลังประมวลผลอยู่ที่ 3.072 TFLOPs และเมื่อคำนวณย้อนกลับ ในโหมดพกพาจะอยู่ที่ประมาณ 1.71 TFLOPs (อย่างไรก็ตาม การเทียบ TFLOPs กับเครื่องอื่นอาจไม่สามารถชี้วัดประสิทธิภาพการเล่นเกมจริงได้ทั้งหมด) ทั้งนี้ทรัพยากร GPU บางส่วนอาจจะถูกกันไว้สำหรับระบบด้วย

เทคโนโลยีภาพสุดล้ำ DLSS, Ray Tracing และจอแสดงผลใหม่

  • DLSS (Deep Learning Super-Sampling): ยืนยันแล้วว่ามาแน่นอน! รองรับทั้ง DLSS 1x, 2x, และ 3x (คาดว่าเทียบเท่าโหมด Performance, Balanced, Quality บน PC) รวมถึง DLAA (DLSS ที่ความละเอียด Native เพื่อ Anti-Aliasing คุณภาพสูง)
  • Ray Tracing: ด้วยสถาปัตยกรรม Ampere ทำให้รองรับ Ray Tracing โดยมีอัตราการคำนวณประมาณ 10 Gigarays ต่อวินาที (โหมดพกพา) และเพิ่มเป็นสองเท่าที่ 20 Gigarays ต่อวินาที (โหมดต่อ Dock) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ค่อนข้างกินทรัพยากร จึงอาจไม่ได้เห็นในทุกเกม
  • หน้าจอ: อัปเกรดเป็นจอ LCD ขนาด 7.9 นิ้ว แสดงผลขอบเขตสีกว้าง (Wide Color Gamut) ความละเอียด 1080p รองรับ HDR10 และ Variable Refresh Rate (VRR) สูงสุด 120Hz เป็นหน้าจอสัมผัสแบบ Capacitive รองรับ 10 จุด (เหมือนรุ่นแรก)
    • ข้อควรรู้: VRR จะใช้งานได้เฉพาะกับหน้าจอของเครื่องเท่านั้น ในปัจจุบันยังไม่รองรับ VRR ผ่านการเชื่อมต่อ HDMI (คาดว่าตัวแปลง DisplayPort เป็น HDMI ที่ Dock อาจไม่รองรับมาตรฐาน HDMI VRR)

หน่วยความจำ (RAM) และพื้นที่เก็บข้อมูล (Storage) ที่ยกเครื่องใหม่

  • RAM: ให้มาจุใจถึง 12GB LPDDR5X (เป็นโมดูล 6GB สองตัว)
    • แบนด์วิดท์หน่วยความจำ:
      • โหมดพกพา: 68GB/s
      • โหมดประสิทธิภาพ (ต่อ Dock): 102GB/s
    • จาก 12GB นี้ ระบบจะกันไว้ใช้เอง 3GB ทำให้นักพัฒนามีหน่วยความจำให้ใช้ 9GB (เทียบกับ Switch รุ่นแรกที่มี RAM ทั้งหมด 4GB และให้นักพัฒนาใช้ได้ 3.2GB ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก)
  • Storage: อัปเกรดหน่วยความจำภายในเป็น 256GB แบบ UFS (เทียบกับรุ่นเดิมที่เป็น eMMC และมีความจุน้อยกว่ามาก) และยังสามารถเพิ่มพื้นที่ได้ด้วยการ์ด MicroSD Express สูงสุดถึง 2TB
  • FDE (File Decompression Engine): นี่คือส่วนประกอบที่สร้างขึ้นเพื่อ Nintendo โดยเฉพาะ! เป็นระบบเร่งการคลายการบีบอัดไฟล์ด้วยฮาร์ดแวร์ (Hardware Accelerated) สำหรับไฟล์ที่ถูกบีบอัดแบบ LZ4 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการไฟล์ในแพ็คเกจ NSP ที่ใช้ส่งเกมและ DLC ช่วยลดภาระ CPU ทำให้การโหลดเกมเร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น

ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ

  • Game Chat: เป็นหนึ่งในฟีเจอร์สำคัญของ Switch 2 โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบเล่นกับเพื่อน แต่ก็ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรระบบพอสมควร จน Nintendo ต้องเตรียมเครื่องมือทดสอบ Game Chat ให้นักพัฒนาโดยเฉพาะ เพื่อจำลองความหน่วงของ API และ L3 cache misses ที่ระบบ Game Chat จริงก่อให้เกิดกับเครื่อง
  • SDK: รองรับ Nvidia DLSS อย่างเต็มรูปแบบตามที่กล่าวไป

บทสรุปและสิ่งที่ต้องจับตามอง

โดยรวมแล้ว สเป็คที่ Digital Foundry เปิดเผยมานี้ ส่วนใหญ่ตรงกับข่าวลือที่หลุดออกมาตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาคอนโซลเครื่องหนึ่งนั้นใช้เวลายาวนานเพียงใด แม้รายละเอียดทางเทคนิคเหล่านี้จะทำให้เราเห็นภาพความสามารถของเครื่องได้ชัดเจนขึ้น

แต่สุดท้ายแล้ว "เกม" ที่จะออกมารองรับเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า Nintendo Switch 2 จะเจ๋งจริงสมคำร่ำลือหรือไม่ ต้องรอชมกันในช่วงวันวางขายจริง 5 มิถุนายนที่จะถึงนี้!

ข้อมูลอ้างอิงจาก
YouTube - Digital Foundry
Eurogamer


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ