วันที่ 20 เมษายน 2006 หรือวันนี้เมื่อ 19 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม Okami บนเครื่อง PS2 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเกมนี้เป็นผลงานการกำกับของคุณฮิเดกิ คามิยะ (Hideki Kamiya) ผู้สร้างซีรีส์ Devil May Cry และเป็นผลงานสุดท้ายของเจ้าตัว ก่อนที่จะลาออกจาก Capcom ไปก่อตั้งสตูดิโอ PlatinumGames ในเวลาต่อมา
(ล่าง) ปกเกมเวอร์ชั่นญี่ปุ่นและอเมริกา
เกมนี้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทั้งด้านกราฟิกและเกมเพลย์ โดยกราฟิกของเกมนี้เป็นแบบเซลเฉด (Cel-shaded) ที่เป็นงานอาร์ตสไตล์ภาพวาดพู่กัน และนำเอาตำนานเทพเก่าแก่ของญี่ปุ่นมาดัดแปลง ว่าด้วยเรื่องของเทพแห่งดวงอาทิตย์ที่มีนามว่า อามาเทราสึ (Amaterasu) ที่อยู่ในร่างของหมาป่าสีขาว ที่ต้องออกเดินทางขจัดมารร้ายและความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน ซึ่งชื่อเกม โอคามิ เป็นการเล่นคำพ้องเสียงที่มีความหมาย 2 แบบ ได้แก่ 大神 ที่แปลว่าเทพผู้ยิ่งใหญ่ และ 狼 ที่แปลว่าหมาป่า นั่นเอง
ขณะที่เกมเพลย์มีการนำคุณลักษณะของการใช้พู่กันมาประยุกต์เข้ากับระบบสำรวจและระบบต่อสู้ โดยผู้เล่นต้องใช้อนาล็อกในการควบคุมการวาดเส้น หรือระบายสี เพื่อให้เกิดเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ออกมา เช่น ซ่อมสะพาน จุดไฟ เนรมิตน้ำลงในลำธารที่แห้งเหือด หรือสร้างเอฟเฟกต์ขณะสู้กับศัตรูและบอส เป็นต้น ซึ่งคุณคามิยะเคยให้สัมภาษณ์ว่าช่วงที่เกมนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนา เขาได้รับแรงบันดาลใจหลายอย่างมาจากเกมตระกูล The Legend of Zelda ที่เขาโปรดปรานด้วย
ในตอนแรก คุณคามิยะและทีมงานเคยวางแผนจะให้กราฟิกของเกมนี้เป็นภาพเรนเดอร์ที่เน้นสมจริง แต่ติดปัญหาตรงที่ฮาร์ดแวร์เครื่องคอนโซล ณ เวลานั้นยังมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง ทำให้ต้องลดสเปคลงมาเป็นภาพแบบเซลเฉดแทน เพื่อที่จะกินทรัพยากรน้อยลง และรันเฟรมเรตได้ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน คุณคามิยะเคยตั้งใจจะให้เนื้อเรื่องของ Okami มีสเกลที่ใหญ่กว่าที่เห็นกันในเกมเวอร์ชั่นวางจำหน่ายไป แต่เพราะมีปัญหาเรื่องกรอบเวลาที่บีบมาก ทำให้สุดท้ายแล้วต้องตัดสินใจใส่ไอเดียต่าง ๆ ที่คิดกันมาแต่แรกลงไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น รวมถึงระดับของโปรดักชั่นก็ไม่ได้ขนาดเท่ากับที่เคยทำเกม Devil May Cry ทำให้การพัฒนาเกมค่อนข้างมีปัญหาทุลักทุเลพอสมควรกว่าจะเข็นกันจนเสร็จได้
ตัวเกมเวอร์ชั่นออริจินัลเคยมีการพอร์ตลง Wii ในปี 2008 จากนั้นก็มีการรีมาสเตอร์ใหม่ โดยใช้ชื่อว่า Okami HD แล้วลงมัลติแพลตฟอร์มในช่วงระหว่างปี 2012-2018 ปรากฏว่ายอดขายในเวอร์ชั่น HD นั้นไปได้สวยกว่าเมื่อครั้งที่ทำเวอร์ชั่นออริจินัลเสียอีก ซึ่งใครที่เป็นแฟนเกมนี้คงได้ทราบข่าวดีกันไปแล้วว่าคุณคามิยะที่ลาออกจาก PlatinumGames ได้เปิดสตูดิโอแห่งใหม่ที่มีชื่อว่า Clovers พร้อมกับประกาศทำเกมภาคต่อของ Okami โดยจับมือร่วมกับ Capcom ในการทำโปรเจกต์ดังกล่าว เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้เราคงได้เห็นข้อมูลอัปเดตของเกมภาคต่อกันครับ
เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับเกม
- เมื่อเราเล่นเกมจบไปแล้วรอบหนึ่ง ในรอบที่ 2 จะมีไอเทม Stray Bead กระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในเกม รวมทั้งสิ้น 100 ชิ้น หากเราตามเก็บมาได้ครบจะทำให้ตัวของอามาเทราสึเป็นอมตะครับ
- เกมนี้เคยได้รับการบันทึกลงกินเนสเวิลด์เรคคอร์ดเมื่อปี 2018 ในฐานะที่เป็น “เกมที่มีตัวเอกเป็นสัตว์ที่ได้รับคำชมจากบรรดาสื่อและแฟนเกมมากที่สุด”
- จากข้อข้างบน แม้ว่าเกมจะมีกระแสดีมาก แต่ยอดขายของเวอร์ชั่น PS2 กลับไม่ปังเท่าที่ควรนัก โดยทำไปได้เพียง 6 แสนชุดเท่านั้น กระทั่งในภายหลังตัวเกมมีการทำเวอร์ชั่น HD ลง PS3, PS4, Xbox One, Switch และ PC จึงทำยอดเพิ่มขึ้นมาได้ และยอดล่าสุดที่นับรวมทุกแพลตฟอร์มเมื่อ 30 มิถุนายน 2023 คือประมาณ 4 ล้านชุด
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station