ปัจจุบัน Steam นั้นเรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มขายเกม PC ที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งอำนวยความสะดวกในการซื้อสำหรับผู้เล่น และการขายสำหรับผู้พัฒนาและผู้จัดจำหน่ายเกม ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่่มีส่วนช่วย คือเรื่องของระบบป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ทำให้ผู้พัฒนาสามารถอุ่นใจได้ว่าเกมที่วางขายจะไม่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์เร็วเกินไป ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมียอดขายในระดับหนึ่ง
วันนี้คุณ Monica Harrington หนึ่งในสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Valve และผู้บริหารตำแหน่ง Chief Marketing Officer คนแรกของบริษัทได้พูดถึงเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับ Steam ในงาน Game Developer Conference (GDC) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องเกี่ยวกับหลานชายคนหนึ่ง ที่ในช่วงแรก ๆ ของบริษัท เธอได้ให้เงินจำนวนหนึ่งไป แต่ปรากฏว่ากลับเอาไปใช้ละเมิดลิขสิทธิ์์เกมเสียอย่างนั้น!
โดยคุณ Harrington เล่าว่าในช่วงนั้น การละเมิดลิขสิทธิ์เริ่มกลายเป็นปัญหาที่ร้ายแรง โดยหลานชายได้ใช้เช็คเงินสดมูลค่า $500 ที่ควรจะเอาไปใช้จ่ายเกี่ยวกับการเล่าเรียน เพื่อซื้อเครื่องก็อปปี้แผ่น CD-Rom แทน ก่อนจะส่งจดหมายขอบคุณที่น่ารักมาก บอกว่าเขาดีใจเหลือเกินที่ได้มีโอกาสก็อปปี้แผ่นเกมและแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้เล่นกัน
คุณ Harrington เข้าใจว่าหลานชายคนนี้ไม่ใช่เด็กนิสัยไม่ดี แต่ก็เข้าใจว่าเป็นความแตกต่างของคนสองรุ่น และเธอก็เห็นเทคโนโลยีการก็อปปี้แผ่นนั้นอาจเป็นความเสี่ยงต่อรูปแบบการทำธุรกิจของ Valve ซึ่งขณะนั้นขายเกมต่าง ๆ เช่น Half-Life ในรูปแบบแผ่นเกม CD-Rom ซึ่งแผ่นเกม PC นั้นต่างจากแผ่นเกมคอนโซลตรงที่ไม่มีระบบป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์/คัดลอกแผ่นเป็นของตัวเอง
เนื่องจากได้บทเรียนจากเกมเมอร์สายเถื่อน เฉกเช่นหลานชายหัวใสคนนี้เอง ทางผู้พัฒนาของ Valve จึงเริ่มพัฒนาระบบป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ (DRM) ของตัวเอง ซึ่งบังคับให้ลูกค้าต้องลงทะเบียนตรวจสอบความถูกต้องเกมของตนกับ Valve โดยตรง ต่อมาทำให้มีเกมเมอร์จำนวนร้องเรียนบนฟอรัมว่า ‘เล่นเกมไม่ได้’ ซึ่งคุณ Mike Harrington ผู้ร่วมก่อตั้ง Valve อีกคนหนึ่งพบว่าผู้เล่นที่ร้องเรียนเหล่านี้จริง ๆ แล้วไม่ได้ซื้อเกม! แสดงว่าระบบป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นได้ผลจริง
คุณ Monica บอกว่า Valve นั้นก็คงจะพัฒนาระบบ DRM เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ดี อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็ว แต่เพราะวีรกรรมของหลานชายซึ่งเธอเอาไปเล่าให้ผู้พัฒนาคนอื่นฟัง จึงตระหนักได้ว่าต้องพัฒนาระบบนี้กันอย่างเร่งด่วน
ส่วนหลานชายของคุณ Harrington นั้น ในตอนแรกเขาไม่ได้คิดว่าตัวเอง (ในวัย 19) ทำอะไรผิด เพราะไม่ได้คิดคำนึงถึงเรื่องบริษัท ธุรกิจ ทรัพย์สินทางปัญญา หรือการละเมิดลิขสิทธิ์อะไรเลย แต่หลังจากที่พูดคุยกันถึงได้มาขอโทษเธอและตระหนักได้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่คิด หารู้ไม่ว่าวีรกรรมของเขากลายเป็นเหมือนโดมิโน่ตัวแรกที่ได้เปลี่ยนแปลงวงการเกม PC ไปตลอดกาล
แปลและเรียบเรียงจาก
PC Gamer
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station