ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2003 หรือวันนี้เมื่อ 22 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม Final Fantasy X-2 บนเครื่อง PS2 นี่ถือเป็นครั้งแรกของซีรีส์ Final Fantasy เลยที่มีการทำภาคต่อของภาคใดภาคหนึ่งออกมาแบบเป็นเรื่องเป็นราว โดยใครที่คุ้นเคยกับเกมตระกูลนี้มาก่อนคงทราบกันดีว่าแต่ละภาคหลักของเกมจะมีเนื้อเรื่องเป็นของตัวเอง และตัวละครที่จะไม่ข้องเกี่ยวกับเกมภาคอื่น ๆ เลย ซึ่ง FFX-2 เป็นเนื้อเรื่องตอนต่อที่เชื่อมโยงโดยตรงกับ FFX อีกทั้งมีตัวละครหลายตัวที่เคยปรากฏตัวใน FFX และมาโผล่ใน FFX-2 ซ้ำ พร้อมเนื้อหาส่วนขยายที่ทำให้ผู้เล่นเข้าใจเรื่องราวในโลกสปิร่า (Spira) มากขึ้นเช่นกัน
ด้วยความที่ FFX-2 เป็นภาคต่อของ FFX ดังนั้นเวลาอ่านออกเสียงเกมนี้ให้ถูกจึงต้องอ่านว่า ไฟนอลแฟนตาซี เท็น-ทู ตรงนี้ใครจะตีความหมายว่า ไฟนอลแฟนตาซี 10 ภาคสอง หรือ ไฟนอลแฟนตาซี ภาค 10 ตอนที่ 2 ก็แล้วแต่ถนัดได้เลย และบทความนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปรำลึกความหลังเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเกมนี้ครับ
(ล่าง) ปกเกม FF10-2 เวอร์ชั่นที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา
เหตุการณ์ของ FFX-2 จะเป็นช่วง 2 ปีถัดมา หลังจากที่ยูน่าและพรรคพวกเดินทางข้ามน้ำข้ามทวีปไปปราบซิน (Sin) และหยุดยั้งลูปวงจรอุบาทว์ที่สร้างขึ้นโดยเยวอน (Yevon) ได้สำเร็จ ทว่าพอหมดยุคเยวอนไป ผู้คนบนโลกกลับมีความเห็นแตกออกเป็นฝักฝ่าย บรรดาคนวัยหนุ่มสาวต่างพากันละทิ้งแนวทางปฏิบัติเดิม ๆ ของเยวอน แล้วหันไปเชิดชูเรื่องของเทคโนโลยีและจักรกลแทน ขณะที่คนวัยไม้ใกล้ฝั่งกลับมองว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นกะทันหันเกินไป ความขัดแย้งจึงทวีความรุนแรงขึ้น เกิดเป็นกลุ่ม Youth League ที่เป็นตัวแทนแนวคิดฝ่ายเสรีนิยม กับกลุ่ม New Yevon Party ที่เอียงไปทางอนุรักษ์นิยม และมีแนวโน้มจะบานปลายกลายเป็นสงครามครั้งใหม่ได้ ทั้งสองฝ่ายเลยหวังที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากยูน่า ผู้ที่ถูกยกย่องจากคนทั่วโลกว่าเป็นวีรสตรี เพื่อชิงความได้เปรียบจากเสียงของมหาชน
ภาคนี้จะมีตัวละครที่เราบังคับได้แค่ 3 คน คือ ยูน่า ริคคุ และ ไพน์ โดยยูน่ากับริคคุนั้นเป็นตัวละครหลักจาก FFX อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งสาเหตุที่ยูน่าจับพลัดจับผลูได้ไปออกผจญภัยอีกครั้ง ก็เพราะว่าเธอได้ไปเห็นภาพที่บันทึกอยู่ในสเฟียร์ลูกหนึ่งที่ปรากฏเป็นชายหนุ่มผู้มีรูปลักษณ์คล้ายกับทิดัส (พระเอกของ FFX และเป็นคนรักของยูน่า) จึงต้องการที่จะตามหาเบาะแสอื่นเพิ่มเติมด้วยความหวังที่จะได้พบกับทิดัสอีกครั้ง และแก๊ง 3 สาวนี้ก็มีชื่อเรียกที่ดึงมาจากพยัญชนะแรกของชื่อแต่ละคน รวมกันเป็น ยูริปะ (Yu-Ri-Pa) ที่มาจาก Yu(na) – Ri(kku) – Pa(ine) / ยังกับวงไอดอลยังไงยังงั้นเลย
พื้นฐานเกมเพลย์ของ FFX-2 ยังคงเป็นแนว RPG อยู่ แต่จะเพิ่มขอบเขตการผจญภัยและสำรวจมากกว่า FFX หลายเท่าตัว ผู้เล่นสามารถแวะไปยังสถานที่เกือบทุกแห่งบนโลกสปิร่าได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกม นอกจากนั้นแล้วยังมีการเพิ่มเควสต์ย่อยและมินิเกมหลายอย่างให้ได้เล่นได้ทำกัน เนื้อหาของเกมแบ่งออกเป็น 5 แชปเตอร์ ถ้าไม่นับพล็อตหลักแล้ว เป้าหมายสูงสุดของเกมนี้คือไล่เก็บค่า Completion ให้ถึง 100% ผ่านการทำเงื่อนไขต่าง ๆ ในแต่ละเมือง กับบางตัวละคร เพื่อปลดล็อคฉากจบสมบูรณ์ที่จะเป็นรางวัลแก่ผู้เล่นในกรณีที่ทำทุกอย่างครบถ้วน 100% เต็ม
ส่วนระบบต่อสู้จะมีการปรับปรุงระบบ ATB หรือ Active Time Battle โดยเปิดโอกาสให้ผู้เล่นชิงโจมตีเพื่อขัดแอ็กชั่นของศัตรูได้หากโจมตีมันถูกจังหวะ อีกทั้งสามารถทำคอมโบต่อเนื่องเพื่อสร้างดาเมจที่มากขึ้น พร้อมกับใส่ระบบ Dressphere ที่ให้ผู้เล่นเปลี่ยนชุดระหว่างต่อสู้ เพื่อใช้อบิลิตี้อื่น ๆ สร้างความหลากหลายได้ รวมถึงสามารถนำค่า AP ที่ได้จากการกำจัดศัตรูมาใช้ในการเรียนรู้สกิลใหม่ ๆ ซึ่งภาพรวมของระบบต่อสู้ใน FFX-2 จะมีความซับซ้อนกว่า FFX ผู้เล่นจึงต้องอาศัยการเล่นเป็นระยะเวลานานกว่า FFX พอสมควร กว่าจะคุ้นชินและเพลิดเพลินกับระบบได้อย่างต่อเนื่อง
เกร็ดน่ารู้เล็กน้อยเกี่ยวกับเกม
- เกม Final Fantasy X-2 เวอร์ชั่นญี่ปุ่นบน PS2 เป็นเกมสุดท้ายของซีรีส์นี้ที่จัดจำหน่ายในนามของ Squaresoft ก่อนที่จะไปควบรวมกับ Enix และเปลี่ยนชื่อเป็น Square Enix ในเดือนเมษายน 2003 ซึ่งตัวเกมเวอร์ชั่นนี้วางจำหน่ายในวันที่ 13 มีนาคม 2003 ตามที่ระบุไว้ตอนต้นบทความ
- ในตอนแรกทางทีมผู้พัฒนาเคยมีแผนที่จะทำสปินออฟของ FF10 เป็นจำนวน 2 เกม โดยเกมแรกตั้งใจว่าจะโฟกัสที่ตัวละครยูน่าเป็นหลัก และอีกเกมจะโฟกัสที่ตัวละครริคคุ แต่จนแล้วจนรอด ไอเดียดังกล่าวก็ถูกพับเก็บไป กระทั่งกลายสภาพมาเป็น FF10-2 ที่ยูน่ากับริคคุได้เป็นตัวละครหลักกันทั้งคู่
- คุณโยชิโนริ คิตาเสะ (Yoshinori Kitase) โปรดิวเซอร์ของเกมนี้เคยให้สัมภาษณ์ว่าชุดสาวแม่นปืน (Gunner) ที่ยูน่าสวมใส่ในเกมได้แรงบันดาลใจการออกแบบมาจากตัวละคร Lara Croft จากเกม Tomb Raider
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station
