Metaphor: ReFantazio – ปี 2024 ยังไม่จบ! ผู้ท้าชิง GOTY รายใหม่ขึ้นเวทีแล้ว

ปี 2024 ล่วงเลยเข้ามาถึงเดือนตุลาคมกันแล้วนะครับ แป๊บๆ ก็จะปีใหม่กันอีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ปีนี้ก็เป็นปีที่เกมเมอร์อย่างเราๆ อาจจะได้จดจำกันว่าเป็นอีกขวบปีที่อุดมไปด้วยเกมดีๆ มากมายตั้งแต่หัวปียันท้ายปี โดยเฉพาะกับเกมจากฟากฝั่งของประเทศญี่ปุ่นซึ่งฟอร์มดีฟอร์มดุกันเป็นพิเศษ

ทาง Atlus และ SEGA เองก็มีผลงานออกมามากมาย แต่ละเกมก็ได้คะแนนสูงกับมีเสียงตอบรับที่ยอดเยี่ยมทั้งนั้นไม่ว่าเป็น Persona 3 Reload หรือ Shin Megami Tensei V: Vengeance ทว่าจากในจำนวนเกมที่กล่าวมา มันคงไม่เกินไปนักหากจะบอกว่า Metaphor: ReFantazio ต่างหาก คือผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยานที่สุดในปีนี้ของ Atlus หรืออาจจะในหมู่เกม RPG ปี 2024 ทั้งหมดทั้งมวลก็ย่อมได้

Metaphor: ReFantazio

ผลงานแรกจาก Studio Zero สตูดิโอใหม่ของผู้กำกับ Persona

ชีวิตของนักพัฒนาเกมคนหนึ่งมันคงจะฟินใจไม่น้อยหากได้มีผลงานเกมที่ถูกยอมรับสักหนึ่งงาน แต่หากคุณมีงานเกมถึง 3 ชิ้นซึ่งถูกยอมรับว่าเป็นไอคอนิคแห่งเกม RPG Turn-based ยุคใหม่ และมีฐานแฟนๆ ของซีรีส์มากมาย การจะถูกเรียกว่าเป็นตำนานก็คงไม่ใช่การกล่าวเกินจริงไปนัก

Katsura Hashino คือชื่อของผู้กำกับเกมที่มีผลงานยาวเป็นหางว่าวแต่ที่เด่นสะดุดตาที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการมีเครดิตเป็นผู้กำกับของเกมอย่าง Persona 3, Persona 4, Persona 5 เรียงภาคกันมาอย่างยิ่งใหญ่ และไม่ว่าใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาคือหนึ่งในผู้กำกับเกมที่มือทองที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค

โดยหลังจากทำ Persona 5 เสร็จในปี 2016 คุณ Hashino ก็ได้ออกจาก P-Studio ยูนิตพิเศษของ Atlus ที่ทำเกม Persona โดยเฉพาะ เพื่อมาก่อตั้งสตูดิโอใหม่แต่ยังอยู่ใต้ชายคาของ Atlus เช่นเดิม ในนามของ Studio Zero เพื่อโฟกัสกับโปรเจ็กต์ที่เป็นดั่ง IP ความหวังใหม่ และนั่นคือจุดกำเนิดของ Metaphor: ReFantazio

Metaphor: ReFantazio

การรวมตัวกันอีกครั้งของ “ฮกลกซิ่ว” แห่ง Atlus

ความสำเร็จอันท่วมท้นของ Persona 5 นั้นอาจจะเป็นดั่งจุดสูงสุดในอาชีพของเหล่าหัวหอกในโปรเจ็กต์แต่ละคน นั่นจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายภายในมากมายหลังจากนั้น

Katsura Hashino ผู้กำกับ ได้เริ่มต้นใหม่กับ Studio Zero ตามที่ได้กล่าวไป แต่ตัวเขาและ Shigenori Soejima หนึ่งในคาแรคเตอร์ดีไซน์มือฉมังแห่งวงการก็ยังคงถือว่าทำงานอยู่ใน Atlus ในขณะที่ Shoji Meguro สุดยอดคอมโพสเซอร์ของยุคก็ได้ลาออกจาก Atlus ไปเป็นฟรีแลนซ์และทำเกมในฝันของตัวเอง

สุดยอดผู้กำกับ, สุดยอดคนทำเพลง และสุดยอดอาร์ตติส ที่อาจไม่ได้มีงานร่วมกันอีกแล้ว ไม่แปลกที่แฟนๆ ของ Persona นั้นจะหวั่นใจกัน ที่เห็นสุดยอดดรีมทีมทำเกมในฝันของพวกเขาต้องแยกย้ายกันเดินในเส้นทางของตัวเอง

Metaphor: ReFantazio

แต่แล้วทั้ง 3 เส้นทางก็วนกลับมาบรรจบกันอีกครั้งใน Metaphor: ReFantazio กับตำแหน่งที่ทุกคนจะได้แสดงฝีมือได้ดีที่สุด Katsura Hashino – ผู้กำกับ, Shigenori Soejima – คาแรคเตอร์ดีไซน์, Shoji Meguro – ผู้ประพันธ์เพลงหลัก

สำหรับแฟนๆ คงไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่า “คุณกลับมาแล้ว”

Trinity ของค่าย, ฮกลกซิ่ว แห่ง Atlus กับงานที่เป็น IP ใหม่ ความหวังใหม่ Metaphor: ReFantazio น่าสนใจตั้งแต่ยังไม่เห็นเกมเพลย์เสียด้วยซ้ำไป

Metaphor: ReFantazio

ดรีมทีม Persona ในวันที่ไม่มีธีม Persona มาครอบอีกต่อไป

ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไรกับเหตุผลในวันที่คุณ Katsura Hashino ออกจากสตูดิโอที่ตนทำงานมานับ 10 ปี เพื่อมาก่อตั้ง Studio Zero และริเริ่มโปรเจกต์ที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็นดั่ง “เสาหลักต้นที่ 3 ของ Atlus” ขึ้นมา ซึ่งเป็นเกมในสไตล์แฟนตาซีที่ตัวเองต้องการ

ดังนั้นแล้ว Metaphor: ReFantazio จึงเป็นเกมที่หลุดจากธีมแนวโรงเรียนกับพลังพิเศษไปไกล สู่ความไฮแฟนตาซีที่ไม่มีอะไรมาตีกรอบ นี่คือโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่หมดจรดโดยที่แทบไม่มีอะไรมารีเลทกับโลกจริง เผ่าพันธุ์ที่แตกต่างหลากหลายอาศัยอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะมีเขา, เป็นค้างคาว, หูแหลม หรือ 3 ตา แม้จะมีเรื่องของการกดขี่ทางชนชั้น หรือระบบระเบียบทางสังคมที่มีศาสนาเป็นแกนนำในแบบที่คล้ายกับสังคมในยุคกลางอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็มีศัตรูร่วมกันคือภัยร้ายจากอสุรกายที่ถูกเรียกว่า Human หรือ มนุษย์ นั่นเอง

Metaphor: ReFantazio

ภายในเกมเราจะได้เห็นการปลดปล่อยจินตนาการของทีมพัฒนาออกมาในระดับทะลักทะลายราวกับมันถูกกักเก็บไว้และไม่เคยถูกเอาออกมาใช้ เซ็ตติ้งโลกและ Lore ของเกมที่แข็งแกร่ง รูปแบบการใช้พลังที่มีทั้งความคุ้นเคยและสดใหม่ไปในตัว ความรุ่มรวยฟุ้งเฟ้อของงานออกแบบศิลป์ที่แพสชั่นจัดจนทะลักออกมาผ่าน UI หรือเก็บทุกเม็ดยันช็อตทรานซิชั่น รวมไปถึงเพลงธีมสุดอลังฯ ที่โคตรจะติดหู

ทำให้ Metaphor: ReFantazio กลายเป็นดั่งสนามเด็กเล่นที่พวกเขาจะได้ละเลงจินตนาการซึ่งไม่เคยได้ถูกใช้ออกมาอย่างเต็มที่ เป็นอาร์ตฟอร์มที่ถูกรังสรรค์โดยเหล่าผู้ถูกเรียกว่าตำนานอย่างแท้จริง

Metaphor: ReFantazio

50 ชั่วโมงผ่านไปความกระหายอยากจะกดเข้าเกมที่ไม่เคยลดลง

ทั้งนี้ทาง Online Station ของเราได้รับโค้ดจากทาง SEGA มาทำรีวิว ก่อนที่เกมวางจำหน่ายครับ ทำให้ในขณะที่เขียนบทความนี้อยู่ ตัวผมเองก็กำลังทำรีวิวเกมควบคู่กันไปด้วย โดยกดไปแล้ว 4 วันกว่าๆ กับเวลาราวๆ 50 ชั่วโมง บางเกมถ้าต้องหักโหมเล่นขนาดนี้ ด้วยอายุ 30 กลางๆ ก็ต้องบอกว่าต้องมีเหนื่อยมีท้อ ปวดเนื้อปวดตัวจนพาลให้ไม่อยากเข้าเกมอยู่บ้าง

แต่อนิจจามันไม่เกิดขึ้นกับ Metaphor: ReFantazio

เกมนี้เหมือนดึงเอาความเป็นเด็กที่เคยอยากเล่นเกมหามรุ่งหามค่ำกลับมาสู่ตัวผมได้อีกครั้ง ถึงกับต้องขอภรรยาว่าช่วงนี้จะเล่นเกมนี้อย่างเดียวชวนไปไหนขอไม่ไปนะ(ฮา) แม้ส่วนหนึ่งมันอาจจะเพราะเป็นงานที่ผมต้องรีบเล่นให้จบก่อนเขียนรีวิว แต่อีกส่วนหนึ่งส่วนใหญ่ก็คือผมกำลังโลดเต้นในใจที่ความรู้สึกเอนจอยกับเกมใดเกมหนึ่งมากๆ มันได้หวนกลับมาทักทายกันอีกครั้ง

Metaphor: ReFantazio

ซึ่งมันเป็นความรู้สึกสุดพิเศษที่มีให้กับเกมที่มีความพิเศษเท่านั้นจริงๆ Metaphor: ReFantazio เหมือนพาผมเข้าไปรู้จักกับโลกใหม่ที่อาจจะมีบางเอเลเมนต์ที่คุ้นเคยบ้าง แต่ก็ต้องทำความรู้จักใหม่ทั้งหมด ช่วงต้นเกมจึงเหมือนการที่ตัวเกมจะพาไปแนะนำตรงนู้นตรงนี้ เป็นการปูพื้นที่อาจต้องใช้เวลา แต่ก็ยังรักษาจังหวะและความรู้สึกสนุกสนานในระดับหนึ่งได้ (ส่วนนี้คิดว่ามีในเดโม ไปลองเล่นกันได้นะ)

พอเข้าสู่ช่วง King’s Trials ที่เกมมีสไตล์โร้ดทริปเพิ่มเข้ามาก็เริ่มรู้สึกเลยว่าความสนุกของเกมถูกดีดขึ้นไปอีกระดับ ก่อนที่จากนั้นเนื้อเรื่องและความท้าทายของเกมก็ค่อยๆ ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อยากหลับอยากนอน อยากจะเล่นให้รู้เนื้อเรื่องต่อว่ามันจะไปจบที่ตรงไหน

Metaphor: ReFantazio

ขณะที่เกมเพลย์ยังคงเป็น Turn-Based ตามสไตล์ถนัดที่ถูกต่อยอดมาจาก Persona 5 ชัดเจน เต็มเปี่ยมไปด้วยสไตล์สุดเท่ห์ แต่ใช้งานง่ายอย่างน่าทึ่ง คล่องแคล่วในการกดปุ่มจนความรู้สึกน่าเบื่อของเกมแนวนี้มันแทบไม่เหลือ เสริมเติมด้วย Quality of life ที่ทำให้ชีวิตสะดวกกว่าเดิม อย่างเช่นหากทำ Ambush ใส่ศัตรูได้ มันจะไม่ใช่แค่ศัตรูมึนแต่ยังลดเลือดด้วย ส่งให้ผู้เล่นมีความมั่นใจในการบวกศัตรูเลเวลสูงกว่ามากขึ้น แต่ในทางกลับกันหากผู้เล่นถูก Ambush คืน แม้แต่ศัตรูยิบย่อยรายทางก็พร้อมมอบนรกให้กับผู้เล่นได้เช่นกัน

Metaphor: ReFantazio

ระบบ Archetype คือลูกเล่นใหม่ระดับพระเอกที่ทำให้เกมนี้แตกต่างออกไปจากงานชิ้นก่อนๆ ว่าง่ายๆ มันเหมือน Class ที่มี Job แตกต่างกัน รวมถึงแต่ละ Class ก็จะมีร่างอัปเกรดของตัวเองแยกไปอีก แม้อาจต้องทำความเข้าใจสักหน่อย แต่ระบบนี้ทำให้ตัวผู้เล่นต้องปรับเปลี่ยนแผนหน้างานอยู่บ่อยครั้ง แต่ละ Class มีจุดเด่นจุดด้อยชัดเจนเป็นของตัวเอง แม้คุณจะมี Class โปรดแต่มันจะมีจุดที่ทำให้คุณต้องเปลี่ยน Class เพื่อเอาตัวรอดหรือผ่านด่านอยู่ดี ในความรู้สึกผมเกมนี้มีการวางแผนที่เข้มข้นกว่างานก่อนหน้าระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ผมเล่นมาราวๆ 50 ชั่วโมง แต่คิดว่าน่าจะเลยครึ่งเกมไปหน่อยเดียว ใครที่ต้องการซื้อเกมเอาคุ้ม เกมนี้ก็ให้ได้แน่นอนการันตีเวลาเล่น 80 ชั่วโมง++ พร้อมกับ NewGame+ ที่พร้อมส่งต่อไอเทมและ Progress ของ Archetype ทั้งหมดสู่การเล่นรอบใหม่ ในความยากระดับ King of Kings โหดหินที่สุดของเกมซึ่งจะปลดล็อคหลังการเล่นรอบแรกเท่านั้นครับ

Metaphor: ReFantazio

พร้อมขึ้นชกชิง Game of the Year

ด้วยคุณภาพที่ประสบพบเจอมาทั้งหมด 50 ชั่วโมงแล้วยังอยากเล่นต่อเรื่อยๆ ผมค่อนข้างกล้าพูดเลยว่า Metaphor: ReFantazio มีคุณสมบัติเพียงพอในการเข้าชิง Game of the Year และเป็นตัวเต็งของ RPG of the year แน่นอน

ทุกเอเลเมนต์ของเกมเต็มเปี่ยมไปด้วยแพสชั่นจากทีมพัฒนาจนสัมผัสได้ เป็นเกมที่คนสร้างเอาใจลงไปเล่นกับมันอย่างเต็มที่ รู้เลยว่าเป็นสิ่งที่อยากทำมานาน ก่อนออกมาเป็นผลงานที่อัดแน่นไปด้วย “ความเป็นเกม” ในทุกส่วนสัด ไม่ว่าจะการเล่าเรื่อง งานศิลป์ เกมเพลย์ที่สนุกสนาน หรือความคุ้มค่าจากเกมราคาสูงในยุคปัจจุบัน Metaphor: ReFantazio มีทุกอย่างที่กล่าวมาครับ

Metaphor: ReFantazio

ยังไม่ต้องเชื่อผม ลองเดโมกันสักหน่อย แล้วจะสัมผัสได้ว่าที่ผมพูดมันไม่ไกลเกินจริงครับ

Metaphor: ReFantazio มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 11 ตุลาคมนี้ บนเครื่อง PS4/PS5, Xbox Series และ PC ครับ


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้