[รีวิว] Dead Rising Deluxe Remaster เกมเก่าที่นำมาปัดฝุ่นใหม่ เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการความสนุกสุดแนว

Dead Rising Deluxe Remaster เป็นเกมแนวแอ็คชั่น ผจญภัย ที่ทาง Capcom ได้นำเกม Dead Rising ภาคแรกที่วางจำหน่ายไปเมื่อปี 2006 กลับมารีมาสเตอร์และยกเครื่องใหม่ในหลาย ๆ ด้าน เรื่องระบบกราฟิกใหม่อย่าง RE Engine ที่ทำให้เพิ่มความสวยงาม สมจริงให้กับตัวละคร ซอมบี้ สถานที่หรือฉากต่าง ๆ ภายในเกม นอกจากนี้ยังรองรับความละเอียดในระดับ 4K รันที่อัตราเฟรม 60 FPS อีกด้วย โดยตัวเกม Dead Rising Deluxe Remaster นั้นมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง ไปติดตามบทความรีวิวชิ้นนี้พร้อมกันได้เลยครับ

เนื้อเรื่อง

ภายในเกม Dead Rising Deluxe Remaster ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Frank West นักข่าวอิสระ ที่เขาได้รับรู้ถึงข่าวลือบางอย่างภายในเมือง Willamette ที่รัฐโคโลราโดดังนั้นเขาได้ร่วมกับเพื่อนขึ่นเฮลิคอปเตอร์ไปถึงกลางเมืองก็พบเหล่าซอมบี้จำนวนมหาศาลได้ออกอาละวาดไปทั่วเมือง ดังนั้นเขาจึงเลือกลงที่ห้างสรรพสินค้า Willamette Parkview Mall และด้วยสายเลือดนักข่าวที่เข้ามข้นทำให้เขาจำเป็นต้องค้นหาสาเหตุและเปิดโปงถึงเหตุการณ์ที่เกิดในตอนนี้ให้ได้ แต่มันคงไม่ได้ง่ายดายแน่เพราะห้างสรรพสินค้าแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยเหล่าซอมบี้และเหล่าผู้รอดชีวิตที่รอคอยการข่วยเหลือ หรือบางคนก็สติแตกจ้องจะเอาชีวิตเขาเช่นกัน! โดยปฏิบัติการนี้มีเวลาเพียง 72 ชั่วโมงเท่านั้น!

สำหรับการดำเนินเรื่องภายในเกมนี้นั้นทำออกมาได้ดี น่าติดตาม ตัวเกมถ่ายทอดเรื่องราวผ่านคัทซีนและบทพูดของตัวละคร หลาย ๆ เหตุการณ์รู้สึกถึงการมีส่วนร่วมกับเกมได้ดี และบทสรุปของเรื่องจะเป็นอะไรที่คลายปมทั้งหมด อีกหนึ่งสิ่งที่รู้สึกชอบคือ ตัวละครภายในเกมที่มีส่วนช่วยในขับเคลื่อนเนื้อเรื่อง รวมถึงเกมเพลย์ได้เป็นอย่างดี พวกเขาจะมีปฏิสัมพันธ์และบอกเล่าเรื่องเรื่องราวที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีตัวละครหลาย ๆ ตัวที่น่าจดจำ ทั้งเพื่อน ๆ และเหล่า NPC ต่าง ๆ ที่พบเจอ ส่วนของคัทซีนต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

เกมเพลย์

โดยรวมแล้วเกมเพลย์ของ Dead Rising Deluxe Remaster นั้นไม่ได้แตกต่างจากภาคต้นฉบับที่วางขายในปี 2006 ถือว่าเป็นการเคารพภาคต้นฉบับได้อย่างดี แต่กระนั้นทางทีมงานผู้พัฒนาเกมก็ได้เพิ่มเอาฟีเจอร์และปรับปรุงเกมเพลย์ในบางจุดให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างลงตัว เช่น ระบบควบคุมตัวละครที่ง่ายดาย, การเดินพร้อมเล็งปืนไปด้วย, ระบบการเซฟเกมอัตโนมัติก่อนเข้าไปยังฉากถัดไปหรือเข้าต่อสู้กับบอส รวมถึงสามารถกดข้ามไปยังเวลาที่กำหนดได้ (ใช้สำหรับเอาไว้ทำภารกิจหลัก), ค่าอาวุธที่บ่งบอกว่ามีความเสียหายแค่ไหน, แผนที่และตัวนำทางที่เข้าใจง่าย รวมถึงการออกคำสั่งต่าง ๆ ให้เหล่า NPC ที่เราได้ช่วยเหลือ เช่น จับมือให้เดินตาม รอตรงจุดที่กำหนด และอื่น ๆ ถือว่าตรงจุดนี้ได้รับการปรับปรุงดีกว่าเกมภารต้นฉบับอย่างมาก

ผู้เล่นจำเป็นต้องเอาตัวรอดจากเหล่าซอมบี้ ซึ่งก็จะมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ได้พบเจอและแก้ไขให้มันผ่านพ้นไปด้วยดี การใช้อาวุธที่หาได้ภายใน Willamette Parkview Mall มาใช้ต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นั้นเป็นอะไรที่น่าสนุก โดยเราสามารถใช้ได้ตั้งแต่ กระทะ จาน ไม้เบสบอล กีตาร์ ลังไม้ ชั้นวางเหล็ก หุ่นโชว์ เครื่องตัดหญ้า เลื่อยยนต์ ไม้เเขวนเสื้อ และอื่น ๆ เรียกว่าเกือบทุกอย่างที่หาได้ใช้เป็นอาวุธได้หมด

ทั้งนี้ภายในเกมจะไม่ได้เผชิญหน้ากับเหล่าซอมบี้เพียงอย่างเดียว เราจะได้เจอกับเหล่าผู้คนที่วิกลจริต สติหลอน เหล่านักโทษบ้าเลือดและอื่น ๆ ด้วย นับว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่ท้าทายในการเล่น โดยการต่อสู้กับพวกเขาเหล่านี้แม้ไม่ยากเท่าไหร่ แต่เราก็จำเป็นต้องกะจังหวะในการจู่โจม รวมถึงต้องใช้เทคนิค กลยุทธ์บางอย่างในการล้มพวกมันลงให้ได้ (ผู้เล่นสามารถเตรียมพร้อมด้วยการนำอาวุธ อัปเกรดตัวละครก่อนจะเผชิญหน้ากับพวกมันได้)

นอกจากนี้เรายังสามารถถ่ายรูปต่าง ๆ ตามที่ตัวเกมกำหนดเพื่อช่วยเพิ่มคะแนน PP Points ในการปลดล็อกความสามารถด้านต่าง ๆ ด้วย Frank West นั้นเป็นนักข่าวอิสระ ดังนั้นกล้องในภาคนี้จึงได้ถูกยกระดับด้วยเช่นกัน เช่น มีฟิวเตอร์ที่ใช้ในการปรับแต่งภาพ ใส่สีและอื่น ๆ ลงในภาพ (ปลดล็อกและอัปเกรดได้จากร้านขายกล้องภายในห้างสรรพสินค้า) และถ้าหากไม่ต้องการเดินทาง ตัวเกมก็มียานพาหนะอย่างรถมอเตอร์ไซต์ รถสปอร์ตคันหรู รถตู้ส่งของ ไว้ให้ขับขี่ได้อีกด้วย

ภายในเกมผู้เล่นจำเป็นต้องทำภารกิจหลักให้ครบ ภายในเวลา 75 ชั่วโมง แต่กระนั้นตัวเกมก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ออกท่องเที่ยว สำรวจภายในห้าง Willamette Parkview Mall ที่มีขนาดใหญ่ พร้อมทั้งภารกิจรองต่าง ๆ ที่มันส์ไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น การช่วยเหลือผู้ริดชีวิตรายอื่น ๆ, ถ่ายรูปสถานที่ต่าง ๆ หรือเหล่าซอมบี้เพื่อเพิ่มค่า PP หรือค่าประสบการณ์ใช้ในการอัปเกรดตัวละคร, เดินหาอาวุธสุดแก่งที่ใช้รับมือกับเหล่าซอมบี้คลั่ง (โดยส่วนตัวเลือกใช้เลื่อยไฟฟ้าจัดการพวกมัน ถือว่าเป็นอะไรที่มันส์สะใจดี 555+)

กราฟิกและระบบเสียง

ระบบกราฟิกถือเป็นสิ่งแรกที่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่งตรงจุดนี้ทางผู้พัฒนารังสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงามสมจริงกว่าเดิม ถือเป็นจุดเด่นหลักของเกมนี้ไปโดยปริยาย ทั้งรูปลักษณ์ การเคลื่อนไหวของตัวละคร อาวุธ ฉากต่าง ๆ แสง เงา สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ทำออกมาได้ดี เต็มไปด้วยรายละเอียด ต้องขอชื่นชม RE Engine ที่แสดงศักยภาพด้านกราฟิกให้กับเกมนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ในความคมชัดระดับ 4K พร้อมรัน 60 FPS

ดังนั้นเราจะได้เห็นโมเดลและการเคลื่อนไหวของตัวละครที่สมจริง แสงเงาแบบเรียลไทม์ ทำให้เราได้รับอรรถรสในการเล่นเป็นจัดเต็ม ส่วนระบบเสียงภายในเกมถือว่าทำออกมาใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงประกอบ เสียงปืน เสียงซอมบี้ เสียงพากย์ตัวละคร เสียงของอาวุธต่าง ๆ ที่ใช้ต่อสู้กับซอมบี้ มันช่วยเพิ่มความมันส์สะใจในการเล่นเกมได้อย่างดี

บทสรุปส่งท้าย

Dead Rising Deluxe Remaster นั้นสร้างความประทับในหลาย ๆ ด้าน สิ่งแรกเลยคงหนีไม่พ้นในเรื่องของกราฟิกที่ในคราวนี้ทาง Capcom ได้นำเอาสุดยอดเอนจิ้นอย่าง RE Engine มาใช้รังสรรค์และยกระดับในเรื่องของด้านภาพที่สวยาม สมจริง ตามยุคสมัยใหม่ และอีกหนึ่งสิ่งที่โดเด่นไม่แพ้กันคือ เกมเพลย์ที่ยังคงเอกลักษณ์ที่มีการต่อสู้กับเหล่าซอบบี้จำนวนมหาศาลด้วยวิธีการสุดหลุดโลก มีอาวุธมากมายให้ได้เลือกใช้ ตัวละครอย่างพี่ Frank West ที่มีเอกลักษณ์ เสริมเข้ากับฟีเจอร์ใหม่ ๆ นอกจากนี้ตัวเกมยังมีพวกชุดต่าง ๆ ที่เปรียบเหมือนสกินจากเกมต่าง ๆ ในเครือของทาง Capcom เช่น เกมในซีรีส์ Resident Evil, Street Fighter, Mega Man และอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มมิติและความน่าเล่นได้เป็นอย่างดี

แม้ตัวเกมจะมีข้อเสียเล็กน้อยที่พบเจอคืออาจจะมีบั๊กรบกวนบ้าง ฉากที่ขึ้นลิฟย์ไปที่ห้อง Security Room จะเจอกลุ่มซอมบี้อยู่ในลิฟย์ตลอด ๆ หรือบางครั้งซอมบี้ก็เดินทะลุพวกกำแพงหรือโผล่ให้เห็นแบบครึ่งตัวตรงกำแพง แต่โดยรวมแล้ว Dead Rising Deluxe Remaster ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าสนใจเหมาะสำหรับเกมเมอร์วัยเก๋าที่อยากรำลึกความหลัง หรือเกมเมอร์หน้าใหม่ที่ต้องการเล่นเกมแอ็คชั่นผจญภัยฝ่าดงซอมบี้สุดแนวในแบบไม่เหมือนใคร เอาเป็นว่าถ้าได้ลองเล่นเกมนี้รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ