รีวิวเกม Astro Bot – ในที่สุด PlayStation ก็สร้างผู้ท้าชิงลุงหนวดได้เสียที

Astro Bot

ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ทศวรรษเต็มของแบรนด์ PlayStation พวกเขาได้สร้างสรรค์ตัวละครระดับมาสค็อตขึ้นมาเป็นหน้าเป็นตาในวงการเกมออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นโทโร่ อิโนอุเอะ (Doko Demo Issho), เครโทส (God of War), เนธาน เดรค (Uncharted), เอลอย (Horizon) หรือแม้แต่ จิน ซาไค (Ghost of Tsushima) แต่แทบไม่มีตัวละครไหนที่พอจะมีดีกรีได้เป็นมาสค็อตของเกมแนวแอ๊กชั่นกึ่งแพลตฟอร์เมอร์เลย

และแล้วกระทั่งการมาของเจ้าหุ่นจิ่วอย่าง Astro Bot ที่ถือกำเนิดเมื่อปี 2018 เป็นต้นมาในฐานะเกมแนวแพลตฟอร์เมอร์บน VR ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างถล่มทลาย ก่อนจะพัฒนากลายมาเป็นเกมที่แถมพร้อมเครื่อง PS5 ในชื่อ Astro’s Playroom และนั่นจึงเป็นความหวังครั้งใหม่ที่ PlayStation หมายมั่นที่จะดันให้เกิดเป็นมาสค็อตระดับแถวหน้าของแบรนด์ให้ได้ โดยตัวเกมภาคล่าสุดนั้นใช้ชื่อเรียบง่ายว่า Astro Bot ก็กำลังจะวางขายในวันที่ 6 กันยายนนี้ เกมเป็นอย่างไร มีดีขนาดไหน เชิญชมรีวิวของทาง Online Station ผ่านบทความนี้ได้เลยครับ


ผู้พัฒนา: Team Asobi
แนวเกม: แอ๊กชั่น/แพลตฟอร์เมอร์
วางจำหน่าย: 6 กันยายน 2024
แพลตฟอร์ม: PS5

**ทีมงาน Online Station ขอขอบคุณทาง Sony Interactive Entertainment ประเทศสิงคโปร์ที่มอบโค้ดเกม Astro Bot สำหรับการรีวิวมา ณ ที่นี้ด้วย**


พล็อตเรื่องคร่าว ๆ

เรื่องราวของเกมจะกล่าวถึงยานแม่ที่มีรูปทรงเหมือน PS5 ของชาวแอสโทรบอตที่ถูกโจมตีโดยวายร้ายที่เป็นมนุษย์ต่างดาว โดยการโจมตีดังกล่าวได้ทำให้ยานเสียหายอย่างหนักจนชิ้นส่วนกระจัดกระจายไปตกบนดาวเคราะห์ต่าง ๆ ในกาแล็กซี ไม่เว้นแม้แต่เหล่าแอสโทรบอตทั้ง 300 ชีวิตที่กระเด็นกระดอนไปพร้อมชิ้นส่วนยานเช่นกัน ร้อนถึงผู้นำกลุ่มแอสโทรบอตที่เป็นตัวเอกของเกมต้องบุกตะลุยดันเจี้ยนในแต่ละดาวเพื่อตามหาพรรคพวกและชิ้นส่วนยานที่สูญหายกลับคืนมาซ่อมแซมให้ได้

การออกแบบฉากและการผจญภัย

ตัวเกมมีการลำดับให้ผู้เล่นต้องตะลุยไปทีละดาว (เสมือนแบ่งเป็น World หรืออาณาจักรแบบเกมสไตล์แพลตฟอร์เมอร์ทั่วไป) โดยแต่ละดาวก็จะมีด่านยิบย่อยอยู่ประมาณ 5-6 ด่านที่จำเป็นต้องผ่านตามเนื้อเรื่อง ขณะที่มีอีกราว ๆ 5-6 ด่านที่เป็นด่านเสริมประเภทชาเลนจ์ ซึ่งมีความยากสูงกว่าด่านเนื้อเรื่องทั่วไป ทว่าด่านเหล่านี้ก็จะมีพรรคพวกของแอสโทรบอตให้ช่วยอยู่ท้ายฉากเช่นกัน ดังนั้นใครที่ต้องการเก็บถ้วยแพลตินัมหรือค้นหาความลับในเกมให้ปรุโปร่งก็จำเป็นต้องเล่นให้จบทุกฉาก ช่วยแอสโทรบอตให้ครบทุกตัว และเก็บไอเทมที่ซ่อนอยู่มาให้หมดเท่านั้น

ทีนี้ บรรดาด่านในเกมล้วนมีความยาวกำลังดี ใช้เวลาเพียงราว ๆ 10-15 นาทีต่อด่าน อีกทั้งแฝงด้วยลูกเล่นที่บางด่านเราต้องใช้อุปกรณ์เสริมในการผ่าน ขณะที่บางด่านก็ต้องใช้ไหวพริบหรือความช่างสังเกตของผู้เล่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเกมเลือกใช้เทคนิคการบอกใบ้ผู้เล่นที่อาจจะติด ไขปริศนาไม่ออก หรืออยู่ที่ใดที่หนึ่งนานผิดปกติด้วยภาพประกอบแทนข้อความที่เข้าใจและทำตามได้ง่าย ทำให้เกิดความต่อเนื่องระหว่างเล่น และไม่ชวนให้ผู้เล่นรู้สึกเบื่อหรือท้อแท้กับอุปสรรคตรงหน้าไปเสียก่อน

ขณะเดียวกัน ดาวแต่ละดวงก็จะมีบอสประจำอยู่ด้วย โดยบอสไฟต์ของเกมนี้ทำออกมาได้สนุกมาก นอกจากผู้เล่นจะต้องคอยสังเกตการเคลื่อนไหวและอากัปกิริยาของมันเพื่อหาทางหลบและคอยโจมตีสวนแล้ว อนิเมชั่นต่าง ๆ ที่บอสออกท่าทางเวลามันเพลี่ยงพล้ำหรือใช้ท่าไม้ตายก็ดูน่ารักและเพลินราวกับได้ชมภาพยนตร์การ์ตูนอนิเมชั่นดี ๆ เรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ และพอเราเล่นงานบอสไปจนถึงระดับหนึ่ง ก็จะเข้าสู่เฟสถัดไปที่การโจมตีของบอสจะแพรวพราวกว่าเดิมและรับมือยากขึ้น ซึ่งทุกช่วงของการต่อสู้ผู้เล่นจะรู้สึกได้ถึงการนำเสนอที่ชวนให้เราทึ่งไปกับไอเดียของทีมผู้พัฒนาได้ตลอด

ทางด้านอุปกรณ์เสริมของแอสโทรบอตจะมีให้ใช้อยู่หลายชนิด ตั้งแต่เจ็ตแพ็คที่ช่วยให้เราพุ่งทะยานไปข้างหน้าหรือขึ้นข้างบนแบบแนวดิ่งได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงถุงมือที่ยืดไปชกหรือจับตัวศัตรูเหวี่ยงไปมาได้ ตลอดจนนาฬิกาที่ช่วยชะลอเวลาเพื่อใช้ผ่านพื้นที่บางจุดของด่าน ฯลฯ ซึ่งอุปกรณ์เสริมพวกนี้ถูกออกแบบให้ใช้ควบคู่กับลูกเล่นของด่านได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะในแง่ของการวางตำแหน่งที่เราต้องใช้อุปกรณ์เสริม หรือกิมมิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการใช้อุปกรณ์เสริมแต่ละช่วง ทำให้เรารู้สึกได้ว่าแทบทุกองค์ประกอบของการผจญภัยล้วนผ่านการใช้ความคิดสร้างสรรค์และเจียระไนมาอย่างรอบคอบแล้ว

ส่วนเรื่องการออกแบบด่าน ในดาวดวงหนึ่งจะประกอบไปด้วยด่านที่มีภูมิประเทศต่าง ๆ ปะปนกัน บางด่านจะเป็นธีมน้ำแข็ง บางด่านเป็นป่า ห้วงอวกาศ ธารลาวา เป็นต้น ยิ่งเมื่อเราปราบบอสของดาวได้แล้วก็จะสามารถช่วยบอตที่เป็นตัวละครจากเกม 1st Party ของ PlayStation และปลดล็อคด่านที่เป็นธีมจากเกมของตัวละครดังกล่าวด้วยเช่นกัน และท่ามกลางบรรดาด่านทั้งหลายที่มีให้เล่นในเกมก็จะมีบอตที่เป็นตัวละครจากเกมที่ผู้เล่นล้วนคาดไม่ถึงอีกเพียบ

Astro Bot มีการไทอินความเป็น PlayStation เข้ามาเป็นระยะ ถ้าเรียกว่าเป็นการเซอร์วิสแฟน ๆ PlayStation ก็คงไม่ผิดนัก เมื่อเราเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอมุกใหม่ ๆ ทยอยโผล่ให้เราได้อมยิ้มและร้องอ๋อกับภาพความทรงจำเก่า ๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เส้นทางเกือบ 30 ปีของ PlayStation ที่สอดแทรกเข้ามาแบบเนียน ๆ ผ่านทั้งเกมเพลย์และคัตซีนเนื้อเรื่อง ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดเลย

หากจะมีอะไรที่พอมองเป็นจุดอ่อนของเกมนี้ก็น่าจะเป็นประเด็นของ Replayability ซึ่งหลัก ๆ ก็คือเรื่องของด่านและบอสที่ถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นสัมผัสประสบการณ์จากการเล่นครั้งแรกแบบเต็มที่ และมีเพียงระดับความยากเดียวหรือโหมดพิเศษให้เล่น พอมาเล่นรอบถัดมา ผู้เล่นที่รู้วิธีปราบบอสและวิธีไขปริศนามาแล้วก็จะไม่เหลือความท้าทายอีก (กรณีนี้ต้องรอ DLC ที่กำลังจะตามมาในอนาคตอันใกล้ครับ)

ฟีเจอร์และการแสดงผล

เกมนี้มีการใช้ฟีเจอร์ของจอย DualSense เรียกว่าเต็มประสิทธิภาพทุกสิ่งอย่างกับการผจญภัย นับตั้งแต่การใช้ไจโรควบคุมยาน Dual Speeder ที่มีรูปร่างคล้ายกับจอย DualSense แบบติดปีก, การสังเกตการสั่นจากระบบ Haptic Feedback เพื่อค้นหาทางลับของฉาก รวมถึงการสั่นจากการออกอิริยาบถทุกอย่างของตัวละครและวัตถุแวดล้อมในเกม, การใช้ปุ่ม L2 R2 จากระบบ Adaptive Trigger ผ่านการกดหลายรูปแบบเพื่อการโจมตีที่แตกต่างกัน พ่วงระบบเสียงที่ออกจากจอย DualSense

เฟรมเรตของเกมอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สามารถคงระดับที่ 60 FPS ได้ตลอดทั้งเกม ซึ่งเกมนี้ไม่มีให้เลือกโหมดเน้นความละเอียดหรือโหมดประสิทธิภาพแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวเกมมาในสไตล์อนิเมชั่นน่ารักที่ไม่ได้เน้นกราฟิกอลังการกินสเปคเวอร์วัง การผจญภัยจึงดูไหลลื่น เพลิดเพลินแบบไม่เสียอรรถรสเลย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตัวเกมอธิบายผู้เล่นทุกอย่างด้วยรูปภาพหรือคลิปประกอบทั้งหมด และมีภาษาไทยปรากฏในเกมน้อยมาก ๆ เพราะฉะนั้นเกมนี้เลยทลายข้อจำกัดด้านกำแพงภาษาไปได้มาก และไม่จำเป็นต้องอ่านข้อความก็สามารถรับรู้เรื่องราวในเกมได้ชัดเจนและเข้าใจง่าย

สรุป

มันไม่ใช่เรื่องเกินเลยครับถ้าจะพูดกันตรงนี้เลยว่า Astro Bot ทำได้อย่างดีเยี่ยมในฐานะเกมหลักภาคแรก (ที่ไม่ใช่เกม VR หรือเกมฟรีที่แถมมาพร้อมเครื่อง) และมีศักยภาพสูงพอที่พร้อมจะเป็นผู้ท้าชิงกับซีรีส์เกมแนวแพลตฟอร์เมอร์ระดับตัวพ่ออย่าง Super Mario ได้เต็มภาคภูมิเสียที ด้วยเกมเพลย์ที่โชว์ไอเดียสร้างสรรค์ ภาพลักษณ์ที่น่ารักปนฮา เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย มิหนำซ้ำยังรีดความเป็น PlayStation มาใช้ได้ทุกอณู ทั้งฟีเจอร์ของจอยและเครื่อง และประวัติศาสตร์ของค่ายสีน้ำเงินมานำเสนอได้แบบฟิน ๆ

Score 10/10


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้