รีวิวเกม Visions of Mana – ซีรีส์ในตำนานที่เก่าหน่อยแต่ยังสนุกอยู่

Visions of Mana เป็นเกมล่าสุดในซีรีส์ Mana หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันดีในในนาม Seiken Densetsu ในภาษาญี่ปุ่น เกมแรกในรอบ 15 ปีกันเลยทีเดียวครับ ซึ่งอาจจะรู้สึกว่าทิ้งช่วงห่างนานไปสักหน่อยสำหรับหนึ่งในเกม RPG ในตำนานมีฐานแฟนมากมายเกมนี้ แต่ปี 2024 ก็ถือว่าเป็นไทม์มิ่งที่ดีสำหรับเกม RPG จากฟากญี่ปุ่นเพราะเป็นขาขึ้นแบบเน้นๆ และช่วยให้ชื่อ Visions of Mana ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้น ในแง่ของการจะมาสานต่อคอมโบ “เกมดีศรีเจแปน” ที่ทำมาได้ยาวๆ ตั้งแต่ต้นปี

ซึ่งถ้าให้สรุปสั้นๆ ล่ะก็ สำหรับผมคอมโบ “เกมดีศรีเจแปน” ยังคงไม่แตกและไปต่อได้ เพราะ Visions of Mana มาพร้อมศักยภาพล้นเหลือที่จะเป็นเมเล่นสนุกและคอนเทนต์มากพอจะคุ้มค่าคุ้มราคา เพียงแต่ด้วยสถานะซีรีส์ในตำนานที่กลับมาใหม่ในรอบ 15 ปี ทำให้เราก็อาจจะอยากคาดหวังอะไรที่มันดูว้าวกว่านี้ หรือไม่ก็การที่ทิ้งช่วงไปยาวก็อาจส่งผลให้เกมนั้นมีความโบราณในบางจุด แม้ว่าจะมีระบบน่าสนใจใหม่ๆ อยู่มากก็ตาม

เนื้อเรื่อง

Visions of Mana จะเล่าถึงชะตากรรมของเหล่าผู้ถูกเลือกเป็น Alm ประจำธาตุต่างๆ 8 คนซึ่งมีหน้าที่จะต้องไปทำพิธีกรรม ณ Mana Tree สังเวยตัวเองเพื่อ เทพธิดาแห่ง Mana ในทุกๆ 4 ปี มิเช่นนั้นหมู่บ้านตัวเองจะต้องพบกับภัยพิบัติ โดยที่เหล่า Alm จะมี Soul Guard นักรบที่ฝึกฝนตัวเองมาค่อนชีวิตเพื่อภารกิจนี้คอยคุ้มกันไปตลอดทาง ตัวเอกของเราคือ Val ไอ้หนุ่ม Soul Guard มือใหม่ ที่แฟนตัวเองอย่าง Hinna ดันเป็น Alm of Fire ทั้งคู่จึงต้องออกเดินทางพร้อมกัน รวบรวม Alm ประจำธาตุ มุ่งหน้าสู่ชะตากรรมที่มิอาจหลีกเลี่ยง

ถ้าคุณรู้สึกว่าเนื้อเรื่องที่ว่าด้วยการรวบรวมผองเพื่อนระหว่างทางเพื่อพาพวกเขาไปสละชีพในตอนท้ายมันแหม่งๆ ล่ะก็ คุณไม่ได้คุิดไปเองคนเดียวแน่นอน แน่ล่ะว่าเราในฐานะผู้เล่นก็อาจจะไม่ได้เข้าใจ Lore หรือวัฒนธรรมต่างๆ ในโลกใบนี้มากนัก จนอาจจะพอปิดตาเออออไปได้บ้าง แต่มันก็ชวนสะกิดใจนิดๆ อญยู่ดี ถึงอย่างนั้นแก่นหลักของเนื้อเรื่องก็ไม่ใช่หนามทิ่มแทงใจชิ้นใหญ่ที่สุด แต่เป็นวิธีและจังหวะการเล่าเรื่องของเกมต่างหากที่ดูมีปัญหาเพราะความเนิบนาบของมัน คัตซีนที่ไม่ค่อยจะบิลด์ความตื่นเต้นให้ผู้เล่นเท่าไหร่ แม้ผมจะยังรู้สึกว่าเนื้อเรื่องในหลายๆ จังหวะมันก็ชวนให้ติดตาม แต่ยอมรับตามตรงว่าถ้าไม่เข้าฉากเกมเพลย์ผมหาวกับมันบ่อยมากๆ เลย

พอมันไม่สามารถเลี้ยงอารมณ์ผู้เล่นไว้ได้ เกมมันเลยมีช่วงเนือยอยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายไม่น้อย เพราะส่วนอื่นๆ ถือว่าเกมทำออกมาได้ดีมีศักยภาพมากๆ เลย

เสียง

ขึ้นชื่อว่าเป็นเกม Square Enix ย่อมต้องมี Soundtrack ชวนติดหูอยู่บ้าง ใน Visions of Mana ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเลย หลายๆ ฉากหลายๆ ตอนก็ช่วยบิลด์เกมเพลย์ให้ถึงอารมณ์ผู้เล่นมากยิ่งขึ้น เสียงพากย์ญี่ปุ่นไม่น่าห่วงอะไรอยู่แล้ว ดีงามตามมาตรฐานสูงลิบของเขา ส่วนเสียงพากย์อังกฤษผมไม่ได้เปิดฟัง แต่เห็นหลายๆ สื่อชมกัน ก็คิดว่าน่าจะงานดีไม่มีปัญหาอะไร ส่วนซาวด์ประกอบอื่นๆ ก็ทำได้ดีไม่มีจุดติใดๆ สำหรับในส่วนนี้

กราฟิก

Visions of Mana มีกราฟิกออกแนวการ์ตูนเซลเฉดที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ก็ดูเบาไม่ได้ เพราะตัวเกมให้คุณภาพงานกราฟิกที่น่าประทับใจมากๆ ฉากกว้างดูใหญ่โต โอ่อ่า เต็มไปด้วยรายละเอียดต้นไม้ใบใหญ่หรือสถาพแวดล้อมใน Biomes นั้นๆ เอฟเฟกต์ตอนใช้ท่าก็สวยงามดูดีไม่มีติดขัดใดๆ แถมยังค่อนข้างลื่นไหล เฟรมไม่ค่อยมีร่วงเท่าไหร่

ขณะที่โมเดลตัวละครก็ทำได้เยี่ยมเลย รายละเอียดชุดต่างๆ ก็เก็บดีเทลดีมาก พวก Skin จากการเปลี่ยนคลาสอาจมีคล้ายๆ กันอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่รียูสเสียทีเดียว มันยังคงมีความต่างที่ค่อนข้างชัดเจน และเพิ่มความหลากหลายในแง่รูปลักษณ์ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้สิ่งเดียวที่ควรหักคะแนนก็คือการแสดงอารมณ์ของใบหน้าตัวละคร ที่ค่อนข้างชัดเจนว่ามี Val คนเดียวที่พอถูไถ กลุ่มตัวเอกก็ยังพอไหว แต่นอกเหนิอจากนั้นคือไม่ได้เลย โดยเฉพาะเวลามีคัตซีนที่เนื้อเรื่องกดดัน แต่พอสีหน้ามันแสดงความรู้สึกออกมาได้ไม่สุด จึงเอฟเฟกต์ต่อการเล่าเรื่องไปโดยปริยายครับ

เกมเพลย์

ตัวเกมมีความเป็น Action RPG เต็มระบบ ออกสำรวจแผนที่แบบกึ่งๆ โอเพ่นเวิร์ล และสู้กับมอนสเตอร์ตามทางแบบไร้รอยต่อ เพราะแม้จะเข้า Battle Phase ก็ไม่มีการตัดฉาก แต่เกมจะสโคปพื้นที่ให้แคบลงชั่วระยะเวลาหนึ่งให้กลายเป็นสนามต่อสู้ ทั้งนี้ในการฟาดฟันศัตรูตัวละครอาจจะมีท่าคอมโบปกติไม่มากนัก แต่ก็ทดแทนด้วยระบบท่า Ring System ที่สามารถติดตั้งท่าจากคลาสอื่นได้ และสามารถเรียกใช้ได้อย่างสะดวกสบายไม่แพ้การใช้ชอร์ตคัท พร้อมกันนั้นตัวเกมยังสามารถเปลี่ยนตัวเล่นในทีมได้อย่างฉับไวใช้ท่าต่อได้ทันทีเพราะเกมจะหน่วงเวลาขณะเปลี่ยนตัวให้ครู่หนึ่ง ใน 1 ทีมเลือกใส่ตัวละครได้ 3 ตัวด้วยกัน ทำให้การต่อคอมโบหลากหลายมากยิ่งขึ้น

พูดถึงเรื่องคลาสไปบ้างแล้ว จะบอกว่าเป็นอีกฟีเจอร์หมัดเด็ด เพราะการเปลี่ยนคลาสไม่ใช่แค่เปลี่ยนธาตุ แต่ยังมีสกิลที่ต่างออกไป แต่ละคลาสมี Progression เฉพาะตัวให้เลือกอัปเกรด เพื่อสร้างคอมโบและชุดโจมตีในแบบของตัวเอง สำคัญที่สุดคือพอสกินเปลี่ยนด้วยมันก็ช่่วยด้านการเป็นอาหารตามากขึ้น บางตัวละครอาจเปลี่ยนสายจากโจมตีกายภาพไปเป็นเวทก็มี เหล่านี้ทำให้คอมแบทของเกมจัดว่าสนุกใช้ได้เลย ติดก็แต่คอมโบท่าโจมตีพื้นฐานมันดูน้อยไปสักนิด คล้ายบังคับให้ผู้เล่นต้องต่อคอมโบแบบเปลั่ยนตัวละครไปเรื่อยๆ รวมไปถึงระบบล็อคเป้าและมุมกล้องที่ตามเป้าไม่ทันในหลายครั้ง ส่งผมให้โจมตีไร้เป้าหมายบ่อยมากๆ

ระบบสำรวจในเกมก็ถือว่าเข้าท่าครับในแผนที่หนึ่งจะมีหีบสมบัติ มอนสเตอร์พิเศษ ชาลเลนจ์ต่างๆ และพัซเซิลกระจัดกระจายมากมาย นับรวมไปถึงเควสต์รองอีกเพียบ ในภาพรวมก็ทำให้การสำรวจแผนที่สนุกขึ้นครับ เพียงแต่เควสต์รองนั้นไม่หลากหลายเลย เนื้อเรื่องก็ไม่ค่อยน่าสนใจ ส่วนใหญ่มาแนว เก็บรวมรวมไอเทม หาของที่หายไป หรือไม่ก็กำจัดมอนสเตอร์ตามจำนวน เป็นเควสต์รองในรูปแบบเกมออนไลน์เน้นทำง่ายได้รับของ แต่ไม่ค่อยมีคุณค่าด้านเนื้อเรื่องหรือเวิร์ลบิลดิ้งมากเท่าที่ควรซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ขณะที่อีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้ลดทอนความอยากสำรวจของผู้เล่นลงอย่างมากก็คือ Reward ครับ นึกสภาพว่าคุณแก้พัซเซิลแผนที่อยู่หลายนาที หรือฝ่าศัตรูมาเป็นกุรุสมาเปิดหีบใบใหญ่ที่วางอยู่ในจุดลึกสุดของแผนที่เพื่อพบว่าข้างในมียาเติมเลือดขนาดกลาง 3 ชิ้นรออยู่

ท้อแท้นะครับ และเกมให้รางวัลแนวๆ นี้เยอะมาก เป็นแมททีเรียลทั่วไปหรือยาเสียส่วนใหญ่ ดรอปอาวุธหรือชุดเกราะน้อยมากๆ แรกๆ ก็อยากสำรวจอยู่ พอเลทเกมก็เริ่มขี้เกียจแล้วเพราะจับไต๋ได้ว่าวิ่งไปไกลแล้วมันไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ หากปรับเรื่องการให้รางวัลผู้เล่นได้มันจะชวนให้เราอยากสำรวจดินแดนนี้ขึ้นเยอะเลย ทั้งๆ ที่ก็ทำแผนที่ออกมาสวยแท้ๆ

สรุป

การกลับมาในรอบ 15 ปี อาจมีรอยแผลอยู่บ้าง แต่ Visions of Mana ก็ยังเป็นเกมที่เล่นสนุกกับฉากแอคชั่นที่หลากหลาย และเนื้อเรื่องครึ่งหลังที่ค่อนข้างเข้มข้นขึ้นชัดเจน แม้จะค่อนข้างเพลย์เซฟไปบ้างก็ตาม คาแรคเตอร์ดีไซน์เป็นเรื่องนานาจิตตัง สำหรับผมอาจจะไม่โดนขนาดนั้นแต่ก็ไม่ได้แน่อะไร ทว่างานศิลป์และอาร์ตสไตล์ในภาพรวมของเกมถือว่าทำออกมาได้ดีเลยครับ เอาเป็นว่าแฟนๆ ที่รอการกลับมาของซีรีส์นี้ หรือใครที่ชอบ Action RPG ญี่ปุ่นที่มีกลิ่นความคลาสสิคเก่าๆ หน่อยๆ Visions of Mana ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมอีกเกมในช่วงกลางปีนี้ครับ