ตลอดช่วงเวลาที่คลุกคลีอยู่ในวงการเกม ผมมักจะเห็นเกมที่มีลักษณะของความเป็นม้านอกสายตาโผล่มาให้เห็นเป็นประจำอยู่ทุกปีครับ กล่าวคือเป็นเกมที่เปิดตัวมาก็แทบไม่มีคนพูดถึง บางทียังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าวางขายไปแล้วถ้าไม่ได้ติดตามจริง ๆ แต่พอเล่นแล้วกลับสนุก กลมกล่อม และแสดงศักยภาพได้ดีจนอยากแนะนำให้ใครต่อใครมาเล่นกัน ทว่าในปี 2024 นี้ก็ล่วงเลยมาเข้าสู่เดือนกรกฎาคมแล้วก็ยังไม่พบเห็นเกมที่มีคุณสมบัติที่ว่านี้เลย กระทั่งการมาของ Kunitsu-Gami: Path of the Goddess เกมแนวแอ๊กชั่นกึ่งกลยุทธ์ พัฒนาโดย Capcom และมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 19 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ หากว่ากันตามตรง เกมนี้ค่อนข้างจะมาแบบเงียบ ๆ และแทบจะกลายเป็นเกมนอกกระแสก็ว่าได้ สิ่งที่พอจะให้นึกถึงได้ง่ายคงเป็นงานอาร์ตที่สวยสะดุดตา กลิ่นอายแบบตำนานปรัมปราของญี่ปุ่นโบราณ ทีนี้ ทำไมเราถึงเกริ่นถึงเกมนี้ว่าเป็นม้านอกสายตา และมันน่าเล่นอย่างไร ทีมงาน Online Station มีคำตอบในรีวิวนี้แล้วครับ
แนวเกม: แอ๊กชั่น / วางแผน (Tower Defense)
ผู้พัฒนา: Capcom
วางจำหน่าย: 19 กรกฎาคม 2024
แพลตฟอร์ม: PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One, PC (ทีมงานรีวิวจากเวอร์ชั่น PS5)
เนื้อหาของเกมจะเล่าถึงเหล่าซีธ (Seethe) ภูตผีร้ายที่เข้ามาปกคลุมและยึดพื้นที่บนภูเขาคาฟุกุจนทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่แถบนั้นต้องตกอยู่ในอันตราย ขณะเดียวกัน โยชิโระ (Yoshiro) หญิงพรหมจรรย์ผู้มีหน้าที่ปกปักษ์ดูแลภูเขาคาฟุกุก็รับรู้ได้ถึงความชั่วร้ายที่มาเยือน เลยได้อัญเชิญ โซห์ (Soh) นักรบหนุ่มผู้เก่งกาจมาคอยคุ้มกันและนำพาเธอกลับขึ้นไปยังยอดเขาคาฟุกุอีกครั้ง เพื่อขับไล่พวกซีธและคืนความสงบสุขแก่ภูเขาคาฟุกุ แต่การจะทำเช่นนั้น ทั้งโยชิโระกับโซห์จะต้องตามหาหน้ากากที่ถูกขโมยไปจำนวน 11 ชิ้นเสียก่อน จึงจะทำพิธีปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้
เกมเพลย์ของ Kunitsu-Gami: Path of the Goddess จะเป็นแนวแอ๊กชั่นที่มีระบบวางกลยุทธ์สไตล์ Tower Defense เป็นแกนหลัก พร้อมกับใช้วิธีแบ่งรูปแบบการเล่นออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่กลางวันและกลางคืน โดยตอนกลางวันเกมจะให้ผู้เล่นที่รับบทเป็นโซห์ออกสำรวจพื้นที่โดยรอบของด่าน สิ่งที่ต้องทำก็จะมีทั้งการล้างคำสาปที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ โดยการล้างคำสาปแต่ละจุดก็จะมีคริสตัลที่เป็นสกุลในเกมเป็นของตอบแทน รวมถึงช่วยเหลือชาวบ้านที่โดนคำสาป แล้วมอบอาชีพให้แก่ชาวบ้านเหล่านั้นให้กลายมาเป็นยูนิตรบของเรา ซึ่งเราก็ต้องเอาคริสตัลที่ได้จากการล้างคำสาปตามจุดต่าง ๆ ในด่านไปใช้ในการสร้างอาชีพแก่ชาวบ้านนั่นเอง
ต่อมาเป็นเรื่องของระบบอาชีพบ้าง เมื่อเกมดำเนินไปเรื่อย ๆ เราจะตามหาหน้ากากที่ถูกขโมยไปกลับมาได้ทีละชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นที่ได้มาจะปลดล็อคอาชีพใหม่ ๆ ที่เราสามารถนำมาแต่งตั้งแก่ชาวบ้านได้ โดยคุณลักษณะของแต่ละอาชีพจะมีความคล้ายคลึงกับเกม Tower Defense ทั่วไป แต่จะปรับให้มีธีมและกลิ่นอายให้เข้ากับตำนานญี่ปุ่นโบราณ เช่น คนตัดไม้ (Woodcutter) ที่มีทักษะในการต่อสู้ระยะประชิด เหมือนยูนิตทหารราบพื้นฐาน หรือนักธนู (Archer) ที่มีความชำนาญในการต่อสู้ระยะไกล หรือนักพรต (Ascetic) ที่มีวิชาอาคม สามารถชะลอการเคลื่อนไหวของศัตรูให้ช้าลง อารมณ์เหมือนยูนิตสายดีบัฟ และคนทรง (Shaman) ที่ฟื้นฟูพลังชีวิตให้ยูนิตอื่น ๆ ที่อยู่ในรัศมีได้ เป็นต้น ซึ่งแต่ละอาชีพจะมีจุดแข็งกับจุดอ่อนที่แตกต่างกัน บางตัวจะเก่งเป็นพิเศษเมื่อต้องรับมือศัตรูบางชนิด ขณะที่บางตัวก็จะเก่งขึ้นเมื่อถูกเราจัดให้อยู่บริเวณภูมิประเทศที่เอื้อกับสกิลที่มี เช่น นักธนูที่จะได้เปรียบเมื่อให้มันไปยืนบนที่สูง ๆ หรือบนแท่น และมีบางอาชีพเช่น โจร ที่สามารถช่วยเราขุดหาไอเทมในช่วงกลางวันได้ครับ
พอเราสำรวจฉากช่วงกลางวันไปสักระยะ เวลาในเกมจะเข้าสู่ช่วงพลบค่ำ รูปแบบเกมเพลย์ตอนกลางคืนก็จะเข้าสู่โหมดแอ๊กชั่นและวางกลยุทธ์กันทันที ซึ่งตอนกลางคืนนี้พวกภูตผีปีศาจที่เรียกว่า ซีธ (Seethe) จะหลุดออกมาจากประตูมิติเพื่อมุ่งมาสังหารโยชิโระ คราวนี้ผู้เล่นจะต้องรับบทเป็นโซห์ พร้อมกับควบคุมยูนิตอาชีพต่าง ๆ ของเราในการหยุดยั้งพวกซีธที่ดาหน้ากันเข้ามาเป็นระลอก โดยตัวโซห์คือหนึ่งในองค์ประกอบพิเศษที่เพิ่มมานอกเหนือจากเกมแนว Tower Defense ปกติที่เน้นวางยูนิตเพื่อรับมือศัตรูอย่างเดียว กล่าวคือโซห์จะมีท่วงท่าโจมตีตามปุ่มกดเหมือนเกมแอ๊กชั่น และสามารถทำคอมโบต่อเนื่องได้ ส่วนใหญ่ผู้เล่นจะต้องบังคับตัวโซห์ไปบู๊กับศัตรูเองนอกเหนือจากการพึ่งพาแต่ยูนิตที่มีในมือ เนื่องจากบางด่านอาจจะมียูนิตให้เราน้อย และสภาพภูมิประเทศก็ไม่เอื้อให้เราวางยูนิตสร้างแนวป้องกันได้ครอบคลุม อย่างไรก็ดี เกมนี้มีระบบการอัปเกรดตัวโซห์และยูนิตทุกอาชีพที่เราปลดล็อคมาได้ รวมถึงตัวโซห์ก็ยังสามารถสวมใส่เครื่องรางเพิ่มความสามารถต่าง ๆ ที่มีผลทั้งกับตัวโซห์และบรรดายูนิตของเราด้วยเช่นกัน
เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ เกมจะค่อย ๆ เพิ่มอุปสรรคมาให้ผู้เล่นต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเอา บางด่านอาจจะมีตัวช่วยให้บ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เกมจะค่อนข้างยืดหยุ่นให้ผู้เล่นเลือกใช้กลยุทธ์เพื่อต่อกรกับศัตรูได้หลากหลาย ใครจะรุกเต็มสูบหรือเน้นคุ้มกันโยชิโระก็ได้ โดยเป้าหมายหลักมีเพียงแค่ให้โยชิโระรอดชีวิตจากศัตรูจนกว่าจะถึงตอนเช้า และพาโยชิโระไปถึงเส้นชัยซึ่งก็คือซุ้มประตูโทริอิที่อยู่ปลายฉากครับ จุดเด่นของเกมแนวนี้คือ การจะผ่านแต่ละด่าน ต่อให้เรามียูนิตที่น้อยหรือไม่เก่งกาจมากนัก แต่ถ้าเรามีการวางแผนที่รัดกุมและรอบคอบ รวมถึงการจัดวางยูนิตได้เหมาะสมทั้งตำแหน่งและจังหวะก็จะช่วยให้เรากำชัยได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม บรรดาอาชีพที่มีให้เลือกจนถึงท้ายเกม จะมีอยู่ไม่กี่อาชีพครับที่เราเห็นได้ว่าเก่งเว่อร์และใช้หากินได้ยาว ๆ และบางอาชีพเห็นคุณสมบัติแล้วก็น่าใช้ แต่พอเอามาลองในสนามรบจริง ๆ กลับไม่หวือหวาเท่าที่ควร ปัญหานี้เลยมองว่าเป็นเรื่องของบาลานซ์ที่เกมยังทำได้ไม่ดีนัก
หลังจากจบแต่ละด่านไปแล้วหนึ่งครั้ง เกมจะเผยลิสต์ชาเลนจ์ที่เราสามารถกลับไปทำในด่านเดิมให้ทราบ ซึ่งหากผ่านชาเลนจ์สำเร็จก็จะได้ทั้งแต้มสำหรับอัปเกรดโซห์กับยูนิต และเครื่องรางที่ให้คุณสมบัติเจ๋ง ๆ เป็นรางวัลล่อใจ ตรงจุดนี้ผู้เล่นสามารถเลือกทำชาเลนจ์ที่คิดว่าทำได้ง่ายก่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับมาทำชาเลนจ์อื่นในการเล่นด่านนั้นซ้ำอีกรอบ ต้องบอกว่าเกมค่อนข้างจะอะลุ้มอล่วยให้ผู้เล่นมากพอสมควรเลยทีเดียว นอกจากนั้นแล้ว ด่านที่เราเล่นผ่านก็จะกลายสภาพเป็นฐานให้เราเข้าไปบูรณะซ่อมแซมได้ โดยเป็นลักษณะการเกณฑ์ชาวบ้านไปซ่อมจุดต่าง ๆ เพื่อแลกกับแต้มอัปเกรด หรือป้ายที่บอกเล่าเรื่องราวของตัวละครและศัตรูที่ปรากฏในเกม ให้ผู้เล่นทราบเรื่องราวความเป็นมาของตำนานของเกมนี้อย่างละเอียดมากขึ้น
โครงสร้างของเกมในส่วนดังกล่าวเป็นไปในลักษณะกึ่งบังคับให้ผู้เล่นต้องวนกลับไปด่านเดิมเพื่อฟาร์มแต้มอัปเกรดและเครื่องรางมาให้ครบ ซึ่งก็จะวัดใจกับผู้เล่นกันเลยว่าคุณชอบเกมเพลย์ของเกมนี้มากพอที่จะยอมวนกลับไปเล่นด่านเดิมซ้ำหรือไม่ โดยสิ่งที่ต้องเตือนทุกคนก่อนจะเล่นก็คือเกมแนว Tower Defense นั้นมีความเฉพาะทางอยู่ มันไม่ได้เป็นเกมที่เหมาะสำหรับทุกคน และก็ไม่ง่ายที่จะเข้าถึง ถ้าว่ากันตามตรง เกมนี้เหมือนถูกสร้างขึ้นมาด้วยคอนเซปต์หลัก 2 อย่างที่ Capcom ต้องการนำเสนอครับ อย่างแรกคือความเป็นเกมแนว Tower Defense และอีกอย่างคือการใส่ธีมและกลิ่นอายของตำนานของญี่ปุ่นโบราณเข้าไปผสมผสาน เนื่องจากภาพจำที่ผู้เล่นมักจะมีกับเกมแนวนี้คือยูนิตสไตล์อัศวิน พ่อมด ที่ออกไปทางยุคกลางซะเยอะ น้อยเกมนักที่จะสอดแทรกวัฒนธรรมญี่ปุ่นจ๋าเข้าไป ซึ่ง Capcom เองพยายามเข้ามาเพิ่มทางเลือกกับนำเสนอจุดขายใหม่ในส่วนนี้และตีโจทย์ค่อนข้างแตก อย่างน้อย ๆ ก็ดันถูกจริตผู้เล่นฝั่งบ้านเราที่มีความชื่นชอบอะไร ๆ ที่เป็นญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย
งานอาร์ตของเกมนี้เป็นอีกหนึ่งจุดขายที่เตะตาผู้เล่นได้ง่ายกว่าเกมเพลย์ครับ โดยด้านกราฟิกก็ยังคงใช้ RE Engine เหมือนเกมอื่น ๆ ในค่าย ซึ่งถ้าเป็นเวอร์ชั่นคอนโซลจะมีให้ปรับเลือกว่าจะเน้นความละเอียดของภาพหรือเฟรมเรต เท่าที่ลองในโหมดเน้นเฟรมเรตก็ไม่พบปัญหาเกมหน่วงในช่วงที่มียูนิตและศัตรูหลายสิบตัวตะลุมบอนกันแต่อย่างใด ขณะที่ด้านการออกแบบศิลป์จะชวนให้นึกถึงเกมในอดีตของ Capcom อย่าง Okami และ Onimusha ปะปนกันเลย ซึ่งทั้งสองเกมที่ยกตัวอย่างมาต่างก็มีกลิ่นอายของการนำตำนานลี้ลับของญี่ปุ่นโบราณมาดัดแปลงและประยุกต์เข้ากับเกม แต่สำหรับเกม Kunitsu-Gami นี้ก็ยังให้ความรู้สึกของงานดีไซน์และศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่แพ้กัน ศัตรูส่วนใหญ่มีเอกลักษณ์น่าจดจำภายใต้รูปลักษณ์อันน่าเกลียดน่ากลัว เช่นเดียวกับเพลงประกอบที่ให้ฟีลของเครื่องดนตรีพื้นเมืองของญี่ปุ่น และใช้ท่วงทำนองอันเร้าใจยามที่ต้องสู้กับบรรดาภูตผี กระตุ้นความสนุกได้เป็นกอง
สิ่งที่คิดว่าเกมน่าจะทำออกมาดีกว่านี้ได้ หลัก ๆ คืองานภาพอาร์ตเวิร์คที่ปลดล็อคหลังจบแต่ละด่าน ซึ่งมีให้ดูแค่ตัวภาพกับชื่อภาพเท่านั้น แต่กลับไม่มีคำอธิบายหรือบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพนั้นเลย โดยในเกมนั้นจะมีเพียงโยชิโระคนเดียวที่มีเสียงพากย์แบบจะแจ้ง ทว่านางก็พูดแค่เป็นคำ ๆ ไม่ได้เป็นบทสนทนายาว ๆ ส่วนตัวละครอื่น ๆ อย่างโซห์หรือยูนิตฝั่งเราจะออกมาแนวละครใบ้ ใช้ท่าทางและภาษากายในการสื่อสารเอาทั้งหมด คือถ้าอย่างน้อยมีการใส่รายละเอียดเป็นข้อความผ่านอาร์ตเวิร์ค ควบคู่กับแผ่นป้ายแขวนที่มีลงรายละเอียดของแต่ละตัวละครหรือยูนิตอยู่แล้ว จะช่วยให้ผู้เล่นเข้าใจและซึบซับตำนานในเกมได้ดีกว่า
เกมมีความยาวประมาณ 20 กว่าชั่วโมงหากผู้เล่นมุ่งเอาจบอย่างเดียว ไม่แคร์ชาเลนจ์ ไม่แคร์ความลับใด ๆ ที่ซ่อนอยู่ในเกม แต่ถ้าต้องการเล่นแบบเก็บโทรฟี่หรือ Achievement จนครบน่าจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30-40 ชั่วโมง เพราะบางชาเลนจ์ต้องอาศัยความชำนาญ ลองผิดลองถูกกันพอสมควร เงื่อนไขหลายชาเลนจ์อาจดูเหมือนยาก แต่แทบทุกชาเลนจ์ล้วนมีวิธีผ่านแบบง่าย ๆ อย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึง ภาพรวมของเกมเพลย์ดูกลมกล่อม พ่วงลายเซ็นความเป็นเจ้าพ่อเกมแนวแอ๊กชั่นอย่าง Capcom และพอได้มาคลุกเคล้ากับธีมและวัฒนธรรมที่เป็นญี่ปุ่น ดันออกมาลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ เมนูคำสั่งและคำอธิบายในส่วนต่าง ๆ ก็เป็นมิตรกับผู้เล่นมือใหม่ คนที่ไม่เคยเล่นเกมแนว Tower Defense มาก่อนก็ยังสนุกไปกับเกมนี้ได้ ฉากหน้าของเกมนี้อาจจะดูฟอร์มเล็กจนกระแสจืดจาง แต่ถ้าได้มาลองแล้วจะรู้ว่าเกมนี้มีดีในตัวไม่น้อยเลย ถือเป็นหนึ่งในเกมม้านอกสายตาที่เล่นได้เพลิน ๆ ช่วงกลางปีนี้ครับ
คะแนน 8
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station