เมื่อเร็ว ๆ นี้คุณ Nobuo Uematsu นักแต่งเพลงชื่อดังที่มีผลงานต่าง ๆ มากมายเช่นเพลงในเกมซีรีส์ Final Fantasy ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับนักวิชาการ Yoichi Ochiai ถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาคตของดนตรีในเกม รวมถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแต่งเพลงด้วย AI ด้วย
โดยคุณ Uematsu บอกว่าในอดีตนั้น “ดนตรีมีบทบาทเป็นเหมือนออกซิเจน” ให้กับเกม 8 Bit ทำให้เรื่องราวและตัวละครมีชีวิตขึ้นมา เนื่องจากภาพกราฟิกตัวละครนั้นมีขนาดเล็ก อีกทั้งยังไม่มีเสียงพากย์ ขณะที่หน่วยความจำนั้นก็มีอยู่จำกัด โดยเฉพาะในเกมยุคฟามิค่อม ไปจนถึงยุค PS1 ซึ่งต้องกะสมดุลให้ดีเพื่อให้เสียงออกมามีคุณภาพ แต่ไม่หนักหน่วยความจำจนต้องมีการโหลดอยู่บ่อย ๆ
ทว่าตั้งแต่เกม Final Fantasy X ในยุค PlayStation 2 เป็นต้นมา ดนตรีในเกมนั้นเข้าสู่ยุคที่ผู้แต่งสามารถทำอะไรได้ตามใจชอบ และสามารถแสดงออกมาเป็นดนตรีประเภทต่าง ๆ ได้หลากหลาย (เช่น ดนตรีร็อค และดนตรีแจ๊ส เป็นต้น)
กระนั้นเมื่อเวลาผ่านไป แม้นักแต่งเพลงจะมีอิสระในการแต่งเพลงได้ตามใจชอบ แต่คุณ Uematsu กลับรู้สึกว่าดนตรีในเกมกลับมีความน่าสนใจน้อยลง โดยชี้ว่าอาจเป็นเพราะผู้กำกับและโปรดิวเซอร์เกมนั้นพึงพอใจกับดนตรีที่ให้ความรู้สึก “เหมือนเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์” ภายในเกมมากเกินไป
นอกจากนี้เขายังเสริมว่านักแต่งเพลงควรมีอิสระในเกมแต่งเพลงสำหรับเกมมากกว่านี้ เพราะหากยังเน้นแต่งเพลงสไตล์หนังฮอลลีวูดไปเรื่อย ๆ ดนตรีประกอบเกมก็จะไม่มีการพัฒนาการ ในทางกลับกัน เพลงประกอบเกมจะน่าสนใจมากขึ้นหากผู้แต่งพิจารณาว่า “มีอะไรบ้างที่มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่ทำได้” แล้วใช้ความรู้สึกและประสบการณ์ในการคิดสร้างสรรค์ผลงานอย่างแท้จริง
ทั้งนี้คุณ Uematsu นั้นไม่เห็นด้วยกับการใช้ AI เป็นเครื่องมือในการประพันธ์เพลง โดยเห็นว่าบทบาทของดนตรีนั้นคือเป็นสื่อกลางที่แสดงความรู้สึกจากผู้แต่งไปให้กับผู้ฟัง และชี้ว่าการแต่งเพลงที่ดีนั้นเป็นทักษะศิลปะที่มีความยาก และสามารถทำได้ด้วยการ “ดำดิ่งลงไปค้นหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่อยู่ภายในตัวผู้แต่งเพลงแล้วแสดงมันออกมา” ซึ่งจุดนี้เองที่ AI เลียนแบบไม่ได้
แปลและเรียบเรียงจาก
Automaton Media
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station