รีวิวเกม Persona 3 Reload – เกิดใหม่อีกทีก็กลายเป็นเกมที่ดีกว่าเดิมไปซะแล้ว

ช่วง 4-5 ปีมานี้เกมเมอร์ชาวเราได้ยินชื่อของ Persona บ่อยมากขึ้นในฐานะยอดเกม JRPG จาก Atlus โดยเฉพาะกับ Persona 5 ที่อหังการ์เคยคว้ารางวัลเกม RPG ยอดเยี่ยมจากเวที The Game Awards มาแล้ว ด้วยความเข้มข้นของเนื้อหาและนวัตกรรมของเกมเพลย์แบบเทิร์นเบสต์ที่สามารถทำให้ทันสมัย และความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ส่งให้ Persona 5 และ Persona 5 Royal กลายเป็นเกมแรกๆ ของซีรีส์ที่เราอาจพูดได้ว่ามีความแมสต์ในระดับสากลเสียที

Persona

อย่างไรก็ตามซีรีส์ Persona นั้นก็มีเหล่าแฟนคลับที่เหนียวแน่นมาก่อนหน้าอยู่แล้ว หากถามกันว่าชอบภาคไหนมากที่สุดคำตอบก็คงคละๆ กันไป แต่แทบทุกคนมักจะลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าภาคที่ทำให้ Persona เริ่มก้าวออกมามีที่ทางของตัวเองจากการที่แต่เดิมเป็นเพียงเกมสปินออฟของซีรีส์ Shin Megami Tensei ได้ก็คือ Persona 3 และต้องบอกว่าแม้แต่ตัวผมเองก็อยู่ที่นั่นเมื่อ 3,000 ปีที่แล้วแกนดัลฟ์ Persona 3 เป็นภาคแรกที่ผมเล่น และมันคือ 1 ในเกมที่ผมชอบมากที่สุดของเครื่อง PS2 อย่างไม่ต้องสงสัย

Persona

มาวันนี้ในปี 2024 จากความสำเร็จของ Persona 5 ก็ทำให้ Atlus ผุดโปรเจกต์เกี่ยวกับ Persona ออกมาเพียบ หนึ่งในนั้นคือ Persona 3 Reload ภาครีเมคของ Persona 3 ที่แม้จะขัดใจแฟนคลับเล็กน้อยที่ไม่เลือกทำเวอร์ชั่นที่เนื้อหาสมบูรณ์ที่สุด แต่เพชรก็ยังคงเป็นเพชรอยู่วันยังค่ำ เมื่อเกมที่สุดยอดอยู่แล้วถูกอัดเทคโนโลยีเข้าไป Persona 3 Reload จึงกลายเป็นหนึ่งในยอดเกม RPG ของปี 2024 นี้ไปโดยปริยาย

Persona

เนื้อเรื่อง

เนื้อหาของ Persona 3 Reload จะยังคงยึดตาม Persona 3 ตัวต้นฉบับ กล่าวถึงช่วงโมงยามแห่งความมืดหรือ Dark Hour ที่จะเกิดขึ้นหลังเที่ยงคืนในแทบทุกๆ วัน และมีเพียงผู้ใช้เพอร์โซน่าเท่านั้นที่จะสามารถเคลื่อนไหวหรือแทรกแซงช่วงเวลาดังกล่าวได้ ตัวเอกจะเป็นเด็กนักเรียนชายมอปลายที่ผู้เล่นจะได้ตั้งชื่อเอง เขาจะได้เข้ามาอยู่ในหอพักที่รวมเอาเหล่าผู้ใช้เพอร์โซน่าไว้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยเพื่อไขความลับของ Dark Hour ให้ได้

Persona

ที่ว่าเนื้อหายึดตาม Persona 3 หมายความว่าแบบนั้นเลยครับ แทบไม่มีเนื้อหาส่วนใดที่ถูกเปลี่ยนไปเลย อย่างไงก็อย่างงั้น เสมือนว่าทีมงานไม่ต้องการจะยุ่งอะไรมากมายกับของที่มันดีอยู่แล้ว ซึ่งเอาเข้าจริงเดิมที Persona 3 ก็มีความหนักหน่วงทางเนื้อหาในแบบของมัน แต่ด้วยถ้อยคำกระทบกระเทือนจิตใจ หรือการสื่อความหมายบางอย่างที่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย จนตัวเกมต้องขึ้นคำเตือนไว้ล่วงหน้า คือเห็นเบื้องหน้าเป็นเกมที่ดูจะเป็นการ์ตูนก็อย่าให้มันหลอกเอา ใครที่ไม่ได้เตรียมใจมาเจอความดาร์คทางเนื้อหาก็อาจต้องทำใจสักหน่อยก่อนเล่น หรือหลีกเลี่ยมมันไว้ก่อนก็อาจจะดีกว่า

Persona

เสียง

แม้อาจไม่ได้ full voice ตลอดทั้งเกม แต่ Persona 3 ก็เป็นอีกเกมที่ใช้นักพากย์เยอะมากๆ ทั้งญี่ปุ่นและอังกฤษ ตัวละครหลัก ตัวละครรองๆ ล้วนมีเสียงของตัวเอง (ยกเว้นตัวเอก) ซึ่งก็แน่นอนว่าทำได้ดีไม่มีการกังขาอยู่แล้ว ขณะที่เพลงประกอบก็แทบจะยกกระบิมาจากภาคต้นฉบับ คิดถึงเพลงไหนก็ใส่มาหมด พร้อมการรีอาเรนจ์ใหม่ รวมไปถึงเพลงใหม่ก็มีเช่นกัน ทั้งนี้ Persona เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ใช้เพลงประกอบบิลด์อารมณ์คนเล่นได้ดีที่สุด กับภาคนี้ก็ไม่ต่างแถมยังให้อารมณ์ Nostalgia คิดถึงวันวานอยู่หน่อยๆ ด้วยครับ

Persona

กราฟิก

คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า Persona 3 Reload คือ Persona ภาคที่มีกราฟิกสวยที่สุด ตอนเห็นของภาค 5 ก็ว่าพัฒนาขึ้นมากแล้ว แต่ Persona 3 Reload ทำให้เรารู้สึกได้เลยว่านี่คือการก้าวไปอีกขั้นอย่างแท้จริง ตัวเกมมีการออกแบบฉากต่างๆ ขึ้นใหม่ทั้งหมด รวมถึงฉากคัตซีนและมูฟวี่ที่แม้เนื้อหาจะไม่ต่างอะไรจากภาคต้นฉบับมากนักแต่ก็ถูกทำขึ้นใหม่หมดจรดเช่นกัน พร้อมเพิ่มหลายๆ ฉากหลายๆ ซีนเข้าไปด้วย

Persona

แต่ที่ชอบสุดๆ คือโมเดลของตัวละครและเพอร์โซน่าที่เห็นชัดเลยว่าถูกปั้นได้ละเอียดและดีขึ้นมากๆ การเคลื่อนไหวลื่นไหล เอฟเฟกต์ต่างๆ ก็บวกความทรงพลังผสานความเบียวจนออกมาเป็นอะไรที่โดนใจเหลือเกิน อย่างเช่นการออกท่าทางใช้ท่าไม้ตาย Theurgy ของแต่ละตัวละคร รวมถึงคัตซีนตอนเป่ากบาลตัวเองเรียกเพอร์โซน่าอันเป็นกิมมิคของภาค ซึ่งถ้าเรียกใช้ได้ถูกธาตุหรือกำลังจะทำคริติคอลศัตรูเป้าหมายได้ ก็จะมีซีนท่าเรียกสุดเท่กว่าปกติที่ดูแล้วไม่เคยเบื่อเลย เท่บาดขาดใจ โคตรเจ๋ง โคตรคูล!

เกมเพลย์

ความตั้งใจของ Persona 3 Reload ที่เป็นการรีเมคตรงๆ ของ Persona 3 นั้น ก็ไม่แปลกเลยที่เกมเพลย์ในภาพรวมจะไม่มีอะไรที่เป็นของใหม่หรือหักดิบจนเรียกได้ว่าเป็น Major Change แต่ขณะเดียวกันเกมก็มี Minor Change ยิบย่อยหลายจุดที่แม้แต่คนเคยเล่นมาก่อนก็ต้องมาจับจังหวะกันใหม่ แบบว่าคุณใช้บทสรุปของภาคเก่ามาเป็นไกด์พอได้ แต่อาจเก็บไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์อย่างเดิมแล้ว

Persona

ด้วยว่า Persona เป็นเกมที่เน้นระบบปฏิทินเดินเรื่องเป็นหลัก และทีมงานก็ต้องการจะโฟกัสกับมันอย่างรัดกุมกว่าเก่า ตัดบางอย่างออกไปเพื่อให้เกมดูเป็นมิตรมากขึ้นและใส่บางอย่างเข้ามาใหม่เพื่อเพิ่มความซับซ้อนและเกมเพลย์ในเชิงลึกทว่ายังคงอยู่ในกรอบที่ผู้เล่นสามารถวางแผนจัดการบนปฏิทินได้ อย่างเช่นระบบเข้าดันเจี้ยนแล้วเหนื่อยหรือการสุ่มป่วยของสมาชิกหอที่ทำให้เข้าดันเจี้ยนในวันนั้นๆ ไม่ได้ ก็โดนเอาออกไปเรียบร้อย

Persona

แต่ก็มีการเพิ่มเติมกิจกรรมด้านโซเชี่ยลที่มีรางวัลให้เข้ามาแทน รวมไปถึงดันเจียนพิเศษที่ซ้อนในดันเจี้ยนอีกที ซึ่งแม้ผมอาจจะจำไม่ได้ทั้งหมดถึงความรู้สึกตอนเล่นภาคต้นฉบับเมื่อหลายปีก่อน แต่พอกลับมาเล่น Persona 3 Reload มันก็กลับรู้สึกสดใหม่กว่าที่คิดและดูเป็นมิตรเข้าถึงง่ายกว่าที่เคยมากๆ ตรงนี้นอกจากจะต้องให้เครดิตการบิดปรับระบบต่างๆ แล้ว เรายังต้องกราบคนทำ UI เช่นเคย

Persona

ทั้งนี้ UI ของเกมอาจเป็นส่วนที่หลายๆ คนมองข้าม แต่ผู้พัฒนา Persona นั้นใส่ใจเป็นอย่างมาก โดยเราจะเห็นได้ชัดจาก Persona 5 ที่ได้รับการชื่นชมในด้านงาน UI เป็นอย่างมาก เพราะมันส่งผลต่อประสบการณ์ระหว่างเล่นอย่างแท้จริง โดย UI ใน Persona 5 นั้นนอกจากจะใช้ง่ายมากๆ แล้ว มันยังสร้างอารมณ์ให้ผู้เล่นไม่รู้สึกว่าเทิร์นเบสต์เป็นเกมตกยุค เต็มไปด้วยนวัตกรรมที่ชวนให้พูดกันอย่างบ้านๆ ว่า “คิดได้ไงวะ?” ทั้งยังล้อไปกับธีมของเกมได้อย่างน่าทึ่ง

โดย UI ของ Persona 3 Reload ก็ถูกปรับมาจากความสำเร็จของ Persona 5 ครับ เทียบกันแล้วของภาค 5 จะมีความรวดเร็วฉวัดเฉวียนยิ่งกว่า แต่ของ Persona 3 Reload จะให้อารมณ์สุขุม ไม่ติงไหว ราวกับน้ำนิ่งไหลลึก แต่ที่ไม่ต่างคือเต็มไปด้วยคุณภาพทั้งคู่ และงานออกแบบ UI ของซีรีส์นี้ยังคงเป็นระดับชั้นครูที่ผู้พัฒนารายอื่นๆ ต้องลองมาศึกษาและเอาเยี่ยงอย่าง

Persona

ขณะที่เกมเพลย์ในส่วนหลักๆ ก็ยังคงความคลาสสิคเอาไว้ แต่ถูกเสริมเติมในหลายๆ จุดจนคอนเทนต์แต่เดิมที่แน่นอยู่แล้วกลับแน่นยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในพาร์ทของโซเชี่ยล ที่มีเนื้อหาของตัวละครต่างๆ ถูกเพิ่มเข้ามาและรอให้ผู้เล่นไปค้นพบมากขึ้น ส่วนเกมเพลย์ในดันเจี้ยนนอกจากการออกแบบฉากใหม่แล้วคอร์เกมเพลย์ก็คล้ายๆ เดิม แม้กระนั้นการที่มีกราฟิกแบบสมัยใหม่ก็เสมือนตัวเกมถูกอัดสเตียรอยด์เข้าไป เล่นสนุกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสะใจขึ้น คูลมากขึ้น เท่ไม่หวาดไม่ไหว

สรุป

Persona 3 Reload เป็นอีกหนึ่งการรีเมคที่ทรงคุณค่ามากๆ ของวงการเกม ผู้พัฒนาดูจะทำอะไรก็ถูกไปหมดในการจะปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมอะไรเข้าไป มันยังคงอัดแน่นด้วยเนื้อหาและคอนเทนต์ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นมิตรและสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม แม้บางฟีเจอร์จะไม่มีอยู่แล้ว หรือร่องรอยความแก่เก่าแห่งยุคสมัยจะหลงเหลือให้พบเห็นเป็นริ้วเป็นรอยให้ตะขิตะขวงใจอยู่บ้าง

แต่การปลุกผี Persona 3 ขึ้นมานำเสนอใหม่อย่างตั้งใจของทีมงานที่ราวกับจะประกาศให้โลกรู้ว่ามันเคยมีงานที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้อยู่บนโลกด้วยนะ ก็เพียงพอจะทำให้ผู้เล่นไม่ว่าจะหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ จะเคยเล่นภาคต้นฉบับมาก่อนหรือไม่ ต่างล้วนจะได้ประจักษ์และรับรู้ถึงการมีอยู่ของหนึ่งในเกม RPG ที่ยอดเยี่ยมในยุคสมัยหนึ่งเรียบร้อยแล้ว

Persona 3 Reload คือ Persona 3 ในฟอร์มที่องอาจมาดสมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสับ และตัวเกมมีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้บนเครื่อง PlayStation 5, PlayStation 4, Xbox One, Xbox Series X, Series S และ PC ครับ

VERDICT
9/10


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้