บอสใหญ่ Take-Two คิดว่าเกมยิ่งยาว ยิ่งควรขายในราคาที่แพงขึ้น

Strauss Zelnick บอสใหญ่ของบริษัท Take-Two บริษัทแม่ของค่าย Rockstar และ 2K ได้เผยแนวคิดในระหว่างการประชุมของเหล่าผู้ลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าในความคิดเห็นของเขา ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายควรจะตั้งราคาเกมของตนโดยอ้างอิงจากจำนวนชั่วโมงที่ผู้เล่นจะต้องใช้ในการเล่นเกมจนจบ เท่ากับว่ายิ่งเกมยาวเท่าไร เกมเกมนั้นก็ควรจะมีราคาแพงขึ้นเท่านั้นนั่นเอง

Take-Two

เกม AAA ตอนนี้ยังถูกไปมาก

จากการรายงานของสำนักข่าว Rock Paper Shotgun ดูเหมือนว่าในความคิดเห็นของคุณ Zelnick นั้น ผู้พัฒนาเกมรายต่าง ๆ ควรจะตั้งราคาสื่อบันเทิงของตนโดยวัดจากระยะเวลาการใช้งานที่มีการคาดหวังไว้ของสื่อนั้น ๆ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือคิดจากจำนวนชั่วโมงที่ผู้เล่นต้องใช้ในการเล่นเกม, ปริมาณของคอนเทนต์ และรูปแบบของการเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาด การเช่า หรือการสมัครสมาชิกเพื่อเล่นเกมนั้น ๆ ค่ะ

Take-Two

คุณ Zelnick ยังได้อธิบายเสริมไว้ด้วยว่าราคาเกม AAA ที่ถูกตั้งไว้ที่ 70 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 2,500 บาทไทยนั้น ยังถือว่าต่ำมาก ๆ ในมาตรฐานของเขา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือเกมในค่ายของพวกเขาที่ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินและมีส่วนร่วมกับมันได้เป็นเวลานาน ดังนั้นมันจึงมีมูลค่าของการมีส่วนร่วมสูงเอามาก ๆ เขาจึงรู้สึกว่าการจำกัดราคาเกมไว้ที่ 70 ดอลลาร์นั้นออกจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับเกมที่สามารถเล่นได้ยาว ๆ ไม่รู้จบค่ะ

Take-Two

อย่างไรก็ตาม ทาง PlayStation Lifestyle ก็ได้แย้งมาว่าความคิดเห็นในส่วนนี้ถือเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในหมู่ผู้บริการระดับสูง ซึ่งมักจะนำเหตุผลด้านค่าใช้จ่ายในการพัฒนามาใช้ในการขอขึ้นราคาเกมอยู่บ่อย ๆ ทว่าปัญหาก็คือผู้พัฒนาในสมัยนี้มักจะทุ่มเงินไปกับการขยับขยายสเกลของเกมเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเป็นการเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ ฉะนั้นหากมีการขึ้นราคาเกมตามปริมาณคอนเทนต์หรือจำนวนชั่วโมงในการเล่นจริง น่าจะทำให้ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์และเสียงบ่นจากคนในวงการไม่น้อยเลยทีเดียว

แปลและเรียบเรียงจาก
https://www.playstationlifestyle.net


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้