ต้องบอกว่าเป็นเวลานานกว่า 10 ปี ที่ทาง Fromsoftware นั้นห่างหายจากเกมซีรีส์นี้ไป Armored Core นั้นเป็นเกมที่ว่าด้วยความแอ็กชันของการขับหุ่นยนต์ความเร็วสูงที่มีความยาก และท้าทายตามลายเซ็นของค่ายนี้ แต่ก็ต้องบอกเอาไว้เสียตั้งแต่เนิ่นๆ นะครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นเกมจาก Fromsoftware และเป็นเกมที่ยาก แต่ Armored Core ไม่ใช่เกมประเภท Souls Like ดังนั้นรูปแบบการบังคับ รวมไปถึง Mechanic ต่าง ๆ ภายในเกม ก็จะไม่เหมือน และไม่ได้หมายความว่าถ้าหากคุณชินมือกับเกมตระกูล Souls แล้วจะชิว ๆ กับเกมนี้นะครับ ว่าแล้วไปดูรีวิวเกม Armored Core VI Fires of Rubicon พร้อมกันครับ
รีวิวเกม Armored Core VI
เนื้อเรื่องภายในเกม
เนื้อเรื่องของตัวเกมจะว่าด้วยโลกยุคอนาคต ที่เทคโนโลยีของมนุษย์พัฒนาไปไกลมาก การเดินทางในอวกาศไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และเหล่ามวลมนุษย์เองก็ได้ค้นพบ “สสารลึกลับ” ที่เรียกว่า “Coral” ซึ่งมันเป็นแหล่งพลังงานชนิดหนึ่ง ถึงแม้ว่าความอันตรายของมันจะสูงมากก็ตาม แต่ความคุ้มค่าและประโยชน์ของมันนั้นมหาศาล จึงไม่แปลก ที่มนุษย์ จะพยายามแย่งชิง และนั่นก็คือชนวนของการปะทะกันด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์และเครื่องจักรภายในเกม
ผู้เล่นนั้นจะได้รับภารกิจในนามทหารรับจ้างอิสระ เข้าต่อสู้กับศัตรูหลายฝ่าย และจะได้รับรู้เนื้อเรื่องผ่านบทสนทนาและฟังเสียงจากภายในเกมล้วน ๆ ซึ่งวิธีการเล่าเรื่องของเกมนี้อาจจะดูแปลกไปเสียหน่อย เพราะเราจะไม่ได้เห็นคัตซีนของเหล่าตัวละครออกมาเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เราจะได้ยินเพียงเสียงและโลโก้ประจำตัวของเหล่าตัวละครที่เกี่ยวข้องแค่นั้น เอาง่าย ๆ คือตลอดทั้งเกม เราแทบไม่ได้เห็นคัตซีนสวย ๆ งาม ๆ ที่สร้างความอินให้กับผู้เล่นเท่าที่ควรนั่นล่ะครับ แล้วก็น่าเสียดายอีกเรื่องคือตัวเกมไม่มีภาษาไทยเหมือนกับเกมในเครือ Bandai Namco ที่เคยวางจำหน่ายก่อนหน้านี้อย่าง Elden Ring ดังนั้นใครจะคาดหวังกับวิธีการเล่าเนื้อเรื่องของเกมนี้ ก็น่าจะผิดหวัง แต่ถ้าหากถามว่าเนื้อเรื่องดีมั้ย ก็ต้องบอกว่าดีมาก ๆ ครับ แถมจุดจบของเรื่องก็มีหลายแบบ โดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เล่น เพียงแต่ว่าฉากจบที่แท้จริงนั้น ผู้เล่นจะถูกบังคับให้เล่นไปจนเคลียร์ New Game + ถึงจะได้ดู แถมเป็นฉากจบที่ไซไฟจ๋า ๆ เลยทีเดียว
กราฟิก
พูดถึงเรื่องกราฟิกกันบ้าง ถ้าหากใครที่เล่นบน PC แล้วสามารถเล่น Elden Ring ได้อย่างลื่นไหล ก็สามารถห่ายห่วงกับเกมนี้ได้เลย เพราะเอาจริง ๆ แล้วเกม ๆ นี้ถือว่ากินทรัพยากรเครื่องน้อยกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจากมันไม่ใช่ Open-World แต่จะเป็นการโหลดเข้าฉากต่างๆ ที่มีภูมิภาคแตกต่างกันออกไป พวกเราลองทดสอบบน PS5 และ PC อีก 2 เครื่องที่สเปคต่างกัน สำหรับการ์ดจอรุ่นไม่ได้ใหม่มากอย่าง 2070 ก็สามารถเล่นได้สบายๆ แล้ว ที่สำคัญคือความสวยงามของกราฟิกและเอฟเฟคต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้ดี ดูเป็นเกมยุคใหม่ได้อยู่
ระบบเสียง
ต้องบอกว่าทำได้ดีตามมาตรฐานเกมยุคนี้ครับ ซึ่งพวกเสียงเอฟเฟคต่างๆ นั้นก็มีผลต่อเกมเพลย์ด้วย ศัตรูบางจำพวกเราต้องฟังเสียงจากอาวุธที่ปล่อยออกมา เนื่องจากหลายๆ ครั้งเราจะได้ยินเสียงก่อนพบเจอศัตรู ส่วนพวกเสียงเครื่องจักร ระเบิด จรวดมิสไซล์ก็ค่อนข้างสมจริงดี และทีเด็ดก็คือ OST ที่มีมากกว่า 40 Track ทั้งอัลบั้มนี่ยาว 2 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ
เกมเพลย์
มาถึงเรื่องสำคัญอย่างเกมเพลย์กันบ้าง ต้องบอกว่า โดยพื้นฐานแล้ว ถึงแม้ว่าเกมนี้จะเป็นเกมที่ยาก แต่วิธีการบังคับมันเบสิคมาก ๆ ครับ เริ่มจากอาวุธก่อนก็แล้วกัน ผู้เล่นจะมีอาวุธมากสุดอยู่ 4 จุด คือแขนซ้ายแขนขวา และไหล่ซ้ายไหล่ขวา โดยผู้เล่นสามารถเลือกปรับได้ค่อนข้างอิสระเลย เช่น จะใช้อาวุธระยะประชิดที่แขนข้างหนึ่ง แล้วอีกข้างเป็นปืน หรือจะใช้ปืนทั้งสองก็ทำได้ ส่วนที่ไหล่ทั้งสองข้าง ก็จะเป็นอาวุธประเภทจรวด มิสไซล์วิถีต่าง ๆ รวมไปถึงปืนเลเซอร์พลาสมา และเกราะป้องกันก็ยังมี ซึ่งอาวุธทั้ง 4 จุดนี้ เพียงแค่กดใช้มันก็จะยิงหรือโจมตีออกไป และบางชิ้นก็สามารถกดค้างเพื่อชาร์จได้เป็นต้น
ส่วนอื่นก็จะเป็นเรื่องของการกระโดด ลอยตัวขึ้น การพุ่งและการหลบ แค่นั้น ไม่ได่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่อาวุธ 4 ชิ้นและการบังคับแบบลอยตัว 2 ประเภท เพียงแต่ว่าพอไปเจอกับศัตรูจริงๆ มันไม่ใช่เป็นเรื่องของการไล่กดอาวุธทุกอย่างแบบ spam มั่วๆ หรือพุ่งเข้าไปฟันๆ แล้วศัตรูจะตาย เพราะทุกอย่างนั้นมีจำกัด ทั้งเรื่องของพลังงานในการบิน จำนวนจรวด กระสุน เนื่องจากไม่ใช่ทุกภารกิจจะมี Supply ให้เติม
รวมไปถึงประเภทของศัตรูที่หลากหลาย ซึ่งก็มีตั้งแต่ระดับกี๊ ๆ ยิงไม่กี่ทีก็ตาย ยันศัตรูที่มีโล่ อาวุธหนักที่ซัดเราทีเดียวถึงตาย รวมไปถึงหุ่นรบแบบเดียวกันและบรรดาบอส ที่มีจุดแข็งจุดอ่อนแตกต่างกันไป ดังนั้นถ้าหากใครเห็นเกมเพลย์จากคลิปหรือไลฟ์สตรีมต่างๆ แล้วคิดว่าเกมๆ นี้คือเรื่องของสกิลเพลย์เพียงอย่างเดียว ก็ต้องบอกว่าคิดผิดครับ เกมจะยากหรือง่ายบางทีมันขึ้นอยู่กับการปรับแต่งหุ่นด้วย ถึงแม้ว่าสกิลเพลย์จะเป็นส่วนใหญ่ที่จะทำให้เราผ่านด่าน แต่เรื่องของการปรับแต่งหุ่นที่เหมาะสม ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ของเกม ๆ นี้
ไอ้คำกล่าวที่ว่า ปรับแต่งหุ่นเป็นชั่วโมง เข้าไปเล่นไม่กี่นาทีจบนั้นไม่ใช่ความจริงที่เกินเลยสำหรับเกม ๆ นี้ครับ เนื่องจากตัวเลือกในการปรับแต่งหุ่นของผู้เล่นนั้นมีเยอะมาก ไล่ไปตั้งแต่ส่วนหัว ลำตัว แขน ขา และอาวุธทั้ง 4 จุดอย่างที่บอกไป มันยังมีเรื่องของแผงวงจรและ turbo jet ด้านหลัง ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเลือกๆ เปลี่ยนตามที่ผู้เล่นต้องการเสมอไป เนื่องจากผู้เล่นจะต้องคำนึงถึงสมดุลของตัวหุ่นด้วย ตัวเลขต่าง ๆ ยุบยับที่เราเห็นอยู่ด้านล่างนั้นเป็นตัวเลขที่แสดงสถานะจริง ๆ ของหุ่น ซึ่งส่งผลต่อเกมเพลย์
อย่างเช่นบางทีเราอาจจะยัดเข้าไปแต่อาวุธแรงทั้ง 4 จุด แต่หุ่นบางเป็นกระดาษ หรือ mobility ต่ำก็มี หรือบางทีเน้นแต่งเอาเท่แบบกันดั้ม แต่ในด่านนั้นมีแต่ศัตรูระยะไกลก็เสียเปรียบและเสียเวลาในการไล่เคลียร์ ดังนั้นก่อนจะเข้าสู่ภารกิจ สิ่งที่ผู้เล่นต้องคำนึงอยู่เสมอคือการปรับแต่งหุ่นให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความเป็นจริง เช่นท่อนบนขนาดใหญ่ แต่ขาเรียวเล็กมันก็ไม่สมเหตุสมผล ทำให้น้ำหนักเกิน หรือเคลื่อนไหวลำบาก หรือบางทีการใช้ท่อนล่างที่ทำให้ลอยกลางอากาศได้นาน ๆ แต่ติดอาวุธระยะใกล้เป็นหลักมันก็สู้ลำบากอีก และใช่ครับ ทุกชิ้นส่วนมี Stat ยิบย่อยที่คุณต้องอ่าน บางชิ้นเกราะหนา บางชิ้นเหาะได้แปปเดียวอะไรแบบนั้น และบางชิ้นส่วน ก็ไม่สามารถเข้ากับชิ้นส่วนบางประเภทได้
ซึ่งนี่ผมยังไม่ได้พูดถึงค่าพลังต่าง ๆ ที่ละเอียดมาก อย่างเช่น บางชิ้นส่วนมันมีผลต่อความแม่นของอาวุธ จำนวนกระสุน หรือแรงดีดของปืนด้วย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผู้เล่นต้องพยายามศึกษามันอยู่พอสมควรในช่วงแรกของเกม
แล้วก็ใช่ครับ ผมขอข้ามในส่วนของการปรับแต่งสีสันเพื่อความสวยงามไปด้วย เนื่องจากมันเป็นเพียงแค่ความพึงใจส่วนตัวของผู้เล่น ซึ่งมันไม่ได้มีผลต่อเกมเพลย์
นอกจากนี้ มีอีก 1 ระบบในเกมก็คือ “Stagger” ส่วนตัวผมมองว่าผู้เล่นเกมนี้น่าจะต้องคำนึงถึงค่านี้ในการปรับแต่งหุ่น และจะต้องกะจังหวะในการเข้าทำให้ดีเมื่อศัตรูติดสถานะนี้ เพราะมันคือสิ่งที่มี Value มากที่สุดของเกม เนื่องจากเป็นช่วงที่ศัตรูเสียหลัก และความเสียหายจะทวีคูณเมื่อโจมตีศัตรูนั่นเองครับ
บทสรุป
Armored Core VI Fires of Rubicon คือเกมที่ดีเยี่ยมอย่างไม่อาจปฏิเสธ ทั้งเนื้อเรื่องที่เข้มข้น กราฟิกที่งดงามตระการตา ฉากต่าง ๆ ทั้งในดาวและนอกดาว รวมไปถึงหุ่นยนต์ทั้งฝ่ายเราและศัตรูต่างก็มีความเท่ ประกอบกับเพลงประกอบสุดบรรเจิด และ Bossfight สุดตื่นตา ตลอดจนการปรับแต่งที่สามารถกินเวลาได้หลายชั่วโมง ถึงแม้ว่าตัวเกมจะตัดระบบของเงินอันยุ่งยากของภาคก่อนออกไป แต่มันก็ไม่ได้ลดความท้าทายและความตึงของเกมลงเลย
ยังไงมันก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่ามันคือเกมที่โคตรเจ๋ง จะน่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือวิธีการเล่าเรื่องที่มันขาดอรรถรสไปพอสมควร ถึงแม้ว่าผู้เล่นซีรีส์นี้ส่วนใหญ่จะไม่ได้สนใจมันก็ตาม แต่ผู้ที่อยากอินกับเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ผิดหากอยากจะซึมซับเรื่องราวของเกมนี้ ซึ่งวิธีเล่ามันทำให้ดีกว่านี้ได้แน่ๆ และอีกเรื่องก็คือมันมีหลายภารกิจที่รู้สึกเหมือนเราเป็นเพียงทหารที่รับจ้างมาแบบ general เบ๊ บางภารกิจคือเข้าใจว่าศัตรูตึงมือจนต้องพึ่งมือดีอย่างเรา แต่บางภารกิจมันก็บางเบาเหมือนใช้เราออกไปซื้อน้ำปลาเข้าบ้าน mood & tone มันเลยมีขึ้นๆ ลงๆ บ้างไปตามระเบียบ ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ พวกเรา Online Station ขอมอบคะแนนเกมนี้ไปที่ 8.5 คะแนนครับ เอาง่ายๆ ใครชอบขับหุ่นสู้กับศัตรูตึง ยังไง Armored Core VI Fires of Rubicon ก็เป็นเกมที่โคตรตอบโจทย์มากๆ ในนาทีนี้
คะแนน 8.5/10
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station