หนึ่งในข้อถกเถียงที่มากที่สุดเกี่ยวกับ Final Fantasy 16 คือการที่ทีมพัฒนาตั้งใจจะให้เกมกลายเป็นแอคชั่นฟันดะแบบไม่มีเม้ม จากที่ก่อนๆ จะดีจะร้ายยังไงก็ยังคงมีความเป็น RPG Turn – Base หลงเหลืออยู่บ้างไม่เว้นแม้กระทั่งภาค 15 ทำให้หลายๆ คนอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะประวัติของ Final Fantrasy ภาคแอคชั่นที่ผ่านๆ มานั้นก็ไม่ได้สู้ดีเท่าไหร่ ขณะที่บางส่วนก็ถึงขั้นสาปส่งเสียด้วยซ้ำไป
รีวิวเกม Final Fantasy 16
อย่างไรก็ตามทีมงานก็มั่นใจและชัดเจนว่าจะไปในทางนี้แต่แรก จึงเกิดการรวมตัวของทีมงานขั้นเทพมากมายในกุมบังเหียนในแต่ละภาคส่วน นัยหนึ่งก็เพื่อลบคำสบประมาท ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามกอบกู้ศรัทธาจากภาค 15 ที่โดนค่อนขอดมาหลายปีว่าเป็นเกมที่ไม่เสร็จ ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงชัดเจนไม่ขัดเขิน แม้อาจจะยังไม่ใช่เกมที่สมบูรณ์แบบ แต่ระหว่างทางก็มีทั้งช่วงสุดไฮป์ชวนอ้าปากค้าง รวมไปถึงช่วงครั่นเนื้อครั่นตัวอยากบวกศัตรูมากมาย และไม่คงไม่เกินเลยอะไรถ้าจะบอกว่า Final Fantasy16 คือเกมแอคชั่นที่ดีที่สุดของแฟรนไชส์ และมันเป็นเกมที่เสร็จสมจบบริบูรณ์ในตัวแบบไม่จำเป็นต้องมีแอดออนหรือ DLC ใดๆ ตามมาทั้งสิ้น
บทความนี้อาจมีสปอยล์เล็กน้อย
เนื้อเรื่อง Final Fantasy 16
เรื่องราวของ Final Fantasy 16 เกิดขึ้นบนทวีป Valisthea ดินแดนที่ผู้คนใช้อำนาจของคริสตัลในการดำรงชีวิตประจำวัน โดยที่มีมาเธอร์คริสตัลที่เป็นเหมือนแหล่งพลังงานขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วดินแดนทั้งสิ้น 5 จุดด้วยกัน แต่ละประเทศจึงต้องทำสงครามกันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรพลังงานจากคริสตัลมาใช้ โดยมี Dominant ร่างทรงของสัตว์อสูรเป็นเหมือนตัวเปลี่ยนเกมและซูเปอร์เวพ่อนของแต่ละฝ่าย กระนั้นพวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วภัยร้ายซ่อนเร้นที่จะทลายดินแดนของพวกเขาได้คืบคลานเข้ามาช้าๆ
ตัวเกมเปิดด้วยฉากที่ให้กลิ่นอายแบบ Games of Throne แบบที่เห็นกันในเดโม เพียงแต่เมื่อดำเนินเรื่องไป มันก็ยังคงมีจริตความเป็น Final Fantasy อยู่อย่างเต็มเปี่ยม แน่นอนว่านี่คือภาคที่มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจริงๆ ตามที่ทีมงานโฆษณาไว้ ในฉากคัตซีนเราจะได้เห็นเลือดสาดกระเซ็น อวัยวะที่โดนฟันปิดปลิว หรือฉากวาบหวิว (ไม่ถึงขั้น 18+) รวมไปถึงการตะโกนสบถคำหยาบฟักแฟงแตงกวาก็มาเพียบ แต่มันก็ยังมีความ Coming of Age, โชเน็น, เน้นเพื่อนพ้องอยู่ดี ว่ากันตามตรงผมว่าในเดโมนั้นคือสุดกราฟแล้ว เราไม่ได้เห็นความดาร์คความดิบที่เกินเบอร์ไปมากกว่านั้น ซึ่งส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าอยากให้มันไปสุดมากกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ก็พอเข้าใจว่าทำไมเขาถึงลิมิตเรตเกมตัวเองไว้แค่นี้ จึงเป็นเรื่องที่ทำได้แค่เสียดาย
แต่ความดาร์คไม่ถึงใจก็ไม่ใช่ปัญหาในการเล่าเรื่องอะไรนัก Final Fantasy 16 มีจังหวะการเล่าเรื่องและเพซของเกมที่ค่อนข้างน่าสนใจ แม้จะเข้าใจยากไปสักหน่อยเพราะศัพท์แสงเฉพาะตัวเยอะมาก อีกทั้งยังเลือกใช้คำแนวจักรๆ วงศ์ๆ ประมาณหนึ่ง ทำให้หลายๆ ครั้งไม่สามารถแปลได้ทันทีต้องมีสมาธิอยู่ตลอด แต่มันก็เลี้ยงผู้เล่นให้ติดหนึบอยู่กับเกมได้แบบไม่อยากปิดเกมไปไหนได้เกือบตลอดทั้งเกม ถึงจะแอบแผ่วๆ ในช่วงท้ายทั้งการเล่าเรื่องและคุณภาพคัตซีน บ้างก็ตาม กระนั้นก็ไม่ถึงกับย่ำแย่อะไร อาจเพราะตลอดทางมันทำบาร์ไว้สูงมากๆ จนเราคาดหวังว่าช่วง Finale มันจะต้องสุดมากแน่ๆ พอไม่ถึงขั้นนั้นก็รู้สึกเฟลนิดๆ แต่ย้ำอีกครั้งว่ามันไม่ได้ย่ำแย่อะไร และส่วนตัวคือติดใจกับบทสรุปอีกนิดหน่อย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมออกมาเป็นแบบนี้ เพราะมันก็ไม่ได้ผิดคาดจากที่ได้ปูทางมาสักเท่าไหร่
อีกหนึ่งข้อสังเกตคือผมรู้สึกว่าเรื่องราวที่เขาอยากเล่ามันมากมายเกินไป แต่ด้วยความที่ต้องการให้เกมมันกระชับทำให้ต้องตัดการพูดถึงเนื้อเรื่องบางส่วนออกหรือถูกโยกไปในส่วนของ Lore ให้ไปตามอ่านเอาเอง ซึ่งจริงๆ เกมก็มีระบบสุดเจ๋งอย่าง Active Lore ที่ให้เรากดทัชแพดที่คอนโทรลเลอร์มันจะคอยอธิบายสถานการณ์ต่างๆ ณ ขณะนั้นให้เป็นไปแบบปัจจุบันที่สุด ช่วยผู้เล่นให้สามารถตามเกมให้ทันได้ง่ายขึ้น แต่นั่นแหละพอเรื่องราวบางอย่างไม่ถูกเล่าให้เห็นภาพ ตัวละครหลายๆ ตัวก็เหมือนเสียโอกาสให้เราเข้าไปทำความรู้จักและอินกับซีเควนส์ของพวกเขาไปโดยปริยาย
เสียง
เจ้าตำนานคุณ Masayoshi Soken สร้างเรื่องอีกแล้วในภาคนี้ อย่างที่เดาไว้ไม่มีผิดจากตอนเดโมว่าเพลงประกอบสไตล์ออเครสตร้ามาแบบตึงๆ แน่นอน ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เลยครับ เพลงประกอบอลังการมากมายช่วยขับเน้นเรื่องราวและไดรฟ์ให้ผู้เล่นรู้สึกมีส่วนร่วมกับมันอย่างมาก โดยเฉพาะช่วง Eikon Battle ที่น่าจะมันมือแกแหละ ใส่ไม่ยั้งและคนเล่นก็คึกคักตามไปด้วย มีเพลงที่รู้สึกว่าเอียร์เวิร์มติดหูอยู่มากมาย เพราะจนป่านนี้มันก็ยังดังวนอยู่ในหัวผมอยู่ เรียกได้ว่าคนชอบเพลงแนวๆ นี้จะฟินมากๆ ขณะที่การออกแบบเสียงในด้านอื่นๆ ก็ยอดเยี่ยมตามมาตรฐาน ส่วนปัญหาเรื่องเสียงพากย์ภาษาอื่นๆ กับปากที่ขยับตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ในเกมเต็มดูเหมือนจะยังมีอยู่ แต่กลายเป็นว่าพอมีหลายอย่างที่ต้องโฟกัส ปัญหาจุดนี้ก็เลยไม่ได้กวนใจนักจนพอจะมองข้ามไปได้
กราฟิก
Final Fantasy16 เป็นภาคที่กราฟิกมีใกล้เคียงกับซีจีเข้าไปอีกขั้น แทบทั้งเกมก็ใช้เป็น In-engine เพื่อเรนเดอร์คัตซีนแทนซีจีเอาเลย และมันดูเนียนเอามากๆ ไม่มีความรู้สึกติดขัดใดๆ รู้สึกเลยว่าเทคโนโลยีมันมาไกลขนาดนี้แล้ว นี่แหละพลังของเครื่องเกมยุคปัจจุบัน เส้นผมพรี่ Clive ปลิวสะบัดอยู่ตลอดเวลาที่มีลมพัด ขณะที่ฉากของเกมนั้นแม้จะไม่ใช่โอเพ่นเวิลด์เต็มสูบ แต่หลายๆ ฉากก็ให้ภาพที่อลังการใหญ่โตโอฬารอย่างมาก แสงเงาก็ทำได้สวยสดน่าประทับใจ สายถ่ายรูปในเกมอาจจะได้เข้าโฟโต้โหมดกันบ่อยหน่อย แต่เวลาเข้าฉากในอาคารบางทีจะรู้สึกว่าภาพมันดรอปลงมาจนรู้สึกได้ แต่ก็ไม่ได้สลักาำคัญเท่าไหร่
ขณะที่รายละเอียดของตัวละครไม่ว่าจะทั้งเราและศัตรูก็ทำได้ดีมาก พวกตัวละครหลักๆ ต่างก็มีดีเทลน่าสนใจ เช่นเดียวกับพวก Eikon ที่โผล่มาแต่ละครั้งก็ชวนตะลึงเสมอ ไม่ใช่แค่ในด้านรูปลักษณ์หรือรายละเอียดตามตัว แต่ยังมาพร้อมฟีลลิ่งที่ทรงพลัง และรู้สึกเลยว่าสมเป็นสุดยอดอาวุธจริงๆ
แต่พูดถึง Eikon ก็จะมีข้อชวนสังเกตหน่อยแล้วกัน คือมันก็เรียกเป็นข้อเสียได้ แต่ส่วนตัวผมไม่ได้มีปัญหากับมันขนาดนั้น นั่นก็คือ Eikon Battle ช่วงหลังๆ ที่จัดเต็มแสงสีเสียงจากสกิลของแต่ละตัว รวมถึงฉากหลังสุดแฟนตาซีมันทำให้ภาพในเกมมีหลายสีและคอนทราสจัดมากๆ จนแทบดูไม่รู้เรื่อง และใครที่แพ้แสงวูบวาบนี่อาจต้องระวังมากๆ เลยครับ มันถึงขั้นนั้นเลยแหละ
เกมเพลย์
เกมเพลย์ถูกปรับมาเป็นแอคชั่นเต็มรูปแบบอย่างที่ทราบกัน หลายๆ คนกังวลว่ามันจะทำให้ผู้เล่นเข้าถึงยากรึเปล่า หรือคนที่ชินกับ Turn-base มาตลอดจะปรับตัวกับมันได้ไหม ตรงนี้ผมว่าเกมฉลาดมากในการหาโซลูชั่นมาใช้กับเกมจริงด้วยระบบเครื่องประดับ ซึ่งผู้เล่นจะได้เครื่องประดับมาตั้งแต่ช่วงแรกของเกม โดยเครื่องประดับชุดแรกที่ผู้เล่นได้มานั้นมันคือตัวช่วยในการเล่นเกมแบบเบิ้มๆ เช่นช่วยให้กดสกิลแบบออโต้, ช่วยหลบ, ช่วยใช้ไอเทมทันที อะไรประมาณนี้ ซึ่งถ้าติดตั้งหมดจะช่วยให้เกมง่ายขึ้นมากๆ เหมาะกับมือใหม่สุดๆ ส่วนคนที่คุ้นชินเกมแอคชั่นมาบ้าง แต่ไม่ชอบความท้าทายที่มากมายเกินไปก็อาจเลือกติดแค่บางชิ้นก็ได้ แล้วเอาช่องที่เหลือไปใส่ของเพิ่มสเตตัสหรือลดคูลดาวน์สกิล ขณะที่ปีศาจที่มาจากเกมแอคชั่นอื่นๆ ก็เลือกจะไม่ใส่ตัวช่วยเลยก็ย่อมได้เช่นกัน จุดนี้ผมว่ายืดหยุ่นและเป็นมิตรกับทุกฝ่ายมากๆ อย่างมือใหม่ถ้าเล่นจนคุ้นระบบแล้วก็อาจจะค่อยๆ ถอดตัวช่วยบางส่วนเพื่อความท้าทายที่มากขึ้นได้เช่นกัน อันนี้ปรบมือ
ส่วนการต่อคอมโบต่อสู้แบบพื้นฐาน ตอนแรกผมรู้สึกว่ามันน้อยไปหน่อย แต่พอช่วงท้ายที่มีพลัง Eikon มาเพิ่มกับไปเห็นคลิปปีศาจที่ต่อคอมโบรัวๆ แม้ในเวอร์ชั่นเดโม ก็รู้สึกว่าเราอาจจะรู้ไม่จริงก็ได้ และทำให้คอมแบตของเกมนั้นดูลึกขึ้นมาแบบมากๆ พวกฟันดาบใช้ท่าแบบเท้าไม่ติดพื้นนี่น่ากลัวจริงๆ พับผ่า
อีกหนึ่งจุดขายของเกมคือพลัง Eikon ที่เราจะได้มาใช้ตลอดทั้งเกมจะมีประมาณ 7 ชนิด แต่ละชนิดก็จะมีรูปแบบต่างกันออกไป บ้างก็ใช้เพื่อต่อคอมโบ บ้างก็ใช้เป็นแทรป, เคลียร์ศัตรูวงกว้าง, เป็น Nuke หรือบางท่าก็มีเงื่อนไขจุกจิกก่อนจะใช้ได้ มันหลากหลายมากๆ จนหากคนที่เล่นจริงจังต้องมาศึกษาว่าท่าไหนจะส่งเสริมกันบ้างเพื่อการต่อคอมโบสวยๆ หรือแค่อยากจะเคลียร์ศัตรูเร็วๆ ก็ย่อมได้เช่นกัน แต่กว่าจะถึงจุดที่รู้สึกว่าหลากหลายจริงๆ นั้นก็เลยครึ่งเกมไปแล้ว เป็นไปได้ว่าทีมงานอาจจะอยากให้เราได้คุ้นเคยกับระบบหลักๆ เสียก่อน แต่มันก็ทำให้ผู้เล่นสายมุ่งเนื้อเรื่องใช้ชีวิตไปข้างหน้าอย่างเดียวนั้นมีเวลาทดลองพลังที่ได้มาหลังๆ น้อยไปสักหน่อย
พูดถึง Eikon คงต้องบอกว่าหนึ่งในพระเอกของเกมนี้คือ Eikon Battle ที่เรียกเสียงอุทานผมได้บ่อยจัดๆ โดยเฉพาะ 2 ไฟต์ช่วงกลางๆ ค่อนไปท้ายเกม ที่เหมือนทีมงานใส่สุดโคตรๆ จนทำให้ช่วงท้ายดูดรอปไปซะอย่างนั้น คือในแง่เกมเพลย์พื้นฐานมันอาจดูไม่ค่อยมีอะไรมาก เหมือนการต่อสู้ปกติ แต่ที่ทำให้มันโดดเด่นสุดๆ คือพรีเซนเตชั่นที่ทีมงานพยายามรังสรรค์มันขึ้นมา Eikon Battle แต่ละไฟต์อาจจะมีฉากสู้พื้นฐานที่คล้ายกันบ้าง แต่ทุกๆ ไฟต์จะมีกิมมิคของตัวเองที่มีความเฉพาะตัว และความอลังการเวอร์วังด้านงานภาพที่แทบจะร้องขอชีวิต เราเห็นภาพชัดมากว่าสุดยอดอาวุธ 2 ตัวมาตีกันจะเป็นอย่างไร แถมในไฟต์ก็ใส่เพิ่ม Vibe แบบการ์ตูนโชเน็นไปด้วย มันเลยเป็นความบ้าพลังมากๆ เอาเป็นว่าฟีลคล้ายๆ นั่งดูกุเรนลากันน์เลยทีเดียวเชียว
จุดที่อาจเป็นข้อเสียของบางคนคือความที่ Clive เป็นนักดาบและพี่แกใช้อาวุธอยู่อย่างเดียวจริงๆ บอกลาอาวุธประเภทอื่นไปได้เลย ส่วนตัวผมไม่มีปัญหาตรงจุดนี้ แต่ก็พอเข้าใจบางคนที่อาจต้องการอาวุธชนิดอื่นมาตัดรสชาติเกมเพลย์บ้าง ผมแค่ติดใจตรงที่พวกอาวุธระดับหายากหรือในตำนานที่ต้องไปลำบากลำบนหาวัตถุดิบมาตีขึ้นดันเป็นดาบที่สวยขึ้นแต่รูปทว่าดันไม่มีเอฟเฟกต์ใดๆ บวกเพิ่มเข้ามาให้ สิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงรูปลักษณ์ พลังโจมตี กับขอบไอคอนที่เป็นสีม่วงหรือทองกับคำบรรยายว่ามันเลิศเลอขนาดไหนเท่านั้น
คือเหตุการณ์แบบตีอาวุธม่วงขึ้นมาใช้พอผ่านเควสต์ไป 2-3 เควสต์พอเข้าไปดูร้านค้าปรากฎว่ามีอาวุธสีเขียวที่ตีแรงกว่าแถมตีบวกได้ง่ายกว่ามาขายในร้านแล้ว และมันไม่มีเหตุผลให้ไม่เปลี่ยนเลย เพราะอาวุธเกมนี้มันบวกแค่ค่าโจมตีเหมือนกัน เลยรู้สึกว่าพวกอาวุธที่ต้องตีขึ้นมามันหมดประโยชน์ได้ง่ายดายจริงๆ เลยนะ อยากได้ความลำบากใจในการเลือกอาวุธใช้มากกว่านี้
ปัญหาด้านเทคนิคจากเดโมก็ยังคงตามมาอยู่เช่นเฟรมเรตแกว่งไปมาไม่หยุด คือมันก็เล่นได้แต่พอไม่นิ่งแล้วก็ชวนให้หงุดหงิดจริงๆ รวมไปถึงมุมกล้องในบางครั้ง การต้องกดปุ่มอินเตอร์แอคในสถานการณ์ที่ไม่จำเป็น และการต่อสู้ในที่แคบซึ่งรู้เลยว่าเอนจิ้นหรือรูปแบบของเกมไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการนั้น รวมไปถึงเกมเพลย์ของเควสต์ย่อยหลายๆ เควสต์ที่เป็นการวิ่งหาของส่งของให้ครบจำนวนแบบเกมออนไลน์ ที่ดูจะสิ้นคิดไปหน่อย แม้จะมีเนื้อหาที่น่าสนใจก็ตาม
สรุป
ด้วยความขรุขระและรอยแผลของเกมที่โดดเด่นเกินจะมองข้ามไม่ต่างจากรูปรอยตีตราบนใบหน้าของ Clive ทำให้เกมนี้อาจจะก้าวไปไม่ถึงคำว่ามาสเตอร์พีช แต่ Final Fantasy16 ก็เป็นเกมที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าสนุกมากๆ แอคชั่นติดลม เนื้อเรื่องชวนติดหนึบ มีระยะเวลาเล่นที่พอดีใช้เวลาราวๆ 50 ชั่วโมงก็เก็บทุกเควสต์และไอเทมทุกอย่างในเกมได้ อาจจะรู้สึกนิดๆ ว่าคาแรคเตอร์ตัวเอกยังน่าจะโดดเด้งจนเป็นตำนานอย่างรุ่นพี่ไม่ได้เพราะความขาดไร้สีสันเนื่องจากเป็นเหล่าคนอมทุกข์มารวมตัวกัน รวมไปถึงตอนจบที่ขัดใจเป็นการส่วนตัวเล็กน้อย แต่ในภาพรวมแล้ว นี่คืออีกเกมฟอร์มยักษ์ช่วงกลางปีที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ และ Eikon Battle ก็สุดยอดเหลือเกินในแบบที่หาเกมมาทัดเทียบได้ยากจริงๆ สำหรับผมแล้ว Final Fantasy16 คือเกมที่สามารถยืดอกใช้ชื่อ Final Fantasy ได้สมศักดิ์ศรีอย่างแน่นอน
VERDICT
8.5/10
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station