เป็นเวลานานถึง 14 ปีที่ Blizzard ได้มอบหมายให้ NetEase เป็นผู้ดูแลเกมต่าง ๆ ของตนในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น World of Warcraft, Hearthstone, Overwatch, หรือ Diablo III แต่ความสัมพันธ์ดังกล่าวก็ได้สิ้นสุดลงไปเมื่อปลายปี 2022 ที่ผ่านมา ในตอนนั้นเราอาจจะยังไม่ทราบถึงเหตุผลที่แน่ชัด แต่ข้อมูลล่าสุดจากแหล่งข่าวของ The New York Times เผยว่า ที่ทั้งสองบริษัทไม่ต่อสัญญากันนั้นเป็นเพราะเหตุผลด้านการสื่อสารที่ผิดพลาด ซึ่งก่อตัวมาจากความเข้าใจผิด การให้ความเห็นไม่ลงรอย และอาจรวมไปถึงการข่มขู่ระหว่างกัน
รอยร้าวครั้งใหญ่ระหว่างทั้งสองบริษัทเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลจีนมีนโยบายที่ต้องการควบคุมการเข้าถึงสื่อบันเทิงของประชากรในประเทศมากขึ้น ซึ่งนั่นรวมถึงการพยายามจำกัดระยะเวลาในการเล่นเกมออนไลน์ของเยาวชนให้เหลือเพียงไม่เกินสามชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่งผลให้ NetEase พยายามที่จะขอเป็นผู้จัดการเกมของ Blizzard โดยสมบูรณ์ในประเทศจีน เพื่อให้ง่ายต่อการประสานงานกับภาครัฐ จากเดิมที่เป็นเหมือนเพียงแค่ผู้ดูแล
Blizzard ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว เพราะไม่ต้องการเปิดเผยรายได้และกำไรทั้งหมดให้กับ NetEase หรือรัฐบาลจีน พร้อมกับมองว่านี่เป็นความพยายามที่ได้คืบจะเอาศอก นอกจากนี้ บรรดาผู้บริหารของ Activision Blizzard ที่เป็นเหมือนกับบริษัทแม่ของ Blizzard ยังรู้สึกได้ว่า มีการข่มขู่โดยตรงถึงคุณ Bobby Kotick ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทว่า ถ้าไม่ยอมตามข้อเสนอ NetEase ก็มีอำนาจที่จะโน้มน้าวรัฐบาลจีนให้ขัดขวางการเข้าซื้อกิจการระหว่าง Microsoft และ Activision Blizzard ได้
แต่แหล่งข่าวที่ได้รับข้อมูลมาจากฝั่งจีนระบุว่า แท้จริงแล้ว NetEase ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ Blizzard เข้าใจว่าเป็นการข่มขู่ แต่ตนเพียงต้องการที่จะบอกว่า หากไม่ยอมให้พวกเขาเป็นผู้จัดการที่สามารถเข้าถึงข้อมูลตัวเลขในเกมต่าง ๆ ของ Blizzard ในตอนนี้ ยังไงถ้าดีลการซื้อกิจการสำเร็จ เดี๋ยว Microsoft ที่กลายมาเป็นเจ้าของใหม่ก็ต้องมาเจอปัญหาแบบเดียวกันอยู่ดี พร้อมกับมองว่า เป็นฝ่าย Blizzard เองด้วยซ้ำที่พยายามให้ร้าย NetEase ในสายตาชาวโลกมาตลอด
จนท้ายที่สุดแล้ว Activision Blizzard จึงยื่นข้อเสนอให้ NetEase ว่า ถ้าอยากได้เกมของ Blizzard ไปจัดการเองโดยเสร็จสรรพในประเทศจีน ก็ต้องจ่ายเปิดทางมาก่อนเลย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่ง NetEase มองว่าเป็นข้อเสนอที่ไร้เหตุผลสิ้นดี จนนำมาซึ่งการไม่ต่อสัญญากับ Blizzard ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทสามารถสร้างรายได้มากถึงราว 750 ล้านดอลลาร์ต่อปี และการแตกหักครั้งนี้อาจทำให้ Blizzard เสียยอดผู้เล่นในจีนไปได้มากถึง 3 ล้านคน จะเหลือก็แต่ Diablo Immortal ที่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างทั้งสองบริษัทเท่านั้น
ที่มา: The New York Times
ติดตามข่าวสารวงการเกมได้ที่เว็บไซต์ online-station.net
