รีวิวเกม Like a Dragon: Ishin! – ภาคสปินออฟ ธีมย้อนยุคที่น่าหามาลอง

Like a Dragon

สิ้นสุดการรอคอยกันเสียทีครับกับเกม Like a Dragon: Ishin! เกมเวอร์ชั่นรีเมคของ Ryu ga Gotoku Ishin! ที่เคยวางจำหน่ายไปตั้งแต่ปี 2014 หรือเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ซึ่ง ณ ตอนนั้นเกมดังกล่าวมีการทำเฉพาะเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมาขายเพียงภาษาเดียว กระทั่งปัจจุบันพอมีการรีเมคจึงได้ฤกษ์ทำทั้งภาษาอังกฤษและรีแบรนด์ตัวเองใหม่โดยใช้ชื่อในตลาดตะวันตกว่า Like a Dragon เสียเลย (จากเดิมที่ใช้ชื่อ Yakuza มาอย่างยาวนาน)

แน่นอนครับว่า 9 ปีที่ห่างหายไป และการรีเมคใหม่นี้จะสมกับการรอคอยของแฟน ๆ มากน้อยแค่ไหน เรามาชมกันในบทความรีวิวเกมกันดีกว่าครับ

Like a Dragon

ผู้พัฒนา: Ryu Ga Gotoku Studio
แนวเกม: แอ๊กชั่น/ผจญภัย
แพลตฟอร์ม: PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One, PC
วางจำหน่าย: 21 กุมภาพันธ์ 2023

Like a Dragon

โครงเรื่อง

เรื่องราวของเกมภาคสปินออฟตัวนี้จะโฟกัสไปที่ตัวละครที่ชื่อ ซาคาโมโตะ เรียวมะ ที่ต้องการแก้แค้นให้กับการตายของคนที่เปรียบเสมือนเป็นพ่อของตัวเอง ซึ่งเรียวมะต้องทำการสืบหาเบาะแสเพื่อค้นหาคนร้ายตัวจริงให้ได้ โดยชื่อของตัวละครต่าง ๆ ในเกมจะเป็นการนำชื่อจากบุคคลในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นจริง ๆ มาใช้อยู่หลายคนด้วยกัน แต่ยังคงใช้ใบหน้าของตัวละครจากภาคหลักมาใส่ พร้อมทั้งยุคสมัยในเกมภาคนี้จะถูกเซ็ตให้อยู่ในช่วงศตวรรษที่ 19 ต่างจากภาคหลักที่จะเป็นยุคสมัยปัจจุบันครับ

และด้วยความที่ Ishin! เป็นภาคสปินออฟที่ไม่ได้มีความต่อเนื่องใด ๆ กับเส้นเรื่องภาคหลัก รวมถึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับภาค Kenzan! ที่เคยลง PS3 เมื่อปี 2008 และยังไม่เคยถูกนำมาทำเป็นเวอร์ชั่นอังกฤษเช่นกัน ดังนั้นใครที่เป็นผู้หน้าใหม่สำหรับซีรีส์ Like a Dragon หรือ Yakuza ซึ่งไม่เคยแตะภาคหลักมาก่อน ก็ยังสามารถเพลิดเพลินและสนุกไปกับเรื่องราวในภาคนี้ได้อย่างไม่งง

Like a Dragon

เอกลักษณ์ที่เปรียบเสมือนเป็นลายเซ็นของเกมซีรีส์นี้ก็คือเนื้อเรื่องอันเข้มข้น ระบบการต่อสู้ที่ดุเดือด โหดถึงใจ ในภาค Ishin! นี้ก็ยังคงจัดเต็มให้ผู้เล่นเหมือนเคย แถมการลำดับเรื่องราว การดำเนินเรื่อง จังหวะจะโคนในการใส่จุดไคลแม็กซ์ หรือจุดสำคัญของเรื่องก็ยังมีชั้นเชิง ช่วยให้เนื้อหาของเกมดูน่าติดตามและเล่นได้ต่อเนื่อง อีกทั้งการเล่าเรื่องยังคอยกระตุ้นให้ผู้เล่นเกิดความรู้สึกอยากลุย อยากค้นหาต่อไปเรื่อย ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกันแน่

Like a Dragon

เกมเพลย์

ระบบการต่อสู้ของเรียวมะในเกมภาคนี้จะแบ่งออกออกเป็น 4 แขนง โดยแต่ละแบบจะมีท่วงท่าและรูปแบบคอมโบที่ไม่เหมือนกัน และยังพ่วงระบบอัปเกรดที่เข้าใจได้ง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ละสายจะแบ่งแยกชนิดกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นสายดาบ สายปืน สายมือเปล่า หรือแม้แต่สายร่ายรำที่เป็นลูกผสมระหว่างสายดาบกับปืน แต่จะไปเน้นที่ท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่ดูคล้ายการเต้นรำ เป็นต้น

แน่นอนครับว่าทุกแขนงที่กล่าวมาย่อมมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป สายมือเปล่าจะมีพลังโจมตีต่ำแต่มีความเร็วสูง สามารถหยิบฉวยวัตถุรอบตัวมาทุ่นแรงได้ ส่วนสายปืนก็จะเก่งตรงการโจมตีระยะไกล แต่ก็ต้องแลกกับการป้องกันที่อ่อนยวบ อย่างไรก็ตาม เกมก็ยังให้อิสระและปราณีแก่ผู้เล่นที่ต้องการหากินอยู่แค่สายเดียวไปจนจบเกมได้อยู่ แต่ถ้าใครอยากจะพลิกแพลง เล่นสลับสายไปมาตามสถานการณ์จะช่วยให้เกมสนุกขึ้นไม่น้อย

Like a Dragon

ขณะเดียวกัน ภาคนี้จะมีระบบที่เรียกว่า Trooper Card ที่เรียวมะสามารถเรียกหรือซัมม่อนคนที่อยู่บนการ์ดมาช่วยต่อสู้ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ บ้างก็จะเป็นการบัฟพลังโจมตี บ้างก็ทำให้เรียวมะใช้สกิลทำลายล้างได้ หรือบางการ์ดก็จะมาดีบัฟให้ศัตรูเกิดสถานะผิดปกติบางอย่าง ฯลฯ ซึ่งการ์ดเหล่านี้ผู้เล่นจะหามาครอบครองได้เพิ่มเติมผ่านการทำเควสต์ หรือไม่ก็พูดคุยกับ NPC หรือเล่นมินิเกมครับ ระบบดังกล่าวช่วยให้เกิดความหลากหลายและเพิ่มอรรถรสการต่อสู้ได้เยอะเลยทีเดียว

ทีนี้ ตัวเกมจะมีระบบการคราฟต์ไอเทมเช่นกัน และเวลาผู้เล่นได้รับของตอบแทนจากการปราบศัตรู ทำเควสต์ หรือเล่นมินิเกมก็จะมีพวกไอเทมที่ใช้ในการคราฟต์ปะปนอยู่ในจำนวนนั้นด้วย ยิ่งเราดำเนินเนื้อเรื่องไปถึงจุดหนึ่งก็จะมีลิสต์ไอเทมระดับสูงให้คราฟต์ ซึ่งตรงนี้เองที่ชวนให้รู้สึกว่าเป็นการบีบให้ผู้เล่นต้องฟาร์มแบบอ้อม ๆ และหมดเวลาชีวิตไปกับระบบนี้มาก

Like a Dragon

ใน Ishin! นั้นจะมีมินิเกมรวมถึงเควสต์เสริมให้ผู้เล่นได้เล่นได้ทำกันเพียบ และองค์ประกอบนี้คือปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้เล่นขลุกกับเกมได้นานหลายสิบชั่วโมง หากผู้เล่นรู้สึกอยากพักจากเนื้อเรื่องหลักก็ยังมีมุมมินิเกมและเควสต์ย่อยเป็นที่พักพิงได้ตลอดเวลา ซึ่งเควสต์ของภาคนี้จะมีความหลากหลาย ส่วนใหญ่จะมีเรื่องราวขำ ๆ เบาสมองเกิดขึ้นระหว่างทำเควสต์ เกือบทุกเควสต์ใช้เวลาทำไม่นาน และต่อให้ของรางวัลบางเควสต์อาจจะไม่คุ้ม แต่หากได้รู้เรื่องราวเบื้องลึกของเควสต์นั้น ๆ แล้วมีหุบยิ้มไม่ลงแน่นอน

นอกเหนือจากนั้นจะมีพวกมินิเกมคาราโอเกะ ไพ่นกกระจอก ที่ผ่านการดัดแปลงนิด ๆ หน่อย ๆ จากภาคหลักให้เข้ากับธีมย้อนยุค ตลอดจนมินิเกมที่ให้เรียวมะได้เป็นชาวไร่ชาวสวน เก็บเกี่ยวผลิตผล หรือทำชาเลนจ์ทดสอบฝีมือ รวมถึงลานประลอง ทุกอย่างที่กล่าวมาล้วนมีของตอบแทนให้เรียวมะได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ และไอเทมอันล้ำค่าครับ

Like a Dragon

การแสดงผล

ทีมงานได้ทดสอบเกมนี้บนแพลตฟอร์ม PS5 ซึ่งต้องบอกเลยว่าเฟรมเรตนั้นลื่นระดับ 60 FPS นิ่งไม่มีหลุด แถมเท็กซ์เจอร์และแสงเงาก็อยู่ในเกณฑ์ดี โดยภาคนี้รีเมคด้วยการใช้ Unreal Engine 4 ถึงกระนั้นเกมจะมีปัญหาอยู่บ้างในเรื่องของมุมกล้องตอนที่เราอยู่ในที่แคบ หรืออาคารที่มีเพดานต่ำ ที่ค่อนข้างกวนใจพอสมควรและสุ่มเสี่ยงให้เราตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบศัตรูได้แบบไม่น่าจะเป็น

แม้เกมจะเป็นธีมย้อนยุคก็จริง แต่บทสนทนาเกมนี้กลับมีการใส่ลูกเล่นและกลวิธีการเล่าให้ดูทันสมัยได้อย่างไม่เคอะเขิน ลำพังการเล่นเกมนี้ สัมผัสบรรยากาศของญี่ปุ่นยุคโบราณ ดื่มด่ำกับระบบต่อสู้ที่ดุดัน เคล้าสาว ๆ ในมินิเกม คงไม่มีอะไรจะเพลินไปกว่านี้อีกแล้ว ขอแนะนำแบบไม่อ้อมค้อมเลยว่าไม่ต้องรอลดราคาก็ยังคุ้มครับสำหรับเกมนี้

Like a Dragon

คะแนน 9

ชมเทรลเลอร์ตัวอย่างของเกมได้ที่คลิปด้านล่าง


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ https://www.online-station.net

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้