รีวิวเกม Rockman Battle & Fighters – เวอร์ชั่น 8 บิต สู่ขิตเพราะคุณภาพการพอร์ต

เกม Rockman Battle & Fighters ที่ลงให้กับเครื่อง Nintendo Switch เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานั้นเป็นเกมที่รวมสองภาคบนตู้อาเขตไว้ในแพ็คเกจเดียว ได้แก่ภาค The Power Battle และภาค The Power Fighters แต่ตัวนี้จะเป็นเวอร์ชั่นที่ใช้กราฟิกแบบยุค 8 บิต ซึ่งเป็นตัวที่พอร์ตมาจากแพลตฟอร์ม Neo Geo Pocket Color เมื่อปี 2000 เรียกว่าขายความเรโทรและบรรยากาศของเครื่องเกมแฮนด์เฮลด์ในยุคนั้น ต่างจากตัวที่บรรจุอยู่ในเกม Capcom Arcade 2nd Stadium ที่จะเป็นการพอร์ตมาจากเวอร์ชั่นตู้อาเขตที่ภาพสวยกว่าครับ

แพลตฟอร์ม: Nintendo Switch
ผู้พัฒนา: Capcom
แนวเกม: ไฟท์ติ้ง (ต่อสู้)
วางจำหน่าย: 3 สิงหาคม 2022

ภาคนี้เป็นเกมร็อคแมนที่ทำออกมาต่างจากแนวแอ๊กชั่นลุยด่านตามปกติ แต่จะเปลี่ยนเป็นแนวเกมต่อสู้แทน โดยเมื่อผู้เล่นทำการเลือกฉากแล้วจะเข้าสู้แบบตัวต่อตัวกับบอสทันที ไม่มีด่านให้วิ่งตะลุยดงศัตรูแต่ประการใด ขณะที่การเล่นก็จะใช้แค่การกระโดดกับยิงเพียงสองปุ่มเท่านั้น พ่วงด้วยการแดชและกระโดดชิ่งกำแพงเป็นฟีเจอร์เสริมสำหรับบางตัวละคร

ในส่วนของหลักการเล่นก็ยังคงยึดโครงสร้างจากร็อคแมนที่เป็นแนวแอ๊กชั่นทุกภาคคือโจมตีบอสจนพลังชีวิตหมดก็จะชนะและได้อาวุธของบอสตัวนั้นมา ซึ่งถ้าผู้เล่นมีเสียพลังชีวิตระหว่างสู้ เมื่อชนะบอสแต่ละครั้งก็จะมีการฟื้นพลังชีวิตคืนมาให้เล็กน้อย กระทั่งพอเราปราบบอสได้ครบ 6 ตัวจึงจะได้สู้กับด็อกเตอร์ไวลี่ในท้ายที่สุด จะเห็นได้ว่าแพทเทิร์นของเกมค่อนข้างเรียบง่ายและไม่มีความซับซ้อนเลย

ทางด้านเนื้อเรื่องของภาค The Power Battle จะมาเป็นพล็อตสูตรสำเร็จแบบเดิมที่ด็อกเตอร์ไวลี่วนเวียนกลับมาสร้างความเดือดร้อนอีกครั้ง แต่ในภาคแนวไฟท์ติ้งนี้จะมีการบิดเล็กน้อย ด้วยการนำหุ่นที่เคยถูกร็อคแมนทำลายไปแล้วในภาคหลักมาคืนชีพใหม่ แล้วปล่อยพวกมันมาก่อความวุ่นวายซ้ำ เดือดร้อนถึง ร็อคแมน (Rockman) และ บลูส์ (Blues) ต้องออกมาหยุดยั้งพวกมั้น ในขณะที่ ฟอร์เต้ (Forte) จะมีจุดประสงค์ที่ต่างไป เพราะเจ้าตัวต้องการทำลายหุ่นที่มีพลังด้อยกว่าตนเองเพื่อแสดงให้ไวลี่เห็นว่ามีเขา (ฟอร์เต้) เพียงตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว

ขณะเดียวกัน เนื้อหาของภาคสอง (The Power Fighters) จะเล่าถึงห้องทดลองของด็อกเตอร์ไลท์โดนหุ่นของด็อกเตอร์ไวลี่บุกโจมตี ทำให้แหล่งพลังงานปริศนาและชิ้นส่วนหุ่นรุ่นใหม่ถูกช่วงชิงไป มิหนำซ้ำโรลก็ยังถูกลักพาตัวไปด้วย ในระหว่างนั้นเอง ดูโอ้ (Duo) หุ่นลึกลับจากนอกโลกก็ได้เสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือพวกร็อคแมน หากเทียบกันแล้วเนื้อเรื่องของภาค The Power Fighters จะมีประเด็นน่าสนใจมากกว่าภาคแรก และฉากจบก็ยังเล่าเนื้อเรื่องโยงถึงซีรีส์ Rockman X ด้วย

ด้วยความที่เมื่อ 22 ปีที่แล้ว เกมนี้เคยวางจำหน่ายเฉพาะเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่เคยถูกทำเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษมาก่อน พอมาพอร์ตลง Switch ทาง Capcom ก็เล่นทำการพอร์ตมาแบบตรง ๆ ทื่อ ๆ เลย ดังนั้นผู้เล่นจะไม่สามารถเปลี่ยนภาษาได้ครับ หรือแม้แต่ในหน้าของคู่มือการเล่นที่ระบุเป็นภาษาอังกฤษก็ยังแสดงภาพสกรีนช็อตให้เราดูเลยว่าภาษาในเกมเป็นญี่ปุ่นล้วน อย่างไรก็ตาม ตัวเกมนั้นไม่ได้มีคำสั่งอะไรซับซ้อนและในคู่มือก็มีคำแปลเทียบให้ จึงทำให้ไม่มีปัญหาในการเล่น ทว่าอุปสรรคใหญ่ที่เหลือคือพวกบทสนทนาของตัวละครดันเป็นญี่ปุ่นทั้งหมดเลย ถ้าผู้เล่นไม่มีทักษะภาษาญี่ปุ่นติดตัวก็ไม่รู้เนื้อเรื่องอยู่ดี ระหว่างที่ทีมงานเล่นดูก็คิดอยู่ตลอดนะครับว่าเกมพอร์ตมาขายในยุคนี้แล้ว คุณพี่ (Capcom) ก็น่าจะลงทุนแปลภาษาให้ผู้เล่นเต็มเกมสักหน่อยเถอะ

ระบบเกมเพลย์หลักของทั้งสองภาคแทบจะเหมือนกัน ต่างกันที่ภาคแรกจะมีตัวละคร 3 ตัวให้เลือกคือ ร็อคแมน, บลูส์ และ ฟอร์เต้ ส่วนภาคสองจะเพิ่ม ดูโอ้ มาให้เลือกเพิ่มอีกตัว ทางด้านการบังคับนั้น ภาคแรกจะมีการกระโดดเตี้ยและกระโดดสูง (กดดันขึ้นค้างไว้แล้วค่อยกดปุ่มกระโดด) ส่วนภาคสองจะมีการกระโดดระดับเดียวแต่จะเพิ่มท่าโจมตีพิเศษเข้ามาแทน วิธีใช้คือกดชาร์จยิงค้างไว้แล้วกดดันขึ้น จากนั้นค่อยปล่อยปุ่มชาร์จ ตัวละครจะทำท่าโจมตีพิเศษเฉพาะตัวที่รุนแรงกว่าชาร์จบัสเตอร์ เช่น ร็อคแมนจะใช้เป็นท่าโชริวเคน เป็นต้น

ตามหลักของซีรีส์ร็อคแมนแล้ว บรรดาบอสมักจะแพ้ทางอาวุธที่เราหามาได้จากการปราบบอสตัวอื่น โดยในภาคนี้เมื่อใช้อาวุธที่บอสแพ้ทางเป็นครั้งแรก จะเกิดเอฟเฟ็กต์ระเบิดขึ้นที่เป้าหมาย ซึ่งบอสจะได้รับความเสียหายมากกว่าอาวุธอื่น ทำให้ผู้เล่นเอาชนะง่ายได้ขึ้นมาก ดังนั้นผู้เล่นรู้ว่าบอสแพ้ทางกันยังไงก็สามารถวางแผนเลือกลำดับการกำจัดบอสได้ง่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กรณีของภาคแรกจะลำบากหน่อยเพราะการเลือกบอสสู้แต่ละครั้งจะเป็นการสุ่ม จึงมีเรื่องของดวงเข้ามาเอี่ยว ทว่าภาคสองผู้เล่นจะกดเลือกได้อิสระเลยว่าจะสู้กับบอสตัวไหนก่อน

ทีนี้ ข้อเสียใหญ่หลวงของภาคเวอร์ชั่น 8 บิตนี้ก็คือการเลือกอาวุธครับ เนื่องจากผู้เล่นจะต้องกด Pause เพื่อหยุดเกมก่อนแล้วค่อยเลือกอาวุธที่ต้องการใช้ ซึ่งต่างจากของเวอร์ชั่นตู้อาเขตที่แค่กดปุ่มเดียวก็สามารถเปลี่ยนอาวุธได้ทันที
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจุดที่น่ารำคาญอีกอย่างคือ ถ้ากระสุนของเรายังปรากฏอยู่บนจอจะไม่สามารถกด Pause แล้วเปลี่ยนอาวุธได้ ผู้เล่นจะต้องรอให้บนจอไม่มีกระสุนของเราก่อนแล้วจึงกด Pause เพื่อเปลี่ยนอาวุธได้ ด้วยเหตุนี้ถ้าเราไปใช้อาวุธประเภทที่เคลื่อนที่ช้า ๆ ลอยค้างนาน ๆ (เช่น Bubble Lead ที่ได้จากการปราบ Bubble Man) หรือพวกกางบาเรียรอบตัว (เช่น Plant Barrier ที่ได้จากการปราบ Plant Man) จะยิ่งเป็นปัญหา

สรุปแล้ว Rockman Battle & Fighters อาจเป็นเหมือนเกมเฉพาะสำหรับแฟน ๆ ที่ไม่มีโอกาสสัมผัสเครื่อง Neo Geo Pocket Color ได้ลองเล่นกันดู แม้ว่าเวอร์ชั่นตู้อาเขตจะมีความสวยงามกว่า แต่เวอร์ชั่น 8 บิตของ Neo Geo Pocket Color ก็ขายความคลาสสิกและเข้าถึงได้ง่าย ถ้าพูดในอีกแง่ เกมก็มีความสนุกเฉพาะตัวอยู่ มีหลายสิ่งให้เรียนรู้ฝึกฝน อีกทั้งการค้นหาจุดอ่อนของศัตรูก็ยังเป็นเรื่องที่สนุก น่าเสียดายที่การแปลภาษาอังกฤษถูกละเลยไปทำให้เกมมีแต่ภาษาญี่ปุ่นและเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนที่อยากอ่านเนื้อเรื่อง ยังดีที่ราคาเกมไม่แรงมาก เพียงแค่ 5.69 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 141 บาทเท่านั้น

จุดเด่น

  • วิธีการเล่นมาแนวพื้นฐาน แต่อาศัยความชำนาญเพื่อเอาชนะบอสให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ราคาค่อนข้างถูก ถ้าเล่นเอาขำ ๆ หรือรื้อฟื้นความหลังก็ถือว่าไม่เลวร้ายนัก

จุดด้อย

  • ระบบการเปลี่ยนอาวุธทำได้ไม่สะดวก วิธีดูโบราณเกินไป
  • เมนูและบทสนทนามีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ใครไม่มีทักษะภาษาญี่ปุ่นจะอดรู้เนื้อเรื่องเลย
  • พอร์ตมาแบบทื่อ ๆ ไปหน่อย แสดงให้เห็นถึงความมักง่ายเกินไป

คะแนน 5 / 10


ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้