เปิดมาให้เล่นกันสักพักแล้วสำหรับ Elden Ring ที่กลายเป็นหนึ่งในแนวเกม Souls-like ชื่อดังในขณะนี้ ซึ่งตัวเกมนั้นก็เป็นการต่อยอดพัฒนามาจากซีรีส์ Dark Souls อย่างเห็นได้ชัด จนหลายคนมองว่ามันจะเป็นภาค 4 ก็ไม่ผิดเท่าไหร่ แต่กระนั้นในรายละเอียดจริงๆ ตัวเกมก็มีสิ่งที่แตกต่างกันหลายอย่างมากเช่นกัน เรามาดูกันดีกว่าว่าความแตกต่างระหว่างสองเกมนั้นมีอะไรบ้าง
การเดินทางที่เรากำหนดเอง
ด้วยความเป็น Open world แบบเต็มตัวของเกมตัวใหม่ ทำให้ทางเลือกในการเล่นของแต่ละคนแตกต่างกันและมีประสบการณ์ในแบบของตัวเอง สิ่งนี้เป็นตัวช่วยเสริมอรรถรสในการเล่นเป็นอย่างดี แตกต่างจาก Dark Souls ที่แม้จะมีทางเลือกอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการเดินเส้นตรงต้องผ่านบอสตัวนี้ถึงจะไปบอสตรงนี้แบบนี้เสียมากกว่า
การตายชวนหัวเสียน้อยกว่าภาคก่อนๆ
หากใครที่อ่านข่าวเกี่ยวกับตัวเกมอาจจะได้เห็นที่ผู้สร้าง คุณ Miyazaki เผย เขาพยายามทำให้ความตายเป็นเรื่องสนุกใน Elden Ring ซึ่งหากใครที่เพิ่งได้จับเกมนี้เป็นครั้งแรกอาจจะไม่ค่อยรู้สึกแบบนั้นเท่าไหร่ กลับกันผู้เล่นซีรีส์ Souls เก่าๆ มาก่อน จะสังเกตเห็นได้เลยว่า ตัวเกมใหม่ไม่ค่อยมีกับดักในลักษณะที่ชวนหัวเสียมากนัก
ในซีรีส์ Souls ภาคก่อนๆ จะมีการตายที่ชวนหัวเสียเยอะมาก ในแง่ที่ว่าไม่รู้จุดนี้มากก่อน เป็นกับดักแบบเดินอยู่ดีๆ โดนผลักตกเหวตาย ซึ่งมีค่อนข้างมากภายในเกม แต่ใน Elden Ring นั้น แม้จะมีกับดักในลักษณะนี้เช่นกัน แต่ก็มีน้อยมากๆ จนสังเกตได้ อีกทั้งการตายหน้าบอสส่วนใหญ่ก็มักจะมี Checkpoint ใกล้ๆ ต่างจากภาคก่อนๆ ที่บางทีก็ต้องวิ่งฝ่าฝูงศัตรูเพื่อเข้าไปลุยไปบอสอีกครั้ง (อาจจะพลาดตายก่อนจนเสีย Souls ในห้องบอสทั้งหมดก็มีอยู่บ่อยๆ)
เถ้าสงคราม (Ash of War) ที่ช่วยเปลี่ยนแนวทางการเล่น
หนึ่งในสิ่งที่เห็นได้ชัดจากการที่ทางค่ายได้ไปทำเกม Sekiro มานั่นก็คือ Ash of War ที่สามารถทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนสกิลของอาวุธให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งแม้ในซีรีส์ Souls เก่าๆ จะมีสกิลเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถถอดออกหรือปรับเปลี่ยนได้
การผสมผสานท่าทางของอาวุธก็ช่วยเปลี่ยน Stat ของอาวุธด้วย ซึ่งใน Dark Souls 3 การจะปรับ Stat อาวุธในแต่ละทีก็ต้องไปตีบวกที่ช่างตีเหล็กและต้องใช้แร่อีกด้วย แต่ในตัวเกมใหม่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระทำให้เราสามารถทดลองอะไรใหม่ๆ ได้เสมอ
ระบบการต่อสู้ที่มีดีมากกว่า Spam ตีเบา
สำหรับผู้เล่นซีรีส์ Souls มาก่อน ในการเล่นพื้นฐานส่วนใหญ่ก็คงไม่พ้นการใช้ท่าตีเบาเป็นหลัก เพราะมันใช้ง่ายและให้ผลตอบรับที่ดีที่สุดในเกือบทุกการต่อสู้ แต่ทว่าในตัวเกมใหม่นี้มีการปรับเปลี่ยนเรื่องของค่า Poise ศัตรู ที่หากเราใช้การโจมตีหนัก จะทำให้ศัตรูล้มและตามด้วย Critical Hit ได้ อีกทั้งการกระโดดที่สามารถใช้หลบท่าบางท่าและตามด้วยการตีหนักกลางอากาศ รวมไปถึง Guard Counter ก็ถือได้ว่าเป็นรูปแบบการเล่นก้าวใหม่จากแนว Souls ที่ได้ผลมาจากตัวเกม Sekiro เยอะมาก
ระบบการ Invade ที่ไม่ชวนหัวร้อน
ใน Elden Ring นั้น การที่เราจะโดนผู้เล่น Invade จะเป็นตอนที่เราเล่นแบบ Co-op ชวนคนอื่นเข้ามาในห้องเท่านั้น ทำให้การเล่นแบบคนเดียวจะไม่มีทางโดนผู้เล่นอื่นบุกเข้ามาได้เลย (มีเพียงแต่ NPC ตามเนื้อเรื่องเพียงอย่างเดียว) ซึ่งถือเป็นจุดที่ออกแบบมาได้ดีมาก ต่างจากแต่ก่อนที่เล่นคนเดียวก็อาจจะโดน Invade เข้ามารุมหลายคนได้
แผนที่และการ Mark ตำแหน่ง
การมีแผนที่ เป็นอะไรที่ไม่มีมาก่อนในซีรีส์ Souls (มีใน Sekiro นิดหน่อย) ซึ่งด้วยความเป็น Open World ก็ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และกระนั้นมันก็มาด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่นการ Mark ตำแหน่ง การวาง Beacon ให้เห็นในแผนที่ ซึ่งทำให้การเดินทางทำได้ง่ายขึ้น และเรายังสามารถวาร์ปไป Grace จากแผนที่ได้ทันทีอีกด้วย หากอยู่ในโซน Open World ต่างจากแต่ก่อนที่จะวาร์ปได้ก็ต่อเมื่อนั่ง bonfire เท่านั้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นรูปแบบการเล่นที่มีความแตกต่างจากซีรีส์ Souls สมัยก่อน ซึ่งนอกเหนือจากนี้ก็มีบางเรื่องที่อาจจะไม่ได้พูดถึงเช่น การขี่ม้า (เพราะเห็นได้ชัดอยู่แล้ว) ว่าแต่เพื่อนๆ มีอะไรที่พอเล่นเกมนี้แล้วรู้สึกแตกต่างจากเกมซีรีส์ Souls เก่าๆ ก็มาแชร์ความเห็นกันได้นะครับ