หนึ่งในซีรีส์เกมสุดยากจนก่อกำเนิดประเภทเกมใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือเกมตระกูล Souls ที่ทำให้เกมเมอร์ทั่วโลกต้องร้องระงมกันมานักต่อนัก ซึ่งหลังจากที่ตัวเกม IP ใหม่อย่าง Elden Ring เปิดตัวออกมาก็มีกระแสทั้งสองด้าน ทั้งที่ชอบเพราะจะได้กลับมาสู่สไตล์ Dark Souls อีกครั้ง กลับกันบางคนก็มองว่าทำไมเป็น IP ใหม่ แต่ดันดูไม่แตกต่างเหมือนกับ Sekiro หรือ Bloodborne ไปเลยเป็นต้น ซึ่งวันนี้ตัวผมได้มีโอกาสเข้าไปทดสอบช่วง Network Test รอบสื่อมา และจะมาพูดความรู้สึกและความประทับใจที่ได้เล่นกันนะครับ
หากใครที่ได้ดูตัวอย่างเกมเพลย์เมื่อช่วงต้นเดือนแล้วรู้สึกว่า นี่มัน Dark Souls 3 ชัดๆ ก็ต้องบอกว่า “คุณเข้าใจได้ถูกแล้ว” เพราะหลายอย่างแทบจะถอดแบบจากตัวเกมเก่ามาทั้งหมด แต่ฟังแบบนี้ก็อย่าเพิ่งเสียใจไป เพราะในความเก่าของมันก็มีระบบใหม่ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาจนเกือบจะสลัดคราบความเป็น Dark Souls เลยเช่นกัน ดังนี้
ขนาดแผนที่สุดกว้างและทางเลือกที่หลากหลาย
ตั้งแต่เปิดเกมเข้ามาสิ่งที่สร้างความตื่นตามากที่สุดก็คือแผนที่กว้างสุดลูกหูลูกตาที่เราสามารถเดินไปได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีมาก่อนใน Dark Souls แถมเรายังสามารถสำรวจพื้นที่ได้แบบอิสระตามใจต้องการอีกด้วย แต่แม้ตัวฉากจะเปิดโอกาสให้เราสามารถเข้าไปสำรวจตรงไหนก่อนก็ได้ ตัวเกมก็จะมีเนื้อเรื่องหลักซึ่งจะบ่งบอกโดยลำแสงจากพรที่จะนำทางให้เรารู้ว่าเส้นทางไหนจะเป็นการดำเนินเนื้อเรื่องต่อ
แสงจากพรที่จะชี้เส้นทางให้เรารู้ว่าควรไปที่ไหน
ภายในฉากอันกว้างขวางนี้ก็มีความลับต่างๆ ซ่อนอยู่มากมาย เช่นเหล่าพ่อค้าที่แต่ละตัวก็จะมีของขายที่แตกต่างกันไป สัตว์ต่างๆ ให้เราล่าเพื่อเก็บหาของ รวมไปถึงโซนดันเจี้ยนและพื้นที่ตั้งแคมป์ของศัตรู ซึ่งจะมีไอเท็มต่างๆ มากมาย ทั้งนี้ก็จะมีบอสภายในโซนรวมไปถึงศัตรูต่างๆ ที่พร้อมจะฆ่าเราเหมือนการเล่นเกมตระกูล Souls แบบที่ควรจะเป็นเช่นเคย
เหล่า NPC ที่อาจจะพบเจอได้ในดันเจี้ยนลับต่างๆ
นอกจากนี้ตัวเกมยังมีเรื่องของเวลาและสภาพอากาศที่เกิดแบบสุ่มอีกด้วย อีกทั้งตัวเกมยังเพิ่มความสะดวกทำให้เราสามารถวาร์ปไปยังจุดพรต่างๆ จากตรงไหนก็ได้ หากเราเคยเปิดจุดนั้นไว้แล้ว ยกเว้นภายในดันเจี้ยนเท่านั้นที่เราไม่สามารถใช้การวาร์ปออกมาได้นี่เอง
ระบบใหม่ที่เพิ่มความแตกต่าง
หากคุณเคยเล่นซีรีส์ Dark Souls มาสักภาค การเข้ามาในเกมนี้จะเป็นเหมือนการกลับมายังโลกใบเก่าที่หลายคนคุ้นเคยกันดี แต่ถึงอย่างนั้นก็มีระบบใหม่ต่างๆ มากมาย ดังนี้
ระบบการขี่ม้า (ภูตอาชา)
จุดเด่นใหญ่ที่เราได้เห็นตั้งแต่ใน Trailer กับการขี่ม้าซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องใหม่อย่างมากในเกมตระกูลนี้ และมันก็มีผลอย่างมากในการเดินทางบนพื้นที่อันกว้างใหญ่มากยิ่งขึ้น โดยม้านั้นเราจะปลดได้หลังจากเล่นตามเนื้อเรื่องไปสักพัก โดยเราสามารถเรียกมันได้ตลอดเวลาเมื่ออยู่ในพื้นที่เปิด ยกเว้นตามดันเจี้ยนหรือโซนเนื้อเรื่องต่างๆ ที่เราจะไม่สามารถเรียกม้าออกมาได้ นอกจากนี้ภายในฉากยังมีแท่นลมซึ่งเราสามารถใช้ม้ากระโดดไปตามจุดสูงต่างๆ ได้อีกด้วย
นอกจากในแง่การเดินทางแล้ว การขี่ม้ายังทำให้ผู้เล่นผ่านข้อจำกัดของน้ำหนักตัวละครด้วย หากเราใส่เกราะหนักเกินไปจนกลิ้งไม่ได้ แต่การขี่ม้าจะสามารถขี่ได้ปกติไม่มีเรื่องน้ำหนักมากกวนใจ ส่วนสำคัญอีกอย่างก็คือระบบการต่อสู้บนหลังม้า ที่ช่วยทำให้เราสามารถต่อกรกับศัตรูในโซนพื้นที่เปิดได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องระวังไว้ด้วยเช่นกัน เพราะม้าจะมีพลังชีวิตที่แยกกับตัวเรา และมันก็ไม่ได้ถึกทนมากนัก หากเราตกม้าจะทำให้สามารถโดนท่าโจมตีหนักได้ด้วยซึ่งส่งผลให้ถึงตายได้เช่นกัน
ระบบกระโดด
หากไม่นับ Sekiro ตัวเกมนี้ก็เป็นภาคแรกที่เราสามารถกระโดดได้อย่างอิสระ ซึ่งจุดนี้ก็ช่วยเพิ่มลูกเล่นการออกแบบด่านที่มากกว่าเดิม มีจุดที่เราสามารถกระโดดขึ้นไปสำรวจหรือทางลับต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้มันยังมีการเพิ่มคอมโบกับท่าต่อสู้เข้ามาอีกด้วย และในศัตรูบางประเภทการกระโดดฟันอาจจะได้ผลดีกว่าการฟันปกติอีกด้วย
นอกจากนี้ความสูงที่เราตกลงมาได้ยังค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับซีรีส์ Dark Souls แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องระวัง หากสูงเกินไปก็สามารถตายได้เช่นกัน รวมไปถึงการอยู่บนม้าก็สามารถตายได้ด้วยหากตกจากที่สูง ยกเว้นใช้แท่นลมกระโดดซึ่งจะไม่ได้รับความเสียหายจากที่สูงในครั้งนั้น
การอัพเกรดอาวุธ (เถ้าสงคราม)
การอัพเกรดอาวุธใน Dark Souls นั้นจะมีในส่วนของการตีบวกให้ค่าพลังดีขึ้น แต่นอกเหนือจากนั้นก็จะมีการเพิ่มธาตุหรือปรับความสามารถของมันได้อีกด้วย ซึ่งตรงจุดนี้ก็คล้ายกันใน Elden Ring เพียงแต่ว่าในเกมใหม่นี้จะมีความพิเศษตรงที่ การเพิ่มธาตุนั้นเราสามารถปรับเปลี่ยนได้อิสระ อีกทั้งมันยังเปลี่ยนท่าพิเศษของอาวุธชิ้นนั้นๆ อีกด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายในการเล่นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
การคราฟไอเท็ม
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือระบบการคราฟไอเท็ม ซึ่งเราสามารถคราฟได้ทุกที่ขอเพื่อแค่มีสูตรการคราฟไว้กับตัว นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมตัวเกมถึงมีสัตว์ให้เราล่าระหว่างทาง และของป่าต่างๆ ให้เก็บมากมาย เพราะสิ่งเหล่านั้นสามารถนำมาคราฟเป็นไอเท็มได้นี่เอง
การเล่นแบบลอบเร้น
การเล่นแบบลอบเร้นหรือ Stealth แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่มากนักเพราะสามารถทำได้อยู่แล้วในซีรีส์ Dark Souls แต่จะมาเด่นขึ้นจากเกม Sekiro ซึ่งตัวเกม Elden Ring ก็มีการนำรูปแบบการเล่นนี้มาผสมผสาน ด้วยการทำให้ตัวละครของเราสามารถย่อตัวได้ ส่งผลให้ศัตรูมองเห็นเราได้ยากขึ้น และเปิดโอกาสให้เราจัดการศัตรูแบบเงียบๆ ทีละตัวได้เช่นกัน
ความยากที่ยังคงความเป็นเกมตระกูล Souls
แม้หลายอย่างจะดูอำนวยความสะดวกมากขึ้น แต่ขึ้นชื่อว่าเกมตระกูล Souls ก็ต้องบอกเลยว่าบอสในเกมนี้ยังคงความโหดไว้เช่นเคย แม้จะมีม้ามาช่วยในบางบอส แต่ก็ใช่ว่าจะเล่นง่ายกว่าเดิมสักเท่าไหร่นัก เพราะหากพลาดท่าตกหลังม้าขึ้นมา เราก็สามารถตายได้ทันทีเช่นกัน ใครที่ยังชอบความท้าทายบอกเลยว่าเกมนี้ยังคงความโหดไว้คงเดิมแน่นอน
บอสในเกมนั้นจะมีทั้งบอสที่อยู่ในดันเจี้ยน บอสใหญ่ตามพื้นที่ต่างๆ และบอสตามเนื้อเรื่อง ซึ่งความยากจะเรียงไปตามลำดับ โดยในช่วงที่ได้ทดสอบมาบอสในดันเจี้ยนนั้นจะไม่ค่อยตึงมือเท่าไหร่นัก ส่วนมากก็สามารถรอบเดียวผ่านได้ถ้าเตรียมตัวมาดีพอ แต่ทางด้านของบอสตามพื้นที่ และบอสเนื้อเรื่องนั้น ต้องบอกเลยว่าเอาเรื่องมากเลยทีเดียว
ความเป็นเอกลักษณ์แบบ Dark Souls
แม้จะเป็นเกมในชื่อใหม่ แต่เอกลักษณ์ความเป็น Dark Souls ก็ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอัพเลเวลรวมไปถึงลักษณะการใช้อาวุธที่สามารถผสมผสานระหว่างมือสองข้างได้ เรียกได้ว่าใครที่เคยเล่น Dark Souls มาก่อนก็จะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งนี่คือข้อดีของตัวเกมที่ทำให้เราสามารถเลือกแนวทางการเล่นได้หลากหลาย คุณสามารถเป็นจอมเวทย์เพรียวๆ นักดาบไม่สนเวทย์ หรือจะมีการผสมผสานระหว่างสองสายเหล่านี้ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น และในแง่นี้ Elden Ring ก็นำเสนอมันออกมาได้ดีมากขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ก็ยังมีระบบออนไลน์กลับมาอีกครั้ง ซึ่งเราสามารถไป Invade คนอื่นหรือโดนบุกมาได้ด้วยเช่นกัน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างสีสันให้กับตัวเกมซีรีส์นี้ (หรือช่วยเพิ่มความหัวร้อนกันแน่นะ ฮา)
ตัวเกมมีภาษาไทย
เกมจาก FromSoftware นั้น เริ่มมีภาษาไทยมาให้เห็นตั้งแต่ Sekiro ซึ่งอ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ ก็คงเห็นแล้วว่าในเกม Elden Ring ก็มีภาษาไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมากโดยเฉพาะใครที่สนใจเนื้อเรื่องของเกม เพราะด้วยคำศัพท์แบบโบราณที่แม้คนชำนาญภาษาอังกฤษก็อาจจะพลาดได้ แต่การแปลเป็นภาษาไทยก็ทำให้เราเข้าใจในส่วนนี้ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการแปลของเกมนี้ก็ทำได้สละสลวยมากเลยทีเดียว
ผู้เขียนใช้เวลามากกว่า 8 ชม. เพื่อสำรวจตัวเกมเวอร์ชั่น Test นี้เกือบทั้งหมด ได้ปะทะบอสถึง 6 ตัว และยังไม่แน่ใจว่าหาเจอหมดทุกตัวหรือไม่ เพราะแผนที่นั้นใหญ่มากจริงๆ และก็เป็นบางส่วนของเกมเท่านั้น แต่แค่นี้ก็ต้องยอมรับเลยว่า ตัวเกมมีสิ่งต่างๆ ให้ค้นหามากมาย ถ้าจะพูดว่าเป็น Dark Souls เวอร์ชั่นพัฒนาก็ไม่ผิดสักเท่าไหร่นัก
แม้บางคนอาจจะมองว่าการใช้ชื่อใหม่ก็น่าจะทำอะไรใหม่ๆ ไปเลย ซึ่งตัวผู้เขียนก็มีความคิดเช่นนั้นในตอนแรก แต่หลังจากได้เทสก็ได้รู้ว่า ผู้สร้างได้ตั้งใจนำสิ่งที่ดีอยู่แล้วมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม Quality of life ที่มากขึ้นทำให้เกมเล่นได้ลื่นไหล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเกมจะลดทนจุดเด่นของตัวมันเลยแม้แต่น้อย ใครที่เป็นแฟนเกมซีรีส์นี้บอกเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน