รีวิวเกม Marvel’s Guardians of the Galaxy – อีกหนึ่งเกม Marvel ที่ยืนได้ด้วยตัวเอง

คงจะเป็นเรื่องยากถ้าเราจะบอกให้คุณสลัดภาพจำของ Guardians of the Galaxy เวอร์ชั่นภาพยนตร์โดยผู้กำกับ James Gunn ออกไปก่อน เพราะเกมจาก Eidos Montreal เกมนี้ก็มีกลิ่นอายจาก MCU ที่ไม่อาจปฏิเสธได้อยู่พอสมควร อย่างเสียงหัวเราะของ Drax ที่ชวนให้คิดถึงการแสดงของ Dave Bautista หรือลักษณะการพูดของ Rocket Raccoon ที่มีน้ำเสียงคล้ายกับการพากย์ของ Bradley Cooper รวมไปถึงเพลงประกอบจากยุค 80 แต่ถึงกระนั้น การออกแบบภาพลักษณ์ บทของแต่ละตัวละคร รวมไปถึงองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างก็ทำให้ Guardians of the Galaxy ฉบับเกมนี้มีพื้นที่ยืนเป็นของตัวเองได้ต่างจาก Marvel’s Avengers ของค่ายผู้จัดจำหน่ายเดียวกับอย่างเห็นได้ชัด

แนวเกม: แอ็กชั่น / ผจญภัย
ผู้พัฒนา: Eidos-Montreal
ผู้จัดจำหน่าย: Square Enix
แพลตฟอร์ม: PS5, PS4, Xbox Series X/S, Xbox One, Switch, PC

เรื่องราวของเกมจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อทีมที่สถาปนาตัวเองว่าเป็นฮีโร่รับจ้างอย่างถูกต้องตามกฏหมายนามว่า Guardians of the Galaxy ต้องไปจ่ายค่าปรับเพราะทำผิดกฏหมายที่สถานีตำรวจอวกาศของ Nova Corps แต่ที่นั่นพวกเขากลับพบกับเหตุการณ์บางอย่างซึ่งนำพาไปสู่ภัยร้ายครั้งใหญ่ที่กำลังคุกคามไปทั่วทุกดาวเคราะห์ จึงเป็นหน้าที่ของทีม Guardians ที่ต้องออกผจญภัยเพื่อตามหาความช่วยเหลือและต่อสู้เพื่อพิทักษ์กาแล็กซีเอาไว้ให้ได้

ในหลาย ๆ เทรลเลอร์ของเกมที่ออกมาก่อนหน้านี้อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนเกมพยายามจะยัดมุกตลกที่มันดูฝืนเข้ามามากไปหน่อย แต่เมื่อเราได้รู้บริบทแบบเต็ม ๆ ผ่านการเล่นด้วยตัวเองซึ่งมีการเกลี่ยได้ดีระหว่างช่วงสนทนาและช่วงสงบอย่างตอนสำรวจฉากหรือเดินไปมาภายในยานแล้ว มุกส่วนใหญ่กลับเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ช่วยนำเสนอภาพรวมของการดำเนินเรื่องได้เป็นอย่างดี ตัวละครต่าง ๆ มีบทพูดที่แสดงถึงบุคลิกเฉพาะตัวได้ชัดเจน โดยเฉพาะในทีม Guardians เองที่ความไม่ลงรอยกันของสมาชิกแต่ละคนจะส่งผลต่อหลาย ๆ สถานการณ์ที่พวกเขาเจอตรงหน้า แต่ในขณะเดียวกัน สถานการณ์เหล่านั้นก็ช่วยให้เกิดการพัฒนาของตัวละครที่น่าติดตามด้วยเช่นกัน รวมถึงในบางคัตซีนเราจะสามารถเลือกคำพูดหรือการกระทำที่อาจส่งผลต่อเพื่อนร่วมทีมหรือสถานการณ์ในอนาคตได้ด้วย ซึ่งนั่นจะช่วยให้ผู้เล่นมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครและเนื้อเรื่องได้มากกว่าแค่นั่งดูคัตซีนเฉย ๆ ถึงแม้เกมจะมีบทและการพากย์ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ในบางครั้งบทสนทนาระหว่างตัวละครขณะเดินสำรวจที่บางทีกำลังจะได้เนื้อหา หรือบางทีก็กำลังจะฮา แต่ดันถูกตัดจบไปดื้อ ๆ เพราะเราเดินมาถึงจุดที่เกมต้องตัดเข้าคัตซีนพอดี ซึ่งมันเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งจนอาจทำให้ขัดอารมณ์ไปอย่างน่าเสียดาย ทางผู้พัฒนาจึงควรมีทางออกที่ดีกว่านี้ว่าจะปรับบทให้สั้นลง หรือจะเพิ่มกลไกทางการเล่นบางอย่างไม่ให้บทสนทนาถูกตัดตอนไปอย่างไม่น่าจะเป็นเหมือนในตอนนี้

เป็นเรื่องง่ายที่จะบอกว่าเกมมีกราฟิกที่สวยงามและสมจริงตามเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน แต่สิ่งที่น่าชื่นชมของตัวเกมก็คือการออกแบบสภาพแวดล้อมและการเลือกใช้สีที่แม้จะออกไปในโทนสดใส แต่ว่าบรรดาสีที่อยู่ด้วยกันในพื้นที่นั้น ๆ กลับกลมกลืนเข้ากันได้อย่างลงตัว ที่สำคัญการตกแต่งฉากของเกมยังเอื้อต่อการสื่อสารได้โดยไม่ต้องผ่านบทพูดด้วย เช่นสภาพความเป็นอยู่บนยาน Milano ของเหล่า Guardians ที่ผู้เล่นในฐานะ Star-Lord ซึ่งเป็นเหมือนหัวหน้าทีมต้องเดินไปปิดตู้เย็นที่เหมือนเสียหรือมีคนลืมเปิดทิ้งไว้อยู่บ่อย ๆ หรือหนังสือสอนเรื่องการประชดประชันในห้องของ Drax ที่เป็นคนจริงจังจนเหมือนซื่อในทุกความคิดและคำพูด การนำเสนอที่แยบยลเหล่านี้แม้ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ทำให้เราเข้าใจบรรดาตัวละครรายล้อมได้เป็นอย่างมาก พร้อมกันนี้ วัตถุดิบที่จำเป็นต่อการอัปเกรดตัวละครก็จะถูกวางไว้ตามจุดต่าง ๆ ทั่วทั้งฉาก บางจุดมองเห็นได้ไม่ยาก บางจุดก็ดูจงใจซ่อนเอาไว้ แต่จะหนักไปทางซ่อนเอาไว้มากกว่า รวมถึงชุดคอสตูมพิเศษที่ไม่ได้ส่งผลอะไรกับตัวละครด้วย แต่นั่นก็เท่ากับว่าแทบทุกครั้งที่เดินไปสำรวจคนละทิศกับเป้าหมายหลัก ผู้เล่นก็มักจะได้รางวัลเป็นวัตถุดิบเสมอ ประกอบกับเรายังสามารถสั่งให้สมาชิกในทีมช่วยในการสำรวจได้ด้วย เช่นสั่งให้ Groot สร้างทางรากไม้เพื่อเดินไปอีกฝั่ง หรือสั่งให้ Gamora เอาดาบปักกำแพงแล้วช่วยบูสต์เราขึ้นที่สูง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้การอยู่ในฉากขณะไม่ได้ต่อสู้มีความสนุกและได้ใช้ความช่างสังเกตมากกว่าแค่เดินจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเพื่อให้เนื้อเรื่องดำเนินไปต่อได้เป็นอย่างดี

ไม่เพียงแต่การเดินในฉากที่ผู้เล่นจะได้บังคับแค่ Star-Lord เพราะมันรวมไปถึงในฉากต่อสู้ด้วย แต่มันกลับไม่ได้เป็นข้อเสียเลย เพราะระบบต่อสู้ของเกมนำเสนอการร่วมกันสู้แบบเป็นทีมได้อย่างเป็นระบบ และมีประโยชน์มากกว่าจะเรียกว่าเป็นแค่ลูกเล่นมาทดแทนการบังคับหลายตัวละคร เพราะการโจมตีเดี่ยว ๆ ของ Guardian แต่ละคนจะทำความเสียหายได้ค่อนข้างน้อย แต่ศัตรูจะรับความเสียหายได้มากขึ้นก็ต่อเมื่อเรากดสั่งให้สมาชิกในทีมโจมตีด้วยสกิลต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับรูปแบบของศัตรู ซึ่งมันจะทำให้ศัตรูรับความเสียหายได้มากขึ้นสูงสุดถึงห้าเท่า โดยที่สกิลเหล่านี้จะปลดล็อกได้ด้วยแต้มประสบการณ์จากการต่อสู้ ในขะที่ Star-Lord เองก็จะมีทั้งสกิลและปืนที่เปลี่ยนธาตุการสุนได้ อีกทั้งเราจะเห็นถึงความสำคัญของเพื่อนร่วมทีมมากขึ้นไปอีกในบางกรณีบังคับของเนื้อเรื่อง อย่างเช่นตอนที่ Rocket Raccoon ที่เด่นด้านการใข้สกิล AOE หรือโจมตีเป็นวงกว้างต้องแยกตัวไปซ่อมอะไรบางอย่างในฉากเพื่อให้พวกเราเดินหน้าต่อไปได้ ผู้เล่นก็ต้องปรับกลยุทธ์กันเฉพาะหน้าเพราะทีมอยู่ไม่ครบห้าคน เป็นต้น นอกจากนี้ เกมยังมีเกจวัดประสิทธิภาพในการต่อสู้ของผู้เล่นคล้าย ๆ กับเกมแนวแอ็กชั่นทั่วไปด้วย แต่ที่พิเศษก็คือ เมื่อเกจที่ว่านี้เต็ม เราจะสามารถกดใช้ Huddle Up ที่เหมือนเป็นการขอเวลานอกเพื่อเรียกสมาชิกในทีมมารวมพลแล้วให้ Star-Lord พูดปลุกใจผ่านบทพูดตัวเลือก ซึ่งมันจะมีประโยชน์ทั้งเป็นการชุบชีวิตเพื่อนร่วมทีม และบัฟให้ทั้งทีมหากเลือกบทพูดได้เข้ากับสถานการณ์ หรืออาจชุบชีวิตเพื่อนร่วมทีมแต่บัฟแค่ Star-Lord คนเดียวเพราะเพื่อนร่วมทีมต่างพากันงงว่าไอนี่มันพูดเรื่องอะไรไม่เห็นเข้าใจ ระบบต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยให้การต่อสู้ของเกมสนุกเพราะต้องใช้ความคิดมากกว่าแค่รัวปุ่มเข้าว่า รวมถึงยังเป็นตัวแสดงเอกลักษณ์ของทีม Guardians of the Galaxy ได้ดีอีกทางหนึ่งด้วย

ส่วนใหญ่แล้วเกมจะแนะนำระบบต่อสู้ให้ผู้เล่นได้เข้าใจผ่านสถานการณ์จริงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แล้วให้ผู้เล่นได้เอามันไปประยุกต์ใช้กันต่อเอง ซึ่งการต่อสู้จะมีแนวโน้มที่ค่อย ๆ ยากขึ้นทีละนิดไปตามด่าน หากครั้งไหนผู้เล่นรู้สึกว่ามันยากขึ้นผิดปกติ การสแกนดูข้อมูลศัตรูเพิ่มเติมก็จะช่วยให้เข้าใจและปรับกลยุทธ์ในการต่อสู้ให้เข้ากับสถานการณ์ได้ไม่ยาก นับว่าเป็นการออกแบบการต่อสู้ที่ให้ความท้าทายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป แต่ถ้าจะให้พูดถึงข้อเสียเล็กน้อยก็คือ จริงอยู่ที่เราจะสามารถสแกนเพื่ออ่านข้อมูลหาจุดอ่อนเพิ่มเติมของศัตรูระหว่างการต่อสู้ได้ แต่ถ้าเกมบอกรายละอียดเหล่านั้นด้วยข้อความสั้น ๆ ประกอบกับสัญลักษณ์ สี หรือไอคอน ก็น่าจะสื่อสารกับผู้เล่นได้ดีกว่าการต้องมาอ่านข้อความยาว ๆ เพื่อทำความเข้าใจขณะกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่ในการต่อสู้แบบนี้

ในด้านของบั๊กหรือความผิดพลาดของตัวเกม จากการเล่นบนเครื่อง PS5 เราพบว่าบางครั้ง Star-Lord ก็เข้าไปติดอยู่กับออบเจกต์ในฉากจนขยับไปไหนไม่ได้ แล้วเกมก็จะตัดภาพเพื่อย้ายตัวละครของเราออกมาให้โดยอัตโนมัติ รวมไปถึงบางครั้งที่เกมดำเนินไปต่อไม่ได้แม้เราจะมายังถึงยังจุดที่ถูกต้องตามออบเจกทีฟจนต้องรีสตาร์ทกลับไปยังเช็กพอยต์ล่าสุดเพื่อเดินกลับมาใหม่ ตลอดจนบางครั้งเพื่อนร่วมทีมก็ไม่ตอบสนองต่อคำสั่งแม้ปากจะบอกว่ารับทราบติดกันด้วยประโยคเดิมเป็น 10 รอบแล้วก็ตาม ถึงบั๊กเหล่านี้จะไม่ทำให้เสียเวลามากนักเพราะเกมมีเช็กพอยต์ที่ค่อนข้างถี่ แต่ถ้าเลือกได้ก็ขอไม่เจอพวกมันเลยจะดีกว่า ซึ่งเราหวังว่าทางผู้พัฒนาจะออก Day-1 Patch มาแก้บั๊กเหล่านี้ได้ทันเมื่อถึงวันวางจำหน่าย

Guardians of the Galaxy ของทีมงาน Eidos Montreal นับว่าเป็นเกมแอ็กชั่นแอดเวนเจอร์ที่มีคุณภาพและมีเอกลักษณ์ของตัวเองทั้งในแง่ของเกมเพลย์และการออกแบบภาพลักษณ์รวมไปถึงการวางบทของตัวละคร คุณไม่จำเป็นต้องไปหาอ่านหรือดูสรุปว่าตัวละครนู้นตัวละครนี้มีที่มาที่ไปยังไงในคอมิกส์ เพราะประเด็นหลักของเนื้อเรื่องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและจบลงอย่างสมบูรณ์ได้ด้วยตัวของมันเอง

คะแนน 8.5 / 10

รีวิวโดย อาร์ม Pirawits


หากเพื่อน ๆ อ่านรีวิวนี้แล้วสนใจและอยากลองหามาเล่นดู สามารถเข้าไปพรีออเดอร์เกมได้ตามลิงค์ด้านล่างครับ

PS5 / PS4 – Standard Edition – https://store.playstation.com/en-th/product/UP0082-PPSA01748_00-DXM0000000000001/

PS5 / PS4 – Digital Deluxe Edition – https://store.playstation.com/en-th/product/UP0082-PPSA01748_00-4857672410194689/

PS (Steam) – https://store.steampowered.com/app/1088850/Marvels_Guardians_of_the_Galaxy/


ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net/

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้