รีวิว Resident Evil Village – ฝ่าเชื้อรามฤตยู หมู่บ้านแห่งหายนะ

หลังเว้นวรรคจากการทำภาคต่อมานานถึง 4 ปีเต็ม เพราะวกกลับไปหากินกับของเก่าด้วยการรีเมคมาถึง 2 ภาคติด ล่าสุด Resident Evil Village หรือภาคใหม่ที่ Capcom ไม่อยากให้ผู้เล่นอย่างเรา ๆ เรียกกันว่าภาค 8 ก็ได้ออกมาให้ผู้เล่นได้ดำเนินเรื่องราวของมหันตภัยจากอาวุธชีวภาพกันเสียที

แพลตฟอร์ม: PS4, PS5, Xbox One, Xbox Series X/S และ PC (ทีมงานรีวิวจากบน PS5)
ผู้พัฒนา: Capcom

เนื้อหาของเกมในภาคนี้จะเล่าถึง อีธาน กับ มีอา วินเธอร์ส สองสามีภรรยาที่ถูกย้ายให้ไปตั้งรกรากในทวีปยุโรปตามคำแนะนำของคริส เรดฟิลด์ ซึ่งเป็นผู้ที่ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ในภาค 7 และทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันจนมีลูกสาวเป็นพยานรัก 1 คนชื่อว่าโรส ทว่าความสงบสุขกลับอยู่กับพวกเขาได้ไม่นาน เมื่อโรสกับอีธานถูกพาตัวไปยังหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในประเทศที่คาดว่าน่าจะเป็นโรมาเนีย และสถานที่แห่งนี้ดันเต็มไปด้วยอันตรายในทุกย่างก้าว แน่นอนครับว่าในฐานะพ่อคนเต็มตัว อีธานก็ต้องฝ่าฟันฝูงอาวุธชีวภาพกลุ่มใหม่เพื่อชิงตัวโรสกลับมาให้ได้

ว่ากันตามตรง ภาคนี้มีโครงสร้างหลายอย่างที่เหมือนกับภาค 4 อยู่มาก แต่มันก็แฝงไปด้วยความลี้ลับที่น่าสนใจหลายอย่าง และเหล่าบอสที่เคยมีการเปิดตัวให้ชมกันผ่านเทรลเลอร์ไปนั้น ทุกตัวล้วนมีดันเจี้ยน มีธีมของดันเจี้ยนที่เฉพาะตัว ตลอดจนบรรยากาศที่ได้รับจากแต่ละดันเจี้ยนก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในช่วงที่เราเล่นจะพอสัมผัสได้ว่าเกมจะบอมบ์ทุกอย่างที่ผู้พัฒนาได้จินตนาการเอาไว้มาลงใส่แฟน ๆ ซีรีส์นี้ทุกกลุ่มในทุกรูปแบบ ใครเคยรักซีรีส์นี้เพราะความน่ากลัว โอเคภาคนี้มีดันเจี้ยนที่โคตรสยองให้ลุย ใครเคยรักซีรีส์นี้เพราะความแอ็กชั่น โอเคภาคนี้มีดันเจี้ยนที่ให้บู๊สุดลิ่มทิ่มประตูให้เราได้ปล่อยของ เรียกได้ว่าเกมพยายามเข้าหาแฟน ๆ ทุกกลุ่มภายในภาคนี้ภาคเดียวเลย

จากที่กล่าวไปข้างต้น สิ่งที่ชื่นชอบมากก็คือผู้พัฒนาเกมสามารถรีดเอาคอนเทนต์ที่อยากนำเสนอในแต่ละธีมของดันเจี้ยนมาได้เกือบสุด บทจะน่ากลัวก็เค้นมาได้เต็มที่ ชนิดที่ใครเล่นรอบแรกต้องมีหวีดกันไปข้าง โดยเฉพาะดันเจี้ยนที่เป็นบ้านตุ๊กตาของเบเนเวียนโต้ (Beneviento) หรือพอเป็นดันเจี้ยนที่เน้นบู๊อย่างโรงงานของไฮเซนเบิร์ก (Heisenberg) ก็อุตส่าห์ละเลงจินตนาการเวอร์วังให้ผู้เล่นได้ว้าวกับไอเดียหลุดโลกกันไปเลย

ถ้าไม่นับรวมทุกดันเจี้ยนที่เกมนำเสนอไป เกมยังมีความลับซ่อนอยู่อีกไม่น้อย ทั้งสมบัติต่าง ๆ ที่ให้ผู้เล่นย้อนกลับไปเก็บในบางจุดเมื่อได้คีย์ไอเทมสำคัญมา หรือตุ๊กตาแพะไม้ที่ซ่อนอยู่ตามจุดที่หลอกสายตา อีกทั้งยังมีมินิบอสหลายตัวเฝ้าอยู่ที่ดรอปไอเทมราคาแพง ๆ หากเราปราบมันได้ สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดมันคุ้มค่ากับการยอมเสียเวลาไปตามหา เพราะนอกจากเราจะได้ไอเทมแพง ๆ มาแปรสภาพเป็นเงินไว้อัปเกรดอาวุธแล้ว ยังมีรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องซ่อนอยู่ด้วย

ตัวเกมภาคนี้มีความยาวประมาณ 9-12 ชั่วโมง ซึ่งความยาวนี้มาจากความยาวของเกมเอง รวมกับการใช้เวลาย้อนไปสำรวจในหลาย ๆ จุดเพื่อหาสมบัติ ในทางกลับกัน แม้ภาคนี้จะมีปริศนาให้แก้กันแต่ก็ใช้เวลาไปกับตรงนั้นไม่มาก ปริศนาหลายอย่างในภาคนี้ค่อนข้างง่าย แค่เรียนรู้กับมันหน้างานก็สามารถผ่านได้ในเวลาอันสั้น เกมเลยมีความต่อเนื่อง ลื่นไหล ไม่ถ่วงเราเป็นชั่วโมงเพียงเพราะติดปริศนาเดียว ถือเป็นข้อดีที่ภาคหลัง ๆ ทำไว้มาตลอด

ศัตรูระดับลูกกระจ๊อกในเกมจะมีหลายประเภท ถ้าตามพื้นที่ทั่วไปจะมีทั้งไลแคนที่เหมือนมนุษย์หมาป่า กลุ่มนี้จะมีความเร็วสูงและลูกล่อลูกชน กับพวกกึ่ง Undead ที่โผล่จากพื้นดิน แต่มีความเชื่องช้าคล้ายซอมบี้ในภาคเก่า ๆ นอกนั้นก็จะเป็นศัตรูที่มีให้สู้เฉพาะในดันเจี้ยนที่มีดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา ยิ่งถ้าเป็นดันเจี้ยนในช่วงหลัง ๆ ของเกม ดีไซน์ของศัตรูบางประเภทจะมีความแหวกแนวหน่อย และมีวิธีปราบที่ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย แต่ถ้าได้ลองอ่านไฟล์ที่มีในเกมก็จะพอเข้าใจและหยวน ๆ กับที่มาที่ไปของศัตรูเหล่านั้นได้ครับ

Duke หรือพ่อค้าในเกมคือหนึ่งในจุดผ่อนคลายความกดดันที่สุดของเกมก็ว่าได้ครับ คือแกมักจะปรากฏตัวในจุดที่เราเพิ่งจะผ่านความหฤโหดมาพอดี หรือแม้แต่ในดันเจี้ยนที่ใหญ่โตและซับซ้อน Duke ก็จะไปอยู่คอยบริการอัปเกรดอาวุธและขายไอเทมแก่เรา ซึ่งบรรดาสมบัติที่เราพบเจอในเกม บางชิ้นจะขายได้มูลค่าเพิ่มขึ้นถ้าเรานำไปผสมกับสมบัติชิ้นอื่น ๆ โดยจะคล้ายกับสมัยพ่อค้าในภาค 4 เลย แถมในภาคนี้ยังมีเพิ่มหมวดการปรุงอาหารเข้ามา โดยหากเรานำเนื้อสัตว์ที่สามารถหามาได้ไปให้ Duke ทำเป็นอาหาร ก็จะได้ Stat บางอย่างเพิ่มแบบถาวร อาทิ เพิ่ม Max HP หรือลดความเสียหายที่ได้รับเวลาตั้งการ์ดป้องกันการโจมตีของศัตรู และเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ก็มีเหมือนกัน

สำหรับระบบไอเทมในภาคนี้จะคล้ายภาค 4 เป็นหลักครับ คือมีการใช้กระเป๋าไอเทมให้ผู้เล่นจัดสรรการจัดวางไอเทมภายในกระเป๋ากันเอง และสามารถขยายพื้นที่ในกระเป๋าได้ด้วยการซื้อกระเป๋าใบใหม่กับ Duke ซึ่งเกมจะแยกประเภทของไอเทมทั่วไปรวมถึงอาวุธกับคีย์ไอเทมไว้ชัดเจน ซึ่งคีย์ไอเทมจะถูกเก็บแยกนอกหมวดกระเป๋า เวลาไปเจอจุดที่ต้องใช้คีย์ไอเทม เกมจะดึงเราไปที่หน้าของคีย์ไอเทมโดยอัตโนมัติให้เอง โดยระบบนี้ก็แลกกับการตัดระบบลังไอเทมออกไป แต่ถึงกระนั้น การมีกระเป๋าไอเทมของตัวเองในภาคนี้ก็ช่วยลดระยะเวลาเล่นเกมได้มาก เพราะเราสามารถจัดระเบียบไอเทมใน Inventory ได้เองเลย

นอกจากนี้ ตัวละครอย่าง Duke ยังมีความน่าสนใจอีกก็คือประโยคสนทนาที่เจ้าตัวพูดแต่ละครั้ง จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าเขาทำอะไรที่นำหน้าเราอยู่สเต็ปหนึ่งก่อนเสมอ ดูมีมิติหรือความน่าค้นหากว่าพ่อค้าภาค 4 พอสมควร และเวลาเราเจอ Duke แต่ละครั้งก็จะมีเครื่องพิมพ์ดีดที่เป็นจุดเซฟอยู่แถวนั้นด้วย เราจึงรู้สึกโล่งอกได้ทุกเมื่อเวลาที่เจอพ่อค้าคนนี้ แถมยังมีเสียงเพลงแบบห้องเซฟคอยคลอให้เราได้พักหายใจหายคอบ้าง

หากผู้เล่นจบเกมไปแล้วรอบหนึ่งจะปลดล็อคร้านค้าพิเศษที่ผู้เล่นสามารถนำแต้มไปซื้ออาวุธที่มีกระสุนให้ใช้แบบไม่จำกัดจำนวนได้ โดยเราสามารถนำอาวุธเหล่านี้ไปเล่นในรอบต่อไป หรือจะเล่นในระดับความยากที่สูงขึ้นก็ได้เช่นกัน รวมถึงอาวุธที่เราเคยมีตอนเล่นจบรอบแรกก็จะยังคงอยู่เหมือนเดิมด้วย

ภาพรวมของเกมนี้ ไม่ว่าจะด้านกราฟิก หรือบรรยากาศที่นำเสนอออกมาต้องยกเครดิตให้กับขุมพลังของ RE Engine ที่เนรมิตออกมาได้สวยงามและสมจริง ทำให้เราอินกันสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้ง่าย แถมยิ่งพอเล่นแพลตฟอร์มที่รันด้วย SSD ก็ยิ่งไม่รู้สึกถึงการโหลดใด ๆ เลย ซึ่งเอนจิ้นนี้น่าจะเป็นการสร้างมาตรฐานขั้นใหม่ให้กับเกมของ Capcom ในช่วงหลายปีหลังไปแล้ว

ภาคนี้ถือเป็นภาคแรกของซีรีส์ที่มีการทำซับไตเติ้ลและเมนูภาษาไทยขึ้น คุณภาพการแปลถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง ปัญหาที่พบเจอหลัก ๆ เกี่ยวกับภาษาไทยในเกมก็คือการพิมพ์ตก พิมพ์ผิด และแปลผิดบริบทครับ ซึ่งประเด็นการพิมพ์ตกหรือพิมพ์ผิดก็คงต้องว่ากันไปตามผิด แต่ในส่วนของการแปลผิดบริบท แปลผิดสรรพนาม ตรงนี้เข้าใจว่าทางค่ายเกมน่าจะไม่มีการนำเกมให้ทีมงานแปลได้เล่นกันก่อน หากแต่ส่งเอกสารแปลมาเป็น Text ล้วน ซึ่งตรงนี้จะไปว่าทีมแปลเป็นฝ่ายผิดก็คงไม่ถูกนัก เพราะหลายค่ายเกมก็ทำเช่นนี้เพื่อรักษาข้อมูลในเกมให้เป็นความลับด้วยส่วนหนึ่ง (ไว้ถ้ามีโอกาส ทีมงานจะอธิบายถึงกระบวนการแปลซับไทยในวงการเกมให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันในอนาคตครับ ว่าเขามีรูปแบบทำงานกันอย่างไร)

ปิดท้ายด้วยโหมด The Mercenaries ที่ถูกนำกลับมาเอาใจแฟน ๆ อีกครั้ง หลังจากหายไปนานนับตั้งแต่ภาค 6 เป็นต้นมา ซึ่งโหมดนี้จะเป็นการตะลุยฝูงศัตรูแบบจับเวลา โดยระหว่างที่เราลุยก็ต้องต่อคอมโบให้ได้เยอะ ๆ เพื่อเบิ้ลคะแนนของเราที่จะมีผลกับการตัดเกรดหลังจบแต่ละด่าน แต่ที่พิเศษกว่าก็คือในด่านที่เราเล่นนั้นจะมีการแบ่งเป็น Area ย่อยด้วย และเมื่อจบแต่ละ Area เราสามารถนำเงินที่เก็บได้จาก Area ก่อน ๆ มาอัปเกรดอาวุธของเรา เพื่อนำไปลุยต่อใน Area ถัดไปนั่นเอง

ขณะที่เราลุยอยู่ในฉากก็จะมีตัวช่วยให้เราอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกก็คือลูกบอลสีทองที่ช่วยเพิ่มเวลากับเรา เพื่ออยู่ทำคะแนนได้นานขึ้น กับลูกบอลสีฟ้าที่มอบอบิลิตี้ต่าง ๆ ให้ โดยทุกครั้งที่เราตีบอลสีฟ้าแตก เกมจะสุ่มอบิลิตี้มาให้เราเลือก 1 อย่างจากทั้งหมด 3 อย่าง ตรงจุดนี้ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะเอาอบิลิตี้อะไรที่เหมาะกับสไตล์การลุยหรืออาวุธที่ผู้เล่นมีอยู่ ทว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่โหมด The Mercenaries ของภาคนี้มีตัวละครแค่อีธานให้เล่นเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้ามีตัวละครอื่นให้เล่นด้วยน่าจะได้ความหลากหลายกว่านี้หน่อย

ทางด้าน RE: Verse ที่เป็นเกมมัลติเพลเยอร์ซึ่งพ่วงมากับเกมหลัก โดย ณ ตอนที่ทีมงานกำลังรีวิวนี้ ตัวเซิร์ฟเวอร์ยังไม่เปิดให้เราเข้าไปเล่นครับ ซึ่งต้องรอกันอีกหลายเดือนจนกว่า Capcom จะไปเตรียมความพร้อมในด้านระบบต่าง ๆ จนเสร็จ รวมถึงปรับบาลานซ์ของเกมตามที่เคยมีผู้เล่นติงมาด้วยเสียก่อน

จุดเด่น

ตัวเกมมีเกมเพลย์ที่อุดมไปด้วยความครบรส ทั้งกดดัน ตื่นเต้น บู๊ลืมโลก รวมหมดอยู่ในที่เดียว
บรรยากาศและกราฟิกสมจริง และดึงประสิทธิภาพของเอนจิ้นได้เต็มที่
มีหลายจุดที่เกมนำโมเมนต์รำลึกถึงภาคเก่า ๆ มายำไว้ด้วยกัน และพยายามเข้าหาแฟนเกมซีรีส์นี้ที่มาจากทุกยุค
สีหน้าตัวละคร การโมแคป แอ็กติ้งท่าทางการแสดงต่าง ๆ จัดว่างานดีมาก

จุดด้อย

โหมด The Mercenaries ควรมีตัวละครให้เล่นมากกว่านี้

สรุป

ถ้าใครเคยมีความประทับใจในเกม Resident Evil 4 มาก่อน ภาคนี้ถือเป็นการอัปเกรดที่ดีมากในด้านบรรยากาศ ส่วนเกมเพลย์เองก็ยังสนุกและนำพาผู้เล่นนึกถึงวันเก่า ๆ ในหลาย ๆ โมเมนต์เช่นกัน อย่างน้อยก็คุ้มค่าแล้วกับการได้เป็นสักขีพยานในบทสรุปเรื่องราวของอีธาน ตัวละครหนุ่มสุดซวยที่เราเอาใจช่วยมาตั้งแต่ภาค 7 ครับ