เปิดประวัติ Aruni ตัวละครสาวไทยคนใหม่ใน Rainbow Six Siege

เปิดให้ชมกันแล้วเมื่อคืน สำหรับเนื้อหาใหม่ของ Rainbow Six Siege กับ Operation Neon Dawn พร้อมกับตัวละครหญิงชาวไทย Aruni ที่จะมาเป็นหนึ่งใน Operator สาย Defender อีกคน ที่มีความสามารถค่อนข้างพิเศษมากเลยทีเดียว

Aruni จะมีความสามารถพิเศษที่ชื่อว่า “Surya Gate” ซึ่งมันจะเป็นม่านเลเซอร์ สามารถสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายบุกที่เดินผ่านเข้ามาได้ นอกจากนี้ตัวเธอยังมีลักษณะพิเศษอีกอย่าง โดยเธอสามารถ Melee โดยใช้แขนเทียมพังกำแพงแบบบางได้เร็วกว่า Operator ตัวอื่นๆ ทำให้เธอเป็นตัวละครที่สามารถเปิดทางได้เป็นอย่างดี

ประวัติความเป็นมาของ Aruni

Aruni หรือชื่อเต็มคือ Apha “Aruni” Tawanroong (อาภา “อรุณี” ตะวันรุ่ง) ในตอนเด็ก เธอได้อาศัยอยู่แถวชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างที่น้องสาวของเธอกำลังเล่นอยู่ ก็ได้เกิดอุบัติเหตุเหยียบกับระเบิดจนเสียชีวิต ทำให้อรุณีมีความมุ่งมั่นที่จะกำจัดกับระเบิดเหล่านี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เศร้าสลดกับใครอีก ซึ่งความมุ่งมั่นของเธอนั้น ก็ทำให้เธอได้เข้าไปอยู่ใน Royal Thai Police (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) และเธอก็ทำผลงานได้เป็นอย่างดีมากเลยทีเดียว

ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องออกจากการเป็นตำรวจ หลังจากที่เธอเกือบเสียชีวิตในภารกิจที่กรุงเทพซึ่งร่วมกับ Thermite ซึ่งทำให้เธอสูญเสียแขนและขาข้างซ้าย หลังจากที่ฟื้นฟูร่างกายจนสมบูรณ์ เธอก็ได้รับการติดต่อจาก Kali ที่ชักชวนเธอให้เข้าร่วม Nighthaven ที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับแขนขาเทียมมากมาย ทำให้อรุณีตัดสินใจเข้าร่วมนี่เอง

เรื่องเล่าของ Aruni จาก Thermite

“ฉันรู้จัก อาภา “อรุณี” ตะวันรุ่ง มาได้ปีกว่าแล้ว เธอเป็นนักสืบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศไทยตอนที่เราเจอกัน ในตอนแรกผมคิดว่าเธอไม่ชอบผมสักเท่าไหร่ แต่แท้จริงแล้วเธอแค่กำลังตรวจสอบผมอยู่มากกว่า อรุณีนับได้ว่าเป็นคนฉลาดอย่างมาก สามารถประมวลเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เสมอ และสามารถหาจุดเชื่อมโยงในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็นได้ นั่นทำให้เธอกลายเป็นนักสืบที่เก่งกาจเป็นอย่างมาก เราได้มีโอกาสทำงานด้วยกันในกรุงเทพ แต่มีภารกิจนึงซึ่งเป็นความลับ เกือบทำให้เธอต้องเสียชีวิตลง….. ตอนแรกผมคิดว่าเราจะเสียเธอไปซะแล้ว”

“อรุณี ได้ออกจากการเป็นตำรวจเพื่อโฟกัสไปกับการฟื้นฟูร่างกาย หลังจากนั้นเธอก็ได้กลับมาเป็นตำรวจลับและสร้างชื่อเป็นอย่างมาก จน Kali ผู้ก่อตั้ง Nighthaven ได้ยินเสียงร่ำลือของเธอ และได้ชักชวนเธอเข้ามาร่วมกลุ่มในเวลาไม่นาน”

“พวกเราไม่ได้เจอกันเลยหลังเหตุการณ์ที่กรุงเทพ ซึ่งผมก็พยายามจะติดต่อเธอตลอด เพราะผมรู้สึกว่าผมทำให้เธอผิดหวัง และการตอบกลับของเธอก็มักจะตอบแบบห้วนๆ เสมอ ในตอนแรกผมคิดว่าเธอคงโมโหผม แต่แท้จริงแล้วเธอแค่ทำให้ตัวเองยุ่งอยู่ตลอดเวลาที่จะพัฒนาตัวเอง ซึ่งหลังจากที่ได้เจอกันอีกครั้ง เธอก็ทำให้ผมเห็นว่าทุกอย่างยังไม่ต่างจากเดิมเลย เธอไม่ยึดติดกับอดีตและมุ่งมั่นที่จะทำอนาคตให้ดีขึ้นเสมอ”