เจาะลึก PlayStation 5 กับฟีเจอร์ที่น่าสนใจของตัวเครื่อง และอื่น ๆ
สิ้นสุดการรอคอยกันเสียทีนะครับกับเครื่อง PlayStation 5 หรือ PS5 ที่ทาง Sony เผยโฉมให้เห็นหน้าค่าตากันเป็นที่เรียบร้อย โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2020 นี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูล้ำสมัย และน่าจับจองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในการเปิดตัวครั้งนี้ เราก็ขอหยิบเอาฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่น่าสนใจที่มีการเปิดเผยแล้วผ่านไลฟ์ที่ทุกคนทั่วโลกได้ชมกันไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา รวมถึงเจาะลึกคุณสมบัติของฟีเจอร์แต่ละอย่างกันสักหน่อยครับ
สิ่งที่เผยแล้ว
รุ่นปกติและรุ่น Digital Edition
PS5 เปิดตัวด้วยตัวเครื่อง 2 รุ่นให้เกมเมอร์ได้เลือกกัน โดยจะมีแบบรุ่นธรรมดา และรุ่น Digital Edition ที่ตัดเอาช่องไดรฟ์ Ultra HD Blu-ray ออกไป เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เน้นซื้อเกมแบบดิจิตอลดาวน์โหลดเท่านั้น ซึ่งก็ค่อนข้างจะแน่นอนว่ารุ่น Digital Edition ก็น่าจะมีน้ำหนักที่เบาลง (จากรูปร่างภายนอกที่บางกว่าเล็กน้อย) และมีราคาที่ถูกลงมาจากรุ่นธรรมดา โดยเป็นการสอดรับกับเทรนด์ของเกมเมอร์ยุคปัจจุบันที่หันไปหาเกมแบบดิจิตอลดาวน์โหลดมากขึ้น แต่ก็ยังมีรุ่นธรรมดาที่คอยตอบโจทย์เกมเมอร์สายนักสะสม ที่ยังรักการสะสมแผ่นเกมอยู่ด้วยในตัว
SSD
PS5 จะใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ในการบันทึกข้อมูลเกม ซึ่ง SSD ของ PS5 นี้จะมีความเร็วในการอ่านข้อมูลอยู่ที่ 9 GB ใน 1 วินาที ซึ่งความเร็วในระดับนี้ถือว่าเร็วกว่า SSD ทั่วไปถึงหลายเท่าเลยทีเดียว โดยจะช่วยลดระยะเวลาในการ Install เกมจากแผ่นลงฮาร์ดดิสก์ รวมทั้งลดระยะเวลาในการโหลดเกม ตลอดจนลดระยะเวลาในการบูสต์เครื่องไปได้มาก อีกทั้ง SSD จะเข้ามาแก้ปัญหาคอขวดของเหล่านักพัฒนาเกมทั้งหลาย ให้เกมต่าง ๆ สามารถรันได้ลื่นไหล ลดปัญหาเรื่องการโหลดฉากไม่ทันไปได้แทบจะหมดสิ้น
Ultra HD Blu-ray
กรณีของ PS5 รุ่นธรรมดานั้นจะมีไดรฟ์อ่านแผ่น Ultra HD Blu-ray ติดตัวมาด้วย ซึ่งตัวแผ่น Ultra HD Blu-ray นั้นเริ่มมีการใช้ในอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงประเภทแผ่นภาพยนตร์มาตั้งแต่ต้นปี 2016 แล้ว ด้วยความที่มันสามารถบันทึกไฟล์หนังที่มีความคมชัดได้สูงสุดถึงระดับ 4K และเฟรมเรตที่ 60 FPS อีกทั้ง ณ ปัจจุบัน แผ่น Ultra HD Blu-ray ถือเป็นสื่อประเภทแผ่นดิสก์ที่มีความจุสูงที่สุดแล้วในตอนนี้
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงครับว่าดูจากรูปการณ์แล้ว ไดรฟ์ Ultra HD Blu-ray ของเครื่อง PS5 น่าจะสามารถอ่านแผ่นภาพยนตร์ได้ด้วย เหมือนอย่างที่เครื่อง PS2 สามารถอ่านแผ่นหนัง DVD ได้ หรือเครื่อง PS3 และ PS4 อ่านแผ่นหนัง Blu-ray ได้เช่นกัน โดยทุกวันนี้ราคาแผ่นหนัง Ultra HD Blu-ray ตามร้านค้าทั่วไปก็มีราคาตกอยู่ราว ๆ 1,000-2,000 กว่าบาท ซึ่งก็ไล่เลี่ยกับราคาแผ่นเกมในปัจจุบันครับ และเมื่อผนวกเข้ากับขุมกำลังของ SSD ในเครื่อง ก็สามารถทำให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ในการเล่นเกมที่ดียิ่งขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ
Haptic Feedback
Haptic จะเป็นระบบที่ตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนจอทีวีหรือมอนิเตอร์ เพื่อให้จอย DualShock ของ PS5 เกิดการสั่นที่สมจริงและมีความละเอียดมากกว่า Rumble ที่เป็นระบบสั่นแบบเดิมที่เคยใช้กันมาตั้งแต่ช่วงปลายยุค PS1 จนถึงยุค PS4 กล่าวคือ สมมติถ้าเราเล่นเกมแนวแข่งรถ แล้วรถของเราดันไปตกตรงพื้นที่เป็นทรายหรือโคลน การสั่นบนจอยก็จะออกมาต่างกัน หากเป็นพื้นโคลน จอยก็จะสั่นแบบที่ให้ผู้เล่นรู้สึกว่าพื้นถนนมันหนืดและลื่น ส่วนพื้นทรายก็อาจจะให้เรารู้สึกว่าพื้นมันร่วน ฯลฯ
Ray Tracing
Ray Tracing คือระบบที่เกี่ยวกับการคำนวณการแสดงผลเรื่องแสง โดยระบบนี้จะทำการคำนวณตัวกำเนิดแสงบนทุกวัตถุที่ปรากฏอยู่ในฉาก อย่างเทคโนโลยีการเล่นแสงในเกมยุคก่อนก็คือ ถ้าตัวกำเนิดแสงคือหลอดไฟในห้องหนึ่ง หากแสงไปกระทบกับวัตถุอะไร วัตถุนั้นก็แค่ทำหน้าที่สะท้อนไปตามที่กำหนด แต่ในกรณีของ Ray Tracing นั้น ทุกวัตถุที่แสงไปตกกระทบก็จะเป็นจุดกำเนิดแสงใหม่ในตัวมันเอง ซึ่งมันจะให้ความสมจริงมากกว่าเยอะเลย ส่งผลให้กราฟิกดูสวยขึ้นตามไปด้วย
3D Audio
ระบบเสียงแบบ 3 มิติก็คือการใช้เทคนิคและเทคโนโลยีให้เสียงเกิดขึ้นรอบทิศทางเสมือนมีเสียงเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวละครที่ผู้เล่นบังคับอยู่ ให้ความรู้สึกสมจริงราวกับเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตัวละครนั้น ๆ เช่น ถ้ามีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทางขวามือของเรา เยื้องไปด้านหลังสัก 30 องศา ระบบก็จะประสานกับลำโพงให้เสียงดังออกมาจากตำแหน่งนั้นเลย เป็นต้น ซึ่งในยุค PS4 นั้น ระบบเสียงที่มีการรองรับกับหูฟังแบรนด์ PlayStation จะเป็นแบบ 5.1 จำลอง แต่กับระบบเสียง 3 มิตินั้นจะมีการรองรับได้มากสุดถึง 8.1 เลยทีเดียว ทำให้ที่มาของเสียงดูมีมิติและแม่นยำเรื่องตำแหน่งมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ระบบเสียงแบบ 3 มิติจะมีประโยชน์มากเวลาเล่นเกมที่ต้องแข่งขันกัน เช่นแนว FPS ที่เราสามารถฟังเสียงฝีเท้า เสียงปืน หรือเสียงวัตถุเคลื่อนไหว เพื่อสามารถรู้ตำแหน่งได้ว่าศัตรูจะมาทางไหน หรืออย่างเกมแนว RPG ที่เวลาเราอยู่ในเมืองก็จะได้ยินเสียงผู้คนหรือ NPC คุยกันอยู่รอบตัว ทำให้ได้ฟีลของเมืองที่มีชีวิตชีวา ราวกับอยู่ในเมืองในโลกความเป็นจริง
สิ่งที่ยังเป็นปริศนา
ราคา
ตอนนี้เหมือนเป็นศึกงัดกันระหว่าง Sony กับ Microsoft ที่ต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่ยอมเผยราคาของเครื่องออกมา ซึ่งก็มีความเป็นไปได้หลายอย่างที่ทั้ง 2 ค่ายยังกั๊กกันอยู่ บ้างก็ว่ากลัวเผยราคาแล้วอีกฝ่ายจะเกทับด้วยการลดราคาลงมาต่ำกว่าเจ้าแรก ในขณะที่อีกความเป็นไปได้นึงก็คือ ตัวเครื่องอาจจะมีราคาแรงมาก จึงจำเป็นต้องหยั่งกระแสหรือ Build ความอยากได้ของคนเล่นกันก่อน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Sony เคยมีบทเรียนราคาแพงจากยุค PS3 ที่ตั้งราคาไว้สูงลิบลิ่วถึง 599 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าแรงมาก ก่อนจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ PS3 เพลี่ยงพล้ำ พลาดท่าให้กับ Xbox 360 และ Wii จนไม่สามารถกำชัยในเจเนอเรชั่นดังกล่าวได้ ดังนั้นราคาเลยเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ทาง Sony ต้องอุบไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมครับ และไม่แน่อาจจะเป็นเซอร์ไพรส์ก้นหีบก็ได้
วันวางจำหน่าย
แม้จะประกาศกันแบบกว้าง ๆ ว่าเครื่องเกมนี้จะวางขายช่วง Holiday 2020 แต่กรอบเวลาที่แน่นอนก็ยังไม่ทราบชัดครับ เพราะคำว่า Holiday ของแดนตะวันตกนั้นครอบคลุมตั้งแต่ Black Friday (ปลายเดือนพฤศจิกายน) ลากยาวจนถึงวันคริสต์มาสกันเลย เท่ากับว่าช่วงเวลาเก็บเงินของเกมเมอร์อย่างเรา ๆ ก็เหลือเพียง 5-6 เดือนนับจากนี้เท่านั้น
เครดิต