ครบรอบ 10 ปี เกม FF13 ในฐานะภาคที่แฟน ๆ ผิดหวังมากที่สุดภาคหนึ่ง

สำหรับในวงการเกมแล้ว เกม Final Fantasy ถือเป็นซีรีส์เกม RPG ที่สั่งสมความนิยมมายาวนานถึงกว่า 3 ทศวรรษ มีภาคหลัก ภาคสปินออฟ ออกมาให้เล่นกันมากมาย อีกทั้งยังมีฐานแฟน ๆ อยู่ทั่วโลก และในวันนี้ (17 ธันวาคม) ก็เป็นวันครบรอบ 10 ปีของการวางจำหน่ายเกม Final Fantasy 13 (FF13) บนเครื่อง PS3 ที่ประเทศญี่ปุ่นครับ ซึ่ง FF13 นั้นเป็นภาคที่ปรับแนวเกมขนานใหญ่ องค์ประกอบหลาย ๆ อย่างถูกเปลี่ยนไปอย่างผิดหูผิดตา รวมถึงใช้เป็นเกมที่ประเดิมใช้เอนจิ้น Crystal Tools เป็นเกมแรก พร้อมกับชูตัวเอกของเกมเป็นผู้หญิงเป็นครั้งแรกด้วย

และก็แน่นอนครับว่า การเปลี่ยนแปลงเยอะสิ่งขนาดนี้ ย่อมแลกมาด้วยกระแสคำวิจารณ์จากสื่อมวลชนและเหล่าผู้เล่นที่แตกกระจายไปคนละทิศคนละทาง บ้างก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการนำเสนอในรูปแบบใหม่ แต่อีกฝั่งกลับรู้สึกว่าเสน่ห์ของ Final Fantasy หายไปอย่างน่าใจหาย ว่าแล้วเรามาไล่เรียงกันดูครับว่า ประเด็นที่ตัวเกม Final Fantasy 13 ถูกโจมตีอย่างหนักทั้งจากสื่อเกมและบรรดาผู้เล่นนั้นมีอะไรกันบ้าง

1. เส้นตรง

ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ FF13 โดนโจมตีมากเป็นอันดับต้น ๆ ครับ ด้วยความที่ตัวเกมค่อนข้างจะบังคับเส้นทางการผจญภัยของผู้เล่นเกือบจะทั้งเกม กว่าจะพอมีอิสระ ได้เลือกเส้นทางที่จะไปไหนก่อน-หลัง ก็ปาเข้าไป Chapter 11 แล้ว ซึ่งใน Chapter 1-10 หากผู้เล่นมีปัญหาสู้กับศัตรูหรือบอสตัวไหนไม่ไหว ก็ต้องอาศัยฟาร์มเอากับศัตรูในละแวกนั้นเพื่อเอาปั๊มค่าสกิลไปก่อน และหากเล่นแบบมุ่งไปแต่เนื้อเรื่องหลัก ไม่หวังเก็บพวกมิชชั่นล่ามอนสเตอร์หรือโทรฟี่ต่าง ๆ เนื้อหาของเกมจะสั้นมาก

2. ระบบฟาร์มที่แสนน่าเบื่อ

ในเกม FF13 นั้นจะไม่มีการดรอปเงินจากศัตรู ดังนั้นการจะได้มาซึ่งเงินก็ต้องอาศัยการไล่ตบมอนสเตอร์เพื่อหวังให้มันดรอปไอเทม แล้วค่อยเอาไอเทมไปขายอีกต่อหนึ่ง โดยหากเล่นไปถึงท้ายเกมจะพบว่ามันมีมอนสเตอร์เต่ายักษ์ Adamantoise ที่ดรอปไอเทม Platinum Ingot อยู่ ซึ่งไอเทมที่ว่านี้เป็นไอเทมที่นำไปขายได้เงิน (ต่อชิ้น) สูงที่สุดในเกม แต่ก็ใช่ว่าเจ้าเต่ายักษ์จะดรอป Platinum Ingot แบบ 100% เสมอไปนะครับ เท่ากับว่าหากผู้เล่นต้องการนำเงินไปอัพเกรดของ หรือต้องการเก็บโทรฟี่หรือ Achievement ในเกมให้ครบ 100% ก็ต้องมาวนเวียนล่าเต่ากันหลายวัน วันละเป็นร้อย ๆ ตัว ราวกับเป็นกรรมกรเกมมิ่งยังไงยังงั้นเลย

3. ดนตรีประกอบ

น่าเสียดายที่เกม FF13 เป็นภาคหลักภาคแรกที่นักแต่งเพลงขาประจำของซีรีส์ Final Fantasy อย่างคุณโนบุโอะ อุเอมัตสึ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแต่งเพลงใด ๆ ให้เลย และแม้จะได้คุณมาซาชิ ฮามาอุซึ ที่เคยมีผลงานร่วมแต่งเพลงประกอบใน FF10 มารับหน้าที่แต่งเพลงให้กับภาค 13 แต่ท่วงทำนองเพลงที่ออกมากลับไม่เข้ากับบรรยากาศในเกมเท่าไหร่นัก แถมยังไม่ค่อยมีเพลงที่ฟังแล้วติดหูด้วย ขนาดเพลง Victory Fanfare ที่บรรเลงประจำตอนเราชนะศัตรูได้ก็หายต๋อม

4. เควสต์ย่อยไม่ดึงดูด

ภาคนี้มีเควสต์ย่อยที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือเควสต์ล่ามอนสเตอร์ครับ ซึ่งความยากในการปราบหลาย ๆ ตัวนั้นยากกว่าบอสตามเนื้อเรื่องชนิดเทียบกันไม่ติด โดยขั้นตอนการตามหามอนสเตอร์จะไม่ค่อยยุ่งยาก แต่อุปสรรคจะไปกองที่วิธีในการปราบซะมากกว่า ทว่าสาระสำคัญของเควสต์ย่อยก็มีอยู่เท่าที่เห็น คือถ้าจบเนื้อเรื่องหลัก ล่ามอนสเตอร์จนครบทุกตัว ก็จะไม่เหลืออะไรให้ทำแล้ว มิหนำซ้ำพวกแมพเก่า ๆ ที่เราเคยลุยมาตอน Chapter 1-10 ก็ย้อนไปไม่ได้เช่นกัน

5. คุณภาพการพอร์ตลง PC

เวอร์ชั่น PC นั้นวางขายหลังจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นบน PS3 นานถึงเกือบ 5 ปีเต็ม แต่คุณภาพการพอร์ตที่ออกมาเข้าขั้นแย่มาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านเฟรมเรต การแสดงผลของกราฟิก และหัวข้อปรับตั้งค่าด้านกราฟิกที่มีให้เลือกปรับค่อนข้างจำกัดด้วย ซึ่งเคราะห์ดีที่มีชาว Mod บางคนได้ทำ Mod ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่กล่าวมาไปได้หลายจุด กระทั่งต่อมาในอีกไม่กี่เดือนให้หลัง ทาง Square Enix ก็ได้ปล่อยแพตช์ทางการออกมาปรับปรุงแก้ไขเรื่องกราฟิก แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ Mod เคยทำได้มาก่อนแล้ว และตัวแพตช์ก็แทบไม่มีการปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมไปกว่านั้นเลย