ย้อนรอย Resident Evil: Outbreak ภาคที่คอนเซ็ปต์ดีแต่ดันมาก่อนเวลาอันควร

หนึ่งในซีรีส์เรือธงของ Capcom อย่าง Resident Evil นั้น จวบจนทุกวันนี้ก็ได้ออกมาแล้วหลายภาค ไม่ว่าจะเป็นภาคหลักหรือสปินออฟ ซึ่งส่วนใหญ่ที่ออกมาก็มักจะเป็นแนวลุยไปตามเนื้อเรื่อง และหนักไปทางเล่นคนเดียว กระทั่งภาคหลังๆ จึงเริ่มมีการใส่ระบบ Co-op ให้ผู้เล่นช่วยกันลุยผ่านระบบออนไลน์ หรือจะเล่นแบบแบ่งจอกันก็ได้ แต่จริงๆ แล้วในอดีต ซีรีส์ Resident Evil เคยมีออกภาคที่เล่นแบบออนไลน์เพียวๆ และลงเฉพาะเครื่องคอนโซลอย่าง PS2 มาก่อน นั่นก็คือ Resident Evil: Outbreak ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมระดับหนึ่ง รวมถึงในไทยด้วย (แต่ยอดขายในไทยอย่าไปหวังกันนะ เพราะเล่นแผ่นเถื่อนกันบานเบอะ) ว่าแล้วเราก็ขอพาเพื่อนๆ ไปรำลึกกับเกมนี้กันสักหน่อยให้หายคิดถึงกันครับ

(ล่าง) ภาพปกของเกม Resident Evil: Outbreak เวอร์ชั่นญี่ปุ่นและอเมริกา


การพัฒนาและความเป็นมา

– คุณโนริทากะ ฟุนามิสึ โปรดิวเซอร์ของเกมนี้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า คอนเซ็ปต์แรกของเกม Resident Evil: Outbreak ได้คิดกันตั้งแต่ก่อนที่เกม Resident Evil 2 (เวอร์ชั่นปี 1998) จะวางขายเสียอีก ภายใต้แนวคิดเบื้องต้นว่าด้วยการเล่น Resident Evil ผ่านระบบออนไลน์บนเครื่องคอนโซล ซึ่งคุณชินจิ มิคามิ บิดาผู้ให้กำเนิดซีรีส์ Resident Evil ก็สนับสนุนไอเดียดังกล่าว และแนะนำคุณฟุนามิสึว่าเขาควรผลักดันโปรเจ็กต์นี้ให้สำเร็จเป็นตัวเกมออกมาให้ได้

– ช่วงแรกของการพัฒนาเกม คุณฟุนามิสึได้เริ่มทดลองทำมินิเกมแบบมัลติเพลเยอร์ ที่ผู้เล่นจะมีเป้าหมายหลักคืออยู่รอดให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ แต่สุดท้ายทีมพัฒนาก็จำเป็นต้องตัดมินิเกมนี้ออกไป เพราะหลังมีการทดสอบลองเล่นกันแล้วพบว่าผู้เล่นไม่สามารถสร้างทีมเวิร์คกันได้เลย เนื่องจากแต่ละคนก็ต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนจากฝูงซอมบี้ ห่วงแต่ตัวเองกัน โดยไม่ยอมไปช่วยผู้เล่นคนอื่นซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้มีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นซะงั้น

– จากเหตุผลในข้อที่แล้ว ทีมงานจึงได้ข้อสรุปว่าเกม Resident Evil จะน่ากลัวได้คือต้องไม่มีระบบมัลติเพลเยอร์ และบีบบังคับให้ผู้เล่นหาทางรอดกันเอง ดังนั้นเลยตัดสินใจว่าเกม Resident Evil: Outbreak ควรมีเนื้อเรื่องให้ผู้เล่นดำเนินไปตามสูตรเหมือนกับภาคก่อนๆ แต่ก็ยังเก็บไอเดียของการเล่นมัลติเพลเยอร์เอาไว้เป็นตัวเลือกสำรองไว้อยู่ ก่อนที่จะระงับการพัฒนาเกมอย่างไม่มีกำหนดไปก่อน จนกว่าจะมีไอเดียอะไรใหม่ๆ เข้ามา

– ต่อมาในปี 2002 ทาง Capcom ได้รื้อโปรเจ็กต์ Resident Evil: Outbreak มาทำใหม่อีกครั้ง โดยใช้ชื่อชั่วคราวในการเปิดตัวสู่สาธารณะว่า Resident Evil Online ซึ่งระหว่างนั้น Capcom มีเป้าหมายคือทำเกมแนวออนไลน์มัลติเพลเยอร์จำนวน 3 เกมด้วยกัน ได้แก่ Resident Evil: Outbreak, Monster Hunter และ Auto Modellista (เกมแข่งรถ) พร้อมกับคาดหวังว่าเกมทั้ง 3 ควรจะต้องทำยอดขายให้ได้เกิน 1 ล้านชุด สุดท้ายปรากฏว่ามีเพียง Resident Evil: Outbreak กับ Monster Hunter เท่านั้นที่ทำสำเร็จ ซึ่งจากรายงานของ Capcom บนเว็บไซต์ทางการเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2016 ที่ผ่านมา พบว่าตัวเกม Resident Evil: Outbreak สามารถทำยอดขายไปได้ทั้งหมด 1.45 ล้านชุดครับ

– หลังจากเกมวางจำหน่าย เสียงตอบรับจากแฟนๆ และนักวิจารณ์ได้เทไปในทางบวกและลบผสมกัน ซึ่งข้อดีของเกมคือการนำเสนอระบบออนไลน์ที่ดูแปลกใหม่สำหรับเกมในช่วงต้นยุค 2000 รวมถึงกราฟิกที่ดูสวยงามแม้จะเป็นเกมที่เน้นออนไลน์ก็ตาม ในขณะที่ข้อเสียคือระบบการเล่นออนไลน์บนเครื่อง PS2 ณ เวลานั้นค่อนข้างกากไปหน่อย และผู้เล่นเข้าถึงการเล่นออนไลน์ของเกมนี้ได้ยากมาก โดยเฉพาะในไทยนั้นแทบหาคนที่เล่นออนไลน์เกมนี้ได้น้อยเหลือเกิน เนื่องจากเน็ตไทยในช่วงต้นยุค 2000 ยังเป็นแบบ 56K ที่ต้องเชื่อมต่อผ่านสายโทรศัพท์ หากมีใครโทรเข้ามาเบอร์นั้น เน็ตก็หลุดแล้ว อีกทั้งการเล่นออนไลน์บน PS2 ก็ต้องไปหาซื้ออุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า Expansion Bay มาติดด้านหลัง แถมดันรองรับแค่ PS2 ที่เป็นโมเดลแรกๆ (เครื่องอ้วน) เสียด้วย ใครมีเครื่อง PS2 Slim ก็อดเล่นไปโดยปริยาย

– Capcom ได้ปิดบริการเซิร์ฟเวอร์ฝั่งสหรัฐอเมริกาไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2007 และปิดเซิร์ฟเวอร์ในประเทศญี่ปุ่นไปในวันที่ 30 มิถุนายน 2011 แต่แล้วในปี 2014 ทาง Capcom ก็ได้เปิดระบบใหม่ที่ให้ผู้เล่นทางบ้านสามารถตั้งห้องแล้วเข้าไปเล่นกันเองได้ ซึ่งสงวนไว้เฉพาะผู้เล่นในญี่ปุ่นเท่านั้น


พล็อตเรื่องและเกมเพลย์

– ตัวเกมมีการแบ่งออกเป็น 5 เนื้อเรื่องย่อย เมื่อเคลียร์เนื้อเรื่องที่ 1 ก็จะปลดล็อคเนื้อเรื่องที่ 2 และจะปลดล็อคเนื้อเรื่องถัดไปได้เรื่อยๆ หากทำการเคลียร์เนื้อเรื่องก่อนหน้า โดยรายชื่อเนื้อเรื่องทั้ง 5 ก็ได้แก่ Outbreak, Below Freezing Point, The Hive, Hellfire และ Decisions, Decisions

– เนื้อเรื่องของเกมจะดึงเอาเหตุการณ์ในช่วงหลังการแพร่ระเบิดของเชื้อไวรัสในเมืองแร็คคูนซิตี้เพียงไม่กี่วันมาเป็นโครงหลักของเนื้อเรื่อง โดยจะมีตัวละครให้เลือกทั้ง 8 คน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความสามารถเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. เควิน ไรแมน ตำรวจหนุ่มแห่งเมืองแร็คคูนซิตี้ เจ้าตัวจะมีไอเทมพิเศษคือปืนพกขนาด .45 ที่เมื่อเวลากดปุ่มเล็งยิงค้างไว้สักพักนึง เควินจะทำท่าโฟกัสไปที่เป้าหมายข้างหน้า ซึ่งช่วยเพิ่มพลังโจมตีในการยิงได้ นอกจากนี้เควินยังสามารถเตะศัตรูด้วยการกดปุ่ม R1 และปุ่มวงกลมพร้อมกัน ทำให้ศัตรูเสียจังหวะได้

2. มาร์ค วิลกินส์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หุ่นไซส์พี่เบิ้ม สปีดค่อนข้างช้า แต่สิ่งที่มีทดแทนคือพละกำลังดุจช้างสาร หากให้มาร์คถืออาวุธที่โจมตีระยะประชิด แล้วกดปุ่ม R1 เพื่อตั้งท่าค้างไว้สักพักนึง มาร์คจะเปลี่ยนท่าให้เตรียมพร้อมมากขึ้น จากนั้นพอได้ระยะแล้วกดปุ่มกากบาท พลังโจมตีจากการหวดก็จะสูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น มาร์คยังเป็นตัวละครที่สามารถเข็นหรือผลักวัตถุที่มีขนาดใหญ่มาก เพื่อเปิดบางเส้นทางใหม่ๆ ที่ตัวละครอื่นไม่สามารถทำได้ รวมถึงมีท่าป้องกันตัว ด้วยการกดปุ่ม R1 เพื่อตั้งท่าแล้วกดปุ่มวงกลมรัวๆ มาร์คจะทำการผลักศัตรูให้กระเด็น เป็นการรอดพ้นไม่ให้เสียพลังชีวิตได้อีกแบบ

3. จิม แชปแมน เจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟใต้ดินภายในเมืองแร็คคูนซิตี้ ไอเทมประจำตัวของจิมคือเหรียญ ที่เขาจะใช้ดีดเสี่ยงทาย หากออกเป็นด้านหัว โอกาสที่โจมตีศัตรูแล้วติดคริติคอลก็จะสูงตาม และจิมนั้นยังเป็นตัวละครที่รูปร่างผอมบาง เขาสามารถมุดเข้าไปยังช่องลมเพื่อไปโผล่บางพื้นที่ที่ตัวละครอื่นเข้าไม่ถึงได้ ขณะเดียวกัน จิมจะมีท่านอนแกล้งตาย ที่ทำให้ศัตรูไม่สนใจและล่อให้พวกมันเดินผ่านไปได้ ทว่าระหว่างที่แกล้งตาย อัตราการลุกลามของเชื้อไวรัสก็จะพุ่งสูงตามไปด้วย

4. จอร์จ แฮมิลตัน ศัลยแพทย์มือหนึ่งแห่งโรงพยาบาลแร็คคูนซิตี้ ผู้มีทักษะในการผสมสมุนไพรให้เป็นยาฟื้นพลังชีวิตที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และยังมีท่าชาร์จพุ่งชนที่นำไปใช้ในสถานการณ์คับขันได้ด้วย

5. เดวิด คิง ช่างประปาที่มีกล่องอุปกรณ์ส่วนตัว ซึ่งใช้งานได้สารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างหรือซ่อมแซมอาวุธ รวมถึงตัวเดวิดเองก็มีท่าโจมตีด้วยมีดที่เป็นคอมโบ จู่โจมแบบต่อเนื่องได้เช่นกัน

6. อลิซซ่า แอชครอฟต์ นักข่าวสาวผู้มีความสามารถในการสะเดาะกุญแจ ทำให้เราไม่ต้องเสี่ยงอันตรายไปหากุญแจจริงๆ มาเปิดประตูได้หลายสถานการณ์ และยังมีท่าป้องกันตัวคือการใช้สเต็ปถอยหลัง ดึงจังหวะให้ศัตรูโจมตีพลาดได้

7. โยโกะ สึซึกิ สาวเนิร์ดนักศึกษามหาวิทยาลัย แม้ว่าเธอจะมีพลังชีวิตน้อยที่สุดในบรรดาตัวละครที่มีให้เลือก แต่สิ่งพิเศษในตัวเธอก็คือกระเป๋าสะพายหลังที่ช่วยให้เธอแบกไอเทมได้มากกว่าตัวละครอื่น (โยโกะถือไอเทมได้ 8 ชิ้น ส่วนคนอื่นถือได้แค่ 4 ชิ้น) และยังมีท่าวิ่งหนี ที่เราต้องกดปุ่ม R1 และวงกลมค้างไว้เพื่อวิ่งหนีจากศัตรูอย่างรวดเร็ว โดยระยะทางที่เธอวิ่งได้จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการกดปุ่มวงกลมค้างด้วย

8. ซินดี้ เลนน็อกซ์ พนักงานเสิร์ฟหญิงของบาร์แห่งหนึ่ง ไอเทมเฉพาะตัวของเธอคือตลับใส่ยา ที่เธอสามารถพกสมุนไพรหรือยาฟื้นพลังติดตัวได้มากกว่าตัวละครอื่น หากเล่นกันเป็นกลุ่มใหญ่ ซินดี้จะมีบทบาทคล้ายๆ กับหมอยาประจำทีมได้เลย


ความลับต่างๆ ในเกม

– ในเนื้อเรื่องย่อย Outbreak จะมีช่วงนึงที่เราเดินทางมาถึงโซนสะพาน ให้เราหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วรอจนเพื่อนเราใช้ระเบิดและจบเนื้อเรื่องไป เหตุการณ์จะตัดกลับมาที่เราที่ถูกทิ้งไว้ ณ จุดที่เรายืนรอ ก็ให้วิ่งกลับไปยังรถแวน แล้วกดสำรวจท้ายรถแวน ก็จะจบแบบ Van Ending ที่เป็นฉากจบลับของเนื้อเรื่อง Outbreak ได้

– โยโกะเป็นตัวละครเพียงตัวเดียวที่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน ซึ่งการจะเปลี่ยนชุดของเธอเป็น Costume B ได้ เราต้องหาไอเทม Cute Sneakers และ Green One-Piece Dress ที่ซ่อนอยู่ในเกมให้พบ ส่วนชุด Costume C จะปลดล็อคเมื่อเราหาไอเทม Exercise Uniform, Exercise Shoes และ Gym Shoes มาให้ได้เสียก่อนเช่นกัน

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้