คงปฏิเสธไม่ได้นะครับว่า ณ ปัจจุบัน เมื่อพูดถึงเกมที่เป็นแนวเลี้ยงมอนสเตอร์เพื่อนำไปประชันฝีมือการต่อสู้กัน ซีรีส์โปเกมอนน่าจะลอยขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ในหมู่เกมเมอร์แทบจะทันที ซึ่งโปเกมอนได้ถือกำเนิดในช่วงยุคที่ Game Boy กำลังรุ่งเรืองพอดี จากความสำเร็จที่โปเกม่อนได้กรุยทางเอาไว้ ก็ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับทางค่ายเกมอื่นๆ ได้ทดลองพัฒนาเกมแนวคล้ายๆ กันตามมาบ้าง
และแล้วในยุค PS1 ก็มีค่าย Bandai (หรือ Bandai Namco ในปัจจุบัน) ที่ได้ผุดเกมใหม่ของตัวเองที่มีชื่อว่า Digimon World ขึ้นมา ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการขนมาประชันกับโปเกม่อนจากฝั่ง Nintendo โดยในปัจจุบันแม้ว่าความนิยมทั่วโลกของดิจิม่อนจะมีน้อยกว่าโปเกม่อนก็ตาม แต่ทุกวันนี้ก็ยังคงมีการผลิตสินค้าจำพวก Merchandise ของดิจิม่อน รวมถึงอนิเมะออกมาให้ติดตามกันอย่างต่อเนื่องอยู่ ซึ่งในโอกาสที่เกม Digimon World จะครบรอบ 20 ปีของการวางจำหน่ายบน PS1 ในวันที่ 28 มกราคมที่จะถึงนี้ ทีมงาน OS เลยขอนำข้อมูลเกี่ยวกับเกมนี้มาเล่าสู่กันฟังกันสักหน่อยครับ
(ล่าง) ปกเกมเวอร์ชั่นญี่ปุ่น
(ล่าง) ปกเกมเวอร์ชั่นอเมริกา
(ล่าง) ปกเกมเวอร์ชั่นยุโรป
การพัฒนาและความเป็นมา
– เกมนี้ได้รับคะแนนรีวิวจากนิตยสารฟามิตซือของญี่ปุ่นเพียงแค่ 23 คะแนน (จากเต็ม 40) เท่านั้น และทำยอดขายในประเทศญี่ปุ่นไปได้ประมาณ 250,000 ชุด ในขณะที่เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษขายรวมทั่วโลกได้ราวๆ 150,000 ชุด ทางด้านกระแสจากผู้เล่นในต่างประเทศส่วนใหญ่จะมองว่าเพลงและซาวด์ประกอบของเกมค่อนข้างน่าเบื่อ อีกทั้งระบบการบังคับก็ยาก ดูแล้วท่าทางจะเหมาะกับแฟนดิจิมอนตัวยงมากกว่า
– ในช่วงที่โปรโมทเกม Digimon World นั้น ทาง Bandai Namco ได้พยายามคิดแผนการตลาดเพื่องัดกับการโปรโมทเกมโปเกม่อนจากฝั่ง Nintendo ซึ่งตอนนั้นกำลังมีเกม Pokémon Red and Blue วางจำหน่ายอยู่ จนมาจบที่โปรโมชั่นเสนอแถม Digimon Trading Card ให้กับผู้ที่ซื้อแผ่นเกม 1 แสนคนแรก (เฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ)
– เกมนี้เคยลงแพลตฟอร์ม PC เฉพาะในเกาหลีใต้เพียงประเทศเดียว เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2002 หรือหลังจากที่วางจำหน่ายบน PS1 ไปแล้วประมาณ 3 ปีเศษ
พล็อตเรื่องและเกมเพลย์
– พล็อตเรื่องของเกม Digimon World จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่ม (โดยผู้เล่นสามารถตั้งชื่อให้ตัวละครนี้ได้ตั้งแต่ตอนเริ่มเกม) ที่ถูกอุปกรณ์ V-Pet ดึงเข้าไปอยู่ในดิจิตอลเวิลด์ และแล้วเขาก็ได้พบ Jijimon ดิจิม่อนที่แนะนำเขาให้รู้จักดิจิตอลเวิลด์ พร้อมกับให้เด็กหนุ่มเลือกดิจิม่อน 2 ตัว เป็นคู่หูเดินทาง คือ Gabumon หรือ Agumon จากนั้นเด็กหนุ่มจึงต้องเดินทางไปรอบเกาะ File Island ที่มีดิจิม่อนที่ดุร้ายอาศัยอยู่มากมายและต่อสู้เพื่อนำพวกมันกลับมาที่เกาะ ผู้เล่นจะต้องฝึกดิจิม่อนของตัวเองเพื่อต่อสู้กับดิจิม่อนดุร้ายเหล่านี้จนกระทั่งเกาะ File Island สะพรั่งไปด้วยดิจิม่อนหลากหลายสายพันธุ์อีกครั้ง นอกจากนี้ผู้เล่นจะต้องบังคับเด็กหนุ่มและดิจิม่อนคู่หูเพื่อเดินทางไปยัง Mount Infinity เพื่อสู้กับศัตรูตัวสุดท้ายของเกมคือ Analog Man ผู้ใช้ Machinedramon และปกป้องดิจิตอลเวิลด์จากการถูกทำลายให้ได้
– ทางด้านเกมเพลย์ ผู้เล่นจะต้องทำการเลี้ยงดิจิม่อนโดยเริ่มตั้งแต่มันยังอยู่ในไข่ กระทั่งมันฟักตัวออกมา แล้วจึงฝึกฝนมันให้ทำงาน รวมถึงฝึกการต่อสู้ ซึ่งระหว่างการเลี้ยงให้มันเติบโต นอกจากจะฝึกฝนมันแล้ว ก็จะมีเรื่องของการให้อาหาร ให้มันพักผ่อน และพามันไปขับถ่ายเมื่อถึงเวลาด้วย ในส่วนของการต่อสู้ ดิจิม่อนของเราก็จะมีหน้าที่ต้องต่อสู้กับดิจิม่อนตัวอื่นที่ดุร้ายท่ามกลางวิกฤตการณ์บนเกาะ File Island โดยแรกๆ ตัวดิจิม่อนของเราจะยังมีสกิลและความสามารถไม่มากนัก แต่จะค่อยๆ มีให้ใช้มากขึ้นเมื่อเลเวลสูงขึ้น
ความลับต่างๆ ในเกม
– ตัวเกม Digimon World เวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในทวีปยุโรป จะมีเพียงบางแผ่นที่มีบั๊กร้ายแรงอยู่ครับ โดยแผ่นที่มีบั๊กนั้น ผู้เล่นจะไม่สามารถเข้าไปใน Ogre Fortress เพื่อใช้ Mt. Infinity Teleporter ได้นั่นเอง
– ขณะเดียวกัน ตัวเกมเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นและทวีปอเมริกาจะมีบั๊กที่แย่กว่านั้น ก็คือบั๊กที่ทำให้เกมค้างทันทีหากผู้เล่นพยายามจะเล่น Giromon’s Juke Box หรือบั๊กที่ทำให้ผู้เล่นขยับไปไหนไม่ได้หากคุยกับ Mojyamon มากครั้งเกินไป ซึ่งถ้าใครติดบั๊กอย่างหลังนี้ก็ต้องใช้ไอเทม Auto-Pilot เพื่อหนีออกจากพื้นที่เอาสถานเดียว
