ขอขอบคุณทาง New Era Interactive Media ผู้จัดจำหน่ายเกม Total War: Warhammer II ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการที่เอื้อเฟื้อคีย์เกมสำหรับการรีวิวในครั้งนี้
ไม่บ่อยครั้งที่การเติมเลข 2 (ไม่ว่าจะอาราบิคหรือโรมัน) เข้าไปหลังชื่อหนังหรือเกม จะทำให้มันมีความสมบูรณ์พร้อมมากกว่าภาคแรกเป็น 2 เท่าเยี่ยงตัวเลข ในทางกลับกันก็ราวกับจะหั่นหารลงไปเสียมากกว่า แต่ก็นั่นแหละครับการบอกว่า “ไม่บ่อยครั้ง” ก็แสดงว่ามันต้องมี “บางครั้ง” ที่ภาคต่อจะทำตัวได้ดูดีมีชาติตระกูลยิ่งกว่าภาคแรก และ Total War: Warhammer II จัดอยู่ในกรณีนั้น
ใน Total War: Warhammer ภาคแรก มันคือการเปลี่ยนแปลงสำคัญของซีรีส์ที่มีการนำความเป็นแฟนตาซีเข้ามาอยู่ในเกมซึ่งเน้นนำเสนอ “ประวัติศาสตร์โลกแบบฉบับคุณเอง” เข้ามาไว้ในเกมเป็นครั้งแรก มันคือคอมบิเนชั่นในฝันของนักเล่นเกมวางแผนหลายต่อหลายคนที่อยากเห็น 2 แฟรนไชส์มาป๊ะกันสักครั้ง อย่างไรก็ดีแม้จะมีความเปลี่ยนแปลงรวมถึงยักรูปแบบการเล่นใหม่ๆ พร้อมกลิ่นอายแฟนตาซีเข้าไปมากมาย แก่นแท้ของเกมก็ยังคงไม่หนีไปจาก Total War ภาคก่อนๆ นัก โดยเฉพาะหากคุณเล่นฝ่าย Empire ยิ่งอาจจะรู้สึกว่าคล้ายๆ เดิมเข้าไปใหญ่ หากไม่นับแม่ทัพ Karl Franz ที่ขี่กริฟฟินตัวบักควายบินโฉบไปโฉบมาเหนือกองทัพของคุณน่ะนะ และแม้จะเพิ่มเงื่อนไขในการชนะให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้เกมยืดเยื้อแต่ในภาพรวมยังคงเป็นการชนะเกมแบบ Domination อยู่
สำหรับ Total War: Warhammer II ถึงคุณจะยังคงสามารถชนะเกมแบบ Domination ได้อยู่ ทว่าคราวนี้คุณอาจจะต้องโฟกัสการขยายดินแดนควบคู่กับการรักษาไปแบบพร้อมๆ กัน โดยเผลอๆ อย่างหลังอาจจะสำคัญกว่าเสียอีก อันเนื่องมาจากการเข้ามาของเงื่อนไขการชนะเกมแบบใหม่ที่เรียกว่า Vortex race ซึ่งผมว่านี่คือ 1 ในความยอดเยี่ยมที่สุดของภาคนี้
Vortex คืออะไรก็ตามที่ดูคล้ายๆ กับพายุหมุนพลังเวทซึ่งแปรปรวนอย่างโดดเด่นอยู่บนแผนที่แคมเปญครับ คุณมีหน้าที่ในการพยายามใช้ประโยชน์จากมันโดยการรวบรวม Fragment ให้ถึงจุดหนึ่งแล้วคุณจะสามารถจัด “พิธีกรรม” (Ritual) เพื่อดึงเอาพลังบางส่วนจาก Vortex มาใช้บัฟฝ่ายของคุณได้ ซึ่งเมื่อคุณเริ่มพิธีกรรมคุณจะต้องรอ 10 เทิร์น และใช้เมืองในการทำพิธีให้เสร็จสิ้น 3 เมืองด้วยกัน แต่จะบอกว่า 10 เทิร์นช่วงพิธีกรรมนี่แหละครับ ความบันเทิงระดับไฮไลท์ของภาคนี้จะเริ่มขึ้น
นั่นเพราะทุกฝ่ายที่เป็นศัตรูกับคุณจะพยายามขัดขวางทุกวิธีการไม่ว่าจะส่งกองทัพมาลุยคุณด้วยตัวเองหรือใช้ฟีเจอร์ใหม่ “จัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจแบบเร่งด่วน” (Intervention) เพื่อสร้างทัพใหญ่ขนาด 20 หน่วยเข้าถล่ม 1 ใน 3 ของเมืองที่ทำพีธีกรรมอยู่โดยเฉพาะในเวลาเพียง 1 หรือ 2 เทิร์น ซึ่งความน่ากลัวคือคุณไม่รู้ว่าอีกองทัพนี้จะโผล่ขึ้น ณ เมืองไหน เพราะขอแค่เพียงทำลายได้สักเมือง พิธีกรรมชาบู Vortex จะชะงักทันทีครับ ดังนั้นเกมจะบีบให้ผู้เล่นรู้สึกว่ายอมเสียเมืองไม่ได้เลย การทำพิธีกรรมชะงักแม้สักเล็กน้อย นั่นหมายความว่าคุณกำลังเสียเปรียบฝ่ายอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในเกม Vortex Race เช่นกัน
และถ้าแค่นั้นยังไม่รู้สึกว่าระทมกบาลเท่าไหร่ ผมจะบอกว่าการจัดพิธีในแต่ละครั้ง เกมจะลากเอากองทัพ Chaos วาร์ปมาโผล่ใกล้ๆ ดินแดนคุณในแบบสุ่มอีกต่างหาก และหลายๆ ครั้งมันมักจะมามากกว่ากองเดียวด้วย! ซึ่งก็อย่างที่บอกไว้ตอนต้นบทความเลยครับ ว่าการรักษาดินแดนของภาคนี้สำคัญซะยิ่งกว่าการขยายดินแดนให้กว้างไกลซะอีก
นอกจากนี้คุณไม่ได้ทำพิธีกรรมเป็นอยู่ฝ่ายเดียวครับ ฝ่ายหลักอื่นๆ ก็ทำพิธีขอบัฟจาก Vortex ได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วเมื่อมีฝ่ายอื่นๆ เริ่มพิธีกรรมขึ้น คุณมีหน้าที่ต้องตัดสินใจจะปล่อยผ่าน หรือแบ่งสรรค์ทรัพยากรของคุณเพื่อเสี่ยงยับยั้งมันครับ ทั้งนี้ Vortex Race จะมีช่วงที่ทำพิธีกรรมได้ 5 ครั้ง เกมจะใต่ระดับความเดือดขึ้นเรื่อยๆ สักประมาณครั้งที่ 3 เป็นต้นไปที่คุณจะเริ่มรู้สึกว่าสงครามชักจะตึงมือ เพราะศัตรูเริ่มพร้อมทั้งคุณภาพและปริมาณ แม้จะเป็นระดับความยากเพียง Normal ก็ตาม กระทั่งช่วงท้ายเกมที่คุณจะรู้สึกภาคนี้มันเหมาะควรกับคำว่า Total War จริงๆ เพราะสงครามจะเกิดขึ้นแทบทุกหย่อมย่านเลยครับ เพื่อการแย่งชิงกันเป็นจ้าวแห่ง Vortex Race นี่แหละ
ความดีงามอีกอย่างที่อยากชื่นชมคืองานออกแบบครับ ทั้ง 4 ฝ่ายของภาคนี้ทั้ง High Elf, Dark Elf, Skave และ Lizardman ล้วนมีจุดดีจุดด้อยแตกต่างกันชัดเจน อีกทั้งยังมีความเป็นแฟนตาซีระดับ Extreme ไม่มีอะไรบันเทิงยิ่งกว่าการดูนักรบเอลฟ์บนหลังมังกรบวกกับมนุษย์กิ้งก่าขี่ไดโนเสาร์ หรือดูวอร์ไฮดร้าของดาร์คเอลฟ์งัดกับอสุรกายยักษ์ของ Skaven อีกแล้วครับ บอกตรงๆ ว่าโคตรประทับใจเลยที่ได้เห็นภาพอะไรแบบนี้บนท่ามกลางสนามรบอันข้นคลั่กฉบับ Total War!
Total War: Warhammer II คือภาคต่อที่ยอดเยี่ยมที่สุดภาคหนึ่งในแฟรนไชส์ Total War ทุกๆ อย่างถูกอัพเกรดจนเหนือกว่าที่คิด แม้จะมีบัคประปรายก็ยังไม่อาจบดบังความยอดเยี่ยมของมัน ข้อเสียอย่างเดียวที่นึกออกคือตัวเลือกการฑูตดูไม่มีอะไรเพิ่มเติมจากภาคก่อนมากนัก แต่ในภาพรวมก็ยังเป็นเกมที่แฟนๆ Total War หรือเกมวางแผนควรซื้อหามาเล่นอยู่ดีครับ เพราะมันดีงามมากจริงๆ และความดีงามยังไม่มีหมดเพียงเท่านี้ เพราะทีมพัฒนาเตรียมจะอัพเดต DLC ที่จะเชื่อมภาค 1 กับภาค 2 เป็นแคมเปญมหายักษ์ซึ่งจะถูกเรียกว่า Mortal Empire เข้าด้วยกันมาในอนาคตอันใกล้อีกด้วย เรียนตามตรงว่ารอไม่ไหวแล้วครับ!
Total War: Warhammer II จัดจำหน่ายในประเทศไทยโดย New Era Interactive Media สนนราคา 999 บาท ถูกกว่า Steam! หากสนใจก็ดิ่งไปซื้อกันได้ที่ร้านค้าเกมชั้นนำ หรือคลิกเข้าไปที่ >>> https://goo.gl/BFLCK6 ได้เลย