เจาะลึก Rockstar ค่ายเกมที่ไม่ได้มีดีแค่กระแสจากเกม GTA

เมื่อพูดถึงชื่อ Rockstar Games ผู้คนในวงการเกมย่อมต้องรู้จักกันอย่างแน่นอนในฐานะผู้พัฒนาเกมซีรีส์ดังๆ ที่เป็นแนวโอเพ่นเวิลด์อย่าง Grand Theft Auto หรือ GTA กันอย่างแน่นอน แต่ทว่าในความเป็นจริงเรามักจะได้เห็นความโด่งดังของเกม GTA กันตามข่าวอาชญากรรมหรือข่าวปัญหาสังคมเสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นก็เพราะเนื้อหาของเกมนี้ค่อนข้างจะหมิ่นเหม่ต่อสายตาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอยู่บ่อยๆ ด้วยความที่มันมีภาพของการใช้ความรุนแรง การก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนภาพของอบายมุข ยาเสพติด ฯลฯ ทว่าในทางกลับกัน กระแสเหล่านี้ก็เป็นการ “เร้า” ให้ผู้คนเกิดความอยากรู้อยากเห็นและลองซื้อมาเล่นกัน ไปๆ มาๆ ยอดขายของเกมซีรีส์นี้ก็เลยพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ยิ่งพอรวมกับคุณภาพของเกมที่ทำมาอย่างละเอียดและพิถีพิถัน ทำให้เกม GTA สามารถสะท้อนความสมจริงของสังคมอเมริกันเราได้สุดๆ นั่นเอง

แม้ว่าเราจะเห็นว่า GTA เป็นกระแสใหญ่โตได้ขนาดนั้น แต่ค่าย Rockstar ก็ยังมีการสร้างปรากฏการณ์อื่นๆ ที่ดูจะไม่ค่อยจำเจแบบค่ายเกมอื่นๆ และนั่นก็เป็นปัจจัยหลักที่รวมกัน จนทำให้ค่ายเกมนี้มีความโดดเด่นเฉพาะที่ไม่แพ้กระแสของ GTA เลย โดยคราวนี้ทางทีมงาน OS จะมาเจาะลึกถึงแผนการตลาด ตลอดจนแนวทางของ Rockstar กันอย่างละเอียดกันครับว่าค่ายนี้ได้ทำอะไรให้เป็นที่จดจำในวงการเกมไว้บ้าง

—————————————————————-

1. เวอร์ชั่นเครื่องคอนโซลต้องมาก่อน

ตามธรรมชาติของค่ายเกม 3rd Party ทั่วไปในยุคนี้ เวลาจะออกเกมอะไรมาก็มักจะประกาศลงพร้อมกันทุกแพลตฟอร์มหลัก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอนโซลเจนปัจจุบัน (ในขณะนั้น) และ PC แต่สำหรับกรณีของ Rockstar นั้นจะไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านครับ ดังจะเห็นได้ว่าหลายๆ เกมของค่ายนี้ กว่าจะได้พอร์ตลง PC นั้นกินเวลาค่อนข้างนานหลายเดือน (เช่น GTA 3 หรือ GTA 4) บางเกมรอกันเป็นปี (เช่น Bully, Manhunt 2 หรือ GTA 5) หรือบางเกมจนป่านนี้ยังไม่พอร์ตลง PC เลยก็มี (เช่น Red Dead Redemption ภาคแรก)

ประเด็นนี้ ในหลายๆ สื่อของต่างประเทศเคยมีตั้งข้อสังเกตอยู่ว่า Rockstar เคยมีประสบการณ์การพอร์ตเกม GTA 4 ลง PC ได้ย่ำแย่มาก เนื่องด้วยการที่ตัวเกมเวอร์ชั่น PC มีบั๊กเยอะ รวมถึงมีปัญหาด้านกราฟิกที่มากมายเมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นเครื่องคอนโซล ทั้งๆ ที่ศักยภาพและจำนวนบุคลากรของ Rockstar ก็มีอยู่มากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ทำไมจึงไม่ค่อยใส่ใจในการพอร์ตให้ดีกว่านี้หรือดีเทียบเท่าเครื่องคอนโซลได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของปัญหาการทำ Mod ของเกม GTA: San Andreas ที่ทาง Rockstar เคยมีคดีความกับคนที่ทำ Mod มินิเกม Hot Coffee ที่เป็น Sex Game มาให้เล่นกัน ซึ่งมินิเกมที่ว่านี้เป็นข้อมูลที่ติดมากับตัวเกมแต่แรกแล้ว แต่ Rockstar ล็อคไว้ไม่ให้เล่น (ตรงนี้ Rockstar ไม่ได้ให้เหตุผลว่าล็อคเพราะอะไร แต่คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของเรตเกมที่น่าจะโดนจำกัดให้ขายได้น้อยช่องทางกว่าปกติ) ตลอดจนปัญหาการเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์บน PC ที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ต่างจากเครื่องคอนโซลที่ปัญหาการเล่นเกมเถื่อนลดลงไปมากเมื่อพ้นยุค PS2 เป็นต้นมา

ขณะเดียวกัน สื่อบางแห่งก็ยังให้มุมมองที่แตกต่างออกไปว่า เวอร์ชั่นคอนโซลนั้นไม่ค่อยมีความจุกจิกในการพัฒนานัก เพราะทีม Rockstar ไม่ต้องมาพะวงเรื่องสเปค PC ของผู้เล่นแต่ละคน ผิดกับคอนโซลที่มีสเปคมาตายตัวเหมือนกันทุกเครื่อง พอทำเวอร์ชั่น PS4 หรือ Xbox One ออกมา ทุกคนที่มีเครื่องจึงเล่นได้หมด หรือถ้ามองในอีกนัยหนึ่ง เวอร์ชั่นคอนโซลก็ไม่ค่อยมีการลดราคาชนิดบ้าระห่ำเหมือน Steam ทำให้เป็นผลดีกับบรรดาค่ายเกม ที่จะได้ค่าเกมแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย อะไรทำนองนี้

—————————————————————-

2. การตลาดแบบไม่แคร์ใคร

นับตั้งแต่ GTA ดังเป็นพลุแตก ฟันกำไรให้ Rockstar ชนิดที่ว่าชาตินี้ทำแต่ GTA ซีรีส์เดียวก็เลี้ยงดูพนักงานทุกคนได้ยาวๆ หลังจากนั้นมา Rockstar ก็ดำเนินแผนการตลาดที่ “โนสน โนแคร์” จนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่การไม่ไปร่วมเปิดบูธของค่ายตัวเองตามงานเกมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น E3, Gamescom ฯลฯ แต่กลับใช้วิธีโปรโมทเกมใหม่ๆ ด้วยการแปะคลิป Trailer หรือ Screenshot ลงแชนเนลหรือช่องทางโซเชียลมีเดียของตัวเองเท่านั้น อารมณ์ประมาณว่า โปรโมทแค่นี้ เดี๋ยวคนก็มาซื้อเอง เกมของข้า วางจำหน่ายเมื่อไหร่ก็มีคนแห่มาซื้ออยู่แล้ว (ซึ่งยอดขายก็พุ่งทะลุเพดานจริงๆ) หรือถ้าจะมีไปแจมในงานเกมก็จะเป็นในลักษณะโผล่เป็นคลิปโปรโมทคอนเท้นท์ Exclusive สำหรับผู้ที่พรีออเดอร์เกมเวอร์ชั่น PS4 หรือ Xbox One เป็นต้น

นอกจากนี้ Rockstar ยังมีสไตล์การโฆษณาที่โชว์ความคิดสร้างสรรค์ของการดึงเอกลักษณ์ของเกมมาโปรโมทได้ดีมาก ดังจะเห็นได้จาก GTA 4 ที่มีแคมเปญทำภาพประกาศจับตัวละครในเกมแปะไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วหัวเมืองสำคัญของสหรัฐอเมริกา หรือใช้โลเคชั่นที่เป็นตึก 3 หลังมาใช้โปรโมท 3 ตัวละครหลักของ GTA 5 เป็นต้น ซึ่งการโฆษณาลักษณะนี้ นอกจากไอเดียจะดีแล้วยังสามารถเข้าถึงและเกิดการรับรู้ต่อคนหมู่มากด้วย

—————————————————————-

3. โหมดออนไลน์ที่ดี ย่อมสร้างฐานคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่งได้

นอกเหนือไปจากแผนการตลาดที่กลั่นกรองโดยทีมมาร์เก็ตติ้งของ Rockstar แล้ว การสร้างคอมมูนิตี้ของกลุ่มผู้เล่นโหมดมัลติเพลเยอร์ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ทรงประสิทธิภาพชนิดที่ไม่ควรมองข้ามครับ ซึ่ง Grand Theft Auto Online เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดของการวางรากฐานของระบบออนไลน์ไว้ได้ดีมาก ภายในโหมดดังกล่าว ผู้เล่นสามารถเข้ามาพบปะเพื่อทำกิจกรรมในเกมร่วมกัน อาทิ วางแผนปล้น แข่งขันกีฬาสุดหฤโหด หรือแม้แต่จะไปเกรียนทั่วเมือง Los Santos ร่วมกันก็ย่อมได้ กิจกรรมที่กล่าวมาทั้งหมด สามารถผลาญเวลาได้เป็นวันๆ แทบไม่รู้เบื่อ หนำซ้ำยังสามารถโพสต์อวดผลงานของเราในเกมลงโลกโซเชียลได้อีกด้วย

เมื่อมีคนเข้ามาเล่นในโหมดออนไลน์กันมาก ย่อมก็ต้องมีผู้เล่นตั้งกลุ่มสมาคมเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับตัวเกมกันเป็นวงกว้าง ซึ่งกลุ่มที่ตั้งกันก็จะมีทั้งแบบสร้าง Clan ในเกม หรือตั้งห้องกลุ่มสนทนาบน Facebook พอผู้เล่นมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นจำนวนมาก ตัวเกมก็เหมือนได้รับการประชาสัมพันธ์โดยที่ Rockstar ไม่ต้องเหนื่อยลงทุนในส่วนนี้เลยด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบัตรเงินสด (Shark Cash Card) ในเกมที่ขายดีเทน้ำเทท่า ติดอันดับไอเทมขายดีบน PlayStation Store และ Xbox Live อยู่แทบทุกเดือน ย่อมการันตีได้ว่าเม็ดเงินใน Grand Theft Auto Online น่าจะสะพัดเป็นว่าเล่นเลยละครับ

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้