วันที่ 21 ธันวาคม 2533 หรือวันนี้เมื่อ 26 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่ายของเกม Final Fight บนเครื่อง Super Famicom ที่ประเทศญี่ปุ่น โดย Final Fight นี้น่าจะเป็น 1 ในซีรีส์ที่เพื่อนๆ ที่อายุเข้าสู่เลข 3 แล้วน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ในฐานะที่เป็น 1 ในเกมแนวแอ็กชั่นตะลุยด้านข้างแบบ 2D ยุคบุกเบิกและได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนั้น
เนื้อเรื่องของเกม Final Fight จะกล่าวถึงเจสสิก้า (Jessica) ลูกสาวของ ไมค์ แฮกการ์ (Mike Haggar) อดีตนักมวยปล้ำอาชีพที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ของเมืองเมโทรซิตี้ (Metro City) ได้ถูกแก๊งแมดเกียร์ (Mad Gear) ลักพาตัวไปเพื่อบีบบังคับให้แฮกการ์ยอมร่วมมือในแผนการอันชั่วร้ายของพวกมัน ทว่าด้วยใจรักความยุติธรรม แฮกการ์ จึงหันไปร่วมมือกับ โคดี้ (Cody) แฟนสาวของเจสสิก้า ในการบุกรังของแมดเกียร์และช่วยเจสสิก้าออกมาให้สำเร็จ
ระบบของเกม Final Fight นั้นจะสามารถเล่นได้ 2 คนพร้อมกันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นตู้อาเขดหยอดเหรียญครับ โดยตอนเริ่มเกมก็จะมีตัวละครมาให้เลือกใช้ถึง 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ กาย (Guy), โคดี้ และ แฮกการ์ แต่เนื่องด้วยศักยภาพของเครื่อง Super Famicom ในตอนนั้นยังไม่อำนวย ทาง Capcom จึงต้องแบ่งให้ Final Fight ภาคแรกแบ่งออกเป็น 2 เวอร์ชั่น โดยเวอร์ชั่นแรกมีแต่โคดี้และแฮกการ์ให้เล่น ส่วนอีกเวอร์ชั่นก็จะเลือกเล่นได้แต่กายและแฮกการ์ และทั้ง 2 เวอร์ชั่นก็เล่นได้แค่คนเดียว ไม่สามารถเล่นพร้อมกัน 2 คนได้ ซึ่งแต่ละตัวละครก็จะมีความสามารถในการต่อสู้คนละสไตล์
การบังคับของเกมนี้จะค่อนข้างพื้นๆ และเข้าใจได้ง่ายสำหรับมือใหม่ เพราะนอกจากปุ่มบังคับทิศทางการเคลื่อนที่แล้ว ก็จะมีเพียงปุ่มโจมตีและปุ่มกระโดด และถ้าหากผู้เล่นกดทั้งปุ่มโจมตีและปุ่มกระโดดพร้อมกัน ก็จะเป็นท่าไม้ตายที่โจมตีศัตรูรอบตัว (แต่มีข้อเสียคือเมื่อใช้แล้วจะเสียพลังชีวิตเล็กน้อย) ส่วนการจับทุ่มนั้น ผู้เล่นสามารถทำได้โดยการเดินไปชนตัวศัตรู ตัวละครจะทำการจับศัตรูตัวนั้นโดยอัตโนมัติ (ถ้าไม่โดนมันอัดสวนเสียก่อน) แล้วค่อยกดปุ่มโจมตีพร้อมกับปุ่มทิศทางที่ต้องการทุ่มศัตรูตัวนั้นไป แต่ถ้าเป็นแฮกการ์ก็จะมีท่าทุ่มอีกแบบ คือระหว่างที่จับตัวศัตรูได้ ให้กดปุ่มกระโดดตามด้วยปุ่มโจมตีก็จะเป็นท่าทุ่ม ไพล์ไดรเวอร์ ที่มีพลังโจมตีสูงกว่า ในขณะที่โคดี้จะมีความพิเศษตรงที่เมื่อหยิบอาวุธที่เป็นมีดมาใช้ เวลากดใช้มีดโจมตีศัตรูระยะประชิดจะเป็นการเอามีดจิ้ม ต่างจากตัวละครอื่นที่จะเป็นการปาออกไป และสุดท้ายคือกาย ที่จะสามารถกระโดดชิ่งกำแพงหรือขอบฉากได้ (เหมือนชุนลีใน Street Fighter) ทั้งนี้ Final Fight ตัวเวอร์ชั่นที่ลงตู้เกมอาเขตจะมีความยาวทั้งหมด 6 ด่าน และยังมีฉากเก็บคะแนนโบนัสให้เล่นอีก 2 ฉาก และจะมีบอสอยู่ท้ายฉากรวมทั้งหมด 6 ตัว (ด่านละตัว) แต่พอโยกมาลงเครื่อง Super Famicom จำนวนด่านก็ถูกหั่นลงเหลือ 5 ด่าน และตัดด่านโบนัสบางแบบออกไปด้วย
เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับเกม Final Fight
– คุณโยชิกิ โอคาโมโตะ (Yoshiki Okamoto) โปรดิวเซอร์ของ Final Fight ภาคแรกได้เผยว่าเกมนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเกม Double Dragon II: The Revenge โดยแรกเริ่มนั้นทางฝ่ายขายของ Capcom นั้นต้องการจะให้ทีมพัฒนาของบริษัทลองทำภาคต่อของเกม Street Fighter ภาคแรก ซึ่งทีมของคุณโอคาโมโตะได้ตั้งใจแต่ทีแรกว่าจะให้ Final Fight เป็นภาคต่อของ Street Fighter แหละครับ แต่พอทำไปทำมา ทาง Capcom ก็มีคำสั่งให้ใช้ชื่อ Final Fight ไปตามเดิม เนื่องจากว่าตัวเกมที่ทำออกมานั้นไม่ได้มีความเหมือนหรือคล้าย Street Fighter เลยแม้แต่นิดเดียว
– ยอดขายของ Final Fight ภาคแรก เมื่อนับรวมทุกแพลตฟอร์มแล้ว สามารถทำไปได้ 3.4 ล้านชุดทั่วโลกครับ และแม้จะมีการทำภาคต่อออกมาบ้างประปราย แต่ก็ไม่มีภาคใดที่ทำยอดขายได้สูงเท่าที่ภาคแรกเคยทำไว้ได้อีกเลย
– ความสำเร็จของ Final Fight ภาคแรก ไม่ได้มีเพียงยอดขายเท่านั้น หากแต่ความนิยมของมันยังส่งผลถึงกระแสจากผู้เล่นในช่วงคริสต์ศักราช 1989-1991 ที่ใครๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "นึกถึงเกมลุยด้านข้างต่อยอันธพาล ต้องนึกถึง Final Fight ก่อนเสมอ"