รู้จักกับ Naughty Dog ค่ายเกมสุดเทพใต้ชายคาของ Sony

ถ้าเอ่ยถึงทีมพัฒนาเกมที่ชื่อ Naughty Dog หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า "หมาซน" นั้น เกมที่หลายๆ คนรู้จักก็คงหนีไม่พ้นซีรีส์ Uncharted อันแสนโด่งดัง หรือแม้แต่เกมที่เปี่ยมไปด้วยเนื้อหาอันแสนจะดราม่าอย่าง The Last of Us ที่กวาดยอดขายและรางวัลไปมากมายกันนะครับ 

แน่นอนว่าสำหรับผู้ที่เล่นเกมมาตั้งแต่สมัยเครื่อง PS1 ก็คงจะคุ้นหูชื่อทีมสร้างนี้มาก่อนหน้านั้นแล้วเพราะงานสร้างชื่อของพวกเขาในสมัย PS1 ก็เป็นเกมใดไปไม่ได้นอกจาก Crash Bandicoot อันเป็นเกมแอ็กชั่นแพลตฟอร์มที่โด่งดังอีกเกมหนึ่งเช่นกัน

แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดว่าเกมแรกของพวกเขาคือเกม Crash Bandicoot ครับ ทว่าแท้จริงแล้วประวัติของทีมนี้ต้องถือว่ามีที่มาและจุดกำเนิดก่อนหน้านั้นนานพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งทีมงาน play จะขอนำเสนอให้ชมกันโดยสังเขปครับ

เดิมทีทีม Naughty Dog นี้เกิดขึ้นมาได้จากมันสมองของ 2 เพื่อนสนิทชาวอเมริกัน 2 คนที่ชื่อ เจสัน รูบิน (Jason Rubin) และ แอนดี้ เกวิน (Andy Gavin) ครับ พวกเขาเริ่มสร้างทีมกันขึ้นมาในชื่อว่า Jam Software ในตอนที่ทั้งสองมีอายุเพียง 15 ปี (พ.ศ. 2527) และได้สร้างเกมสกีขึ้นมาที่ชื่อ Ski Crazed ซึ่งเป็นเกมสำหรับเล่นบน Apple II ครับ โดยที่ตัวเกมได้รับการจัดจำหน่ายโดยบริษัท Baudville ที่ซื้อเกมนี้ไปด้วยราคา 250 เหรียญในสมัยนั้น

ต่อมาทั้งสองก็ได้พัฒนาเกมอื่นๆ เช่น Dream Zone บนเครื่อง Apple IIGS (และได้รับการพอร์ตไปเครื่องอื่นในภายหลัง) รวมถึงเกม Keef the Thief บนเครื่อง Apple IIGS, Amiga และ PC (ซึ่งเกมนี้ได้รับการจัดจำหน่ายโดยบริษัทที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันดีอย่าง Electronics Arts นั่นเอง) และด้วยความที่ทั้งสองต้องการจะตัดความสัมพันธ์กับ Baudville จึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อจาก Jam Software มาเป็น Naughty Dog ในที่สุด

แต่ถึงกระนั้น เส้นทางของพวกเขาก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่ครับ เพราะในปี พ.ศ. 2534 ที่พวกเขาพัฒนาเกมใหม่มาวางจำหน่ายอย่าง Rings of Power (วางจำหน่ายบนเครื่อง Mega Drive ของ Sega) นั้น พวกเขาทั้งสองต่างก็ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยและตัวบริษัท Naughty Dog เองนั้นก็กำลังประสบกับปัญหาทางการเงินอย่างหนักจนใกล้ล้มละลายเต็มที 

ด้วยเหตุนี้เอง เกมต่อมาของทีมนี้ที่ชื่อ Way of the Warrior จึงมีการพัฒนาที่เป็นไปอย่างทุลักทุเลและประหยัดเอาการเพราะทุนสร้างแทบจะไม่เหลือ และเนื่องจากเกม Way of the Warrior เป็นเกมไฟท์ติ้ง 2D ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Mortal Kombat จึงต้องมีการถ่ายภาพคนจริงๆ เพื่อนำมาใช้เป็นตัวละครในเกม ซึ่งบรรดาตัวละครทั้งหมดก็ไม่ใช่ใครอื่นครับ แต่เป็นบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ของทุกๆ คนในทีมสร้างนั่นล่ะ แถมการถ่ายทำโมชั่นแคปเจอร์ก็ต้องทำกันในอพาร์ทเมนต์เพราะไม่มีเงินจะไปเช่าสตูดิโอดีๆ กัน จะใช้บลูสกรีนก็ไม่ได้จึงต้องใช้วิธีเอากระดาษแปะทับหน้าต่างเพื่อใช้เป็นฉากหลังแทน ฯลฯ

แต่พอพ้นความยากลำบากมาได้ เมื่อเกมเสร็จสมบูรณ์ พวกเขาก็นำเกมไปเสนอให้แก่บริษัท Universal Interactive Studios โดยมีคุณมาร์ค เซอร์นี่ (Mark Cerny) เป็นผู้พิจารณา (คนๆ นี้ภายหลังกลายมาเป็นผู้ออกแบบเครื่อง PS4 ให้กับ Sony ครับ) ซึ่งเมื่อได้เห็นตัวเกมแล้วคุณเซอร์นี่ก็ถูกใจ จึงจับ Naughty Dog มาเซ็นสัญญาให้บริษัท UIS เป็นผู้จัดจำหน่ายเกมนี้บน 3DO รวมถึงเซ็นสัญญาให้ Naughty Dog พัฒนาเกมอีก 3 เกมเพื่อให้ UIS จัดจำหน่ายอีกด้วย

และแน่นอนว่าเกม 3 เกมที่ว่านั่นก็ไม่ใช่เกมอื่นใด หากแต่เป็น Crash Bandicoot 1, 2 และ 3 นั่นเองครับ โดยภาคแรกนั้นเรียกได้ว่าแทบจะพลิกชีวิตของทีม Naughty Dog เลย เพราะตัวเกมถือเป็น 1 ในเกมที่ขายดีที่สุดบน PS1 ซึ่งทำยอดขายไปได้ถึง 6,800,000 ชุด

ภายหลังจากความสำเร็จของ Crash Bandicoot นั้น ทีมหมาซนเองก็เริ่มให้ความสนใจที่จะมาพัฒนาเกมให้แก่ Sony โดยตรงแล้ว จนในที่สุด Sony ก็ตัดสินใจซื้อทีมนี้ขึ้นมาอยู่ใต้สังกัดจนได้ครับ (อย่างไรก็ตาม สิทธิ์ในเกม Crash Bandicoot นั้นยังคงอยู่กับ UIS ซึ่งปัจจุบันนี้สิทธิไปอยู่กับ Activision ผู้เป็นเจ้าของเกมแนว FPS ชื่อก้องโลกอย่าง Call of Duty ไปเรียบร้อย) และก็ได้พัฒนาเกมดังๆ อย่างซีรีส์ Jak and Daxter มาสู่ 2 ซีรีส์สุดดังอย่าง Uncharted และ The Last of Us นั่นเอง

ปัจจุบันนี้ทั้งคุณเจสัน รูบิน และคุณแอนดี้ เกวิน ต่างก็ไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ ใน Naughty Dog แล้วครับ โดยคุณรูบินนั้นได้ย้ายไปทำงานอยู่ในบริษัท Oculus VR ที่หลายๆ คนน่าจะรู้จักกันบ้างแล้ว ส่วนคุณเกวินนั้นได้ผันตัวเองไปเป็นนักเขียนนิยายแทน

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้