Gundam 0079: The War for Earth เกมกันดั้มที่เหมือนดูหนัง

ปกติแล้วเกมกันดั้มที่หลายๆ คนเล่นมักจะเป็นเกมแนวต่อสู้ ชู้ตติ้ง หรือวางแผนการรบ ซึ่ง 3 แนวนี้จะพบบ่อยมากในเกมที่มาจากอนิเมะซีรีส์กันดั้ม แต่น้อยคนที่จะรู้ว่ากันดั้มเคยมีเกมที่แหวกแนวกว่าชาวบ้านเช่นกัน ซึ่งก็คือเกมแนว Interactive Movie ว่าง่ายๆ คือเป็นเกมที่ให้เราดูหนังและเลือกคำสั่งเพื่อดูเหตุการณ์ต่อไป โดยเป็นแนวเกมที่ได้รับความนิยมมากในช่วงกลางทศวรรษ 90 เพราะเป็นเกมที่โชว์ประสิทธิภาพของเครื่องเล่นเกมที่มีสื่อ CD ในการเล่น เป็นการโฆษณาว่าความจุ CD สามารถจุหนังได้ทั้งเรื่อง (ใครเคยเล่น Sega CD จะเจอเกมแนวนี้บ่อยมาก) และนี่เป็นเกมกันดั้มเพียงเกมเดียวที่ผู้พัฒนาเป็นชาติตะวันตก นั่นก็คือ Presto Studios ซึ่งปิดตัวไปแล้วเมื่อปี 2002 โดยมีเกมที่มีชื่อเสียงที่สุดของค่ายอย่าง The Journeyman Project และ Myst III: Exile ซึ่งกันดั้มนี้เป็นเกมแรกของสตูดิโอครับ

เท้าความกันก่อนว่าเกม Gundam 0079: The War for Earth ได้เลือกจับเนื้อเรื่องของกันดั้มภาคแรกสุดมาทำ โดยเนื้อเรื่องจะเล่าถึงการปะทะกับกัลม่า ซาบี้ แต่เนื้อในจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายส่วน ส่วนที่ใหญ่ที่สุดคือการตัดเนื้อหาส่วนตัวของอามุโร่ทิ้งทั้งหมด ฉะนั้นในเกมเราจะไม่เห็นตัวของอามุโร่ เพราะเกมจะสมมุติให้เราเป็นอามุโร่แทน ซึ่งเกมจะสื่อมาในรูปแบบของหนังโดยใช้นักแสดงจากชาติตะวันตกมาแสดงเป็นบทบาทที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น กัปตันไบร์ท ชาร์ เซล่า หรือกัลม่า แต่การแคสนักแสดงเรียกว่าหายนะ เพราะแทบไม่มีเค้าโครงว่านี่คือตัวละครที่เรารักและเรารู้จักเลย (หนักสุดคือเรียวกับไค) มาพร้อมกับโปรดักชั่นที่ทุนต่ำพอๆ กับหนังเกรด B โดยเนื้อเรื่องทั้งเกมนี้เหล่านักแสดงจะแสดงในฉากกรีนสกรีน

ส่วนพวกโมบิลสูท สิ่งของ ฉากทั้งหลายสร้างขึ้นด้วย 3D Polygon ระดับธรรมดา จึงทำให้ดูแปลกตาไม่สมจริงอย่างชัดเจน ส่วนเนื้อเรื่องนั้น เนื่องจากว่ามันถูกย่อเรื่องราวกันดั้ม 10 กว่าตอนให้จบลงใน 40 นาที แน่นอนว่าย่อมตัดเนื้อเรื่องเพียบจนไม่มีมุมตื้นลึกของตัวละครใดๆ ทั้งสิ้น ฉะนั้นหากใครคิดว่าการเล่นเกมนี้จะช่วยให้สนุกกับเนื้อเรื่องกันดั้มภาคแรก ขอให้คิดใหม่แล้วไปหยิบตัวอนิเมะมาดูแทนดีกว่า (ตอนแรกตัวเกมออกให้กับเครื่อง PC ซึ่งพากย์เสียงเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ก่อนที่ภายหลังจะลงให้กับเครื่อง PS และให้นักพากย์ตัวละครจากกันดั้มพากย์ทับไปแทน)

มาในด้านเกมเพลย์ เนื่องจากเกมนี้เป็นแนว Interactive Movie ความอิสระในการเล่นจะหายไปเยอะมาก เกมมีตัวเลือกให้เราเลือกคือ เดิน โจมตี ป้องกัน และสำรวจ สามารถเปลี่ยนอาวุธได้ตามเนื้อเรื่อง เมื่อถึงจุดนี้เกมจะให้เราต้องกดปุ่มตามสถานการณ์ในหนังจาก 4 ปุ่มนี้ กดถูกเกมจะดำเนินเรื่องต่อ กดผิดตายทันทีไม่มีการแก้ตัว และนี้คือจุดที่ทั้งยากและน่าหงุดหงิด เพราะเกมไม่มีการบอกใบ้เหตุการณ์ต่อไป ทั้งหมดล้วนต้องอาศัยโชคในการลองผิดลองถูก และถ้าเกิดตายขึ้นมา เกมจะไม่ให้เริ่มจุดที่เราตาย แต่จะให้กลับไปเริ่มแชปเตอร์ใหม่ทันที (สังเกตุได้จากเวลาจบแชปเตอร์จะขึ้นหน้าจอให้จดพาสเวิร์ดมา) ฉะนั้นใครดวงซวยกดพลาดตอนท้ายๆ แชปคงแทบน้ำตาเช็ดหัวเข่ากันเลยล่ะ

และนอกจากการที่เราต้องเดาว่าปุ่มไหนถูกแล้ว หลายๆ ช่วงของเกมยังมีเวลาให้เราตัดสินใจในการกดปุ่มแทบจะเป็นเสี้ยววินาทีอีกต่างหาก (โดยเฉพาะตอนอัดกับชาร์) จากที่ว่ายากแล้วก็เลยยิ่งยากทวีคูณไปอีก และเกมไม่มีทางเลือกที่จะให้ดูเนื้อเรื่องที่ต่างออกไปด้วย เกมจะเป็นเส้นตรงจะมีเปลี่ยนบ้างนิดๆ หากเราใช้อาวุธอื่นโจมตีศัตรู ซึ่งหากใครเอามาเล่นยุคนี้คงไม่สนุก เพราะเกมแนว Interactive Movie มันล้าสมัยและตกยุคไปแล้ว แถมด้วยความยากที่ชวนเบือนหน้าหนีและคุณภาพเกมที่ไม่ได้ทรงคุณค่าชนิดห้ามพลาดอะไรอีกต่างหาก แต่อย่างน้อยมันก็นับเป็นเกมความทรงจำดีๆ เกมหนึ่งในวัยเด็กที่นั่งจับจอย PS1 แล้วสนุกไปกับหนังทุนต่ำของมันแล้วร้อง "ว้าวกันดั้มเท่สุดๆ"

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้