ในช่วงปี 2549 ที่เกมเมอร์กำลังตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของเครื่องเกมยุคใหม่อย่าง PS3, Xbox 360 และ Wii ซึ่งเป็นศึกสงครามระดับยักษ์ชนยักษ์ที่คงไม่มีใครอยากเข้าไปวัดรอยเท้าด้วย เพราะคงจะกลับมาแบบไม่ครบ 32 ประการแน่นอน แต่ในมุมเล็กๆ บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ Mattel ผู้เคยสร้างผลงานอันลือลั่นอย่าง Power Glove ถุงมือเล่นเกมที่เล่นไม่ได้ แต่เท่ อยากจะขอร่วมแชร์ตลาดเกมคอนโซลที่กำลังร้อนแรง ด้วยการทำเครื่องเกมคอนโซลของตนเองในนามว่า HyperScan
HyperScan เป็นเครื่องคอนโซลที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก โดยมันหนาเท่ากับกล่อง DVD และกว้างกว่าแผ่น CD นิดหน่อย ประสิทธิภาพเครื่องก็ใช้ CPU 32 Bit (เท่ากับ PS1) Ram 16 Mb ความละเอียดของภาพ 640×480 และแสดงผลสีได้จำนวน 65,535 สี (เท่ากับมือถือยุคต้นปี 2000) ใช้แผ่น CD เป็นสื่อในการเล่น ดูจากประสิทธิภาพแล้วคงอุทานกันใช่ไหมครับว่านี้มันเครื่องเกมหลงยุคหรือยังไง ประสิทธิภาพโดยรวมมันห่วยกว่า PS1 เสียอีก แต่ว่าเจ้าเครื่องนี้มันพิเศษอยู่อย่างหนึ่งครับ คือบรรดาเกมที่ลงกับเครื่องนี้จะแถมการ์ดมาให้ และการ์ดเหล่านี้เราสามารถที่จะใช้สแกนกับเครื่องเพื่อเล่นได้ด้วย! เช่น ใช้การ์ดสแกนเพื่อเลือกตัวละครในเกมต่อสู้ หรือใช้ความสามารถพิเศษในเกมแอ็กชั่น ฟังดูแล้วแทบร้องอู้หูกันไหมล่ะคุณ เยี่ยมโคตรๆ รวมถึงเกมที่มาลงให้เครื่องก็ยังเป็นเกมที่มาจากแบรนด์ดังๆ อย่าง X-Men, Marvel หรือ Ben-10
แต่นั่นแหละครับ เอาเข้าจริงๆ ระบบสแกนนี่แหละที่มันดันเป็นข้อเสียใหญ่หลวงของเครื่อง เพราะฟีเจอร์หลายๆ อย่างในเกมนั้นการกดปุ่มเลือกมันทำได้ง่ายกว่า กลายเป็นว่าเกมที่ออกมาใช้ระบบสแกนกลับทำให้เครื่องดูแย่ลงไปอีก แถมกราฟิกของเกมในเครื่องเหมือนหลุดมาจากยุคปลายๆ ของ Super Famicom จนถึงต้นยุค PS1 ถ้าพูดแบบสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ คือ ตกยุคสุดๆ และนอกจากนี้ด้วยประสิทธิภาพเครื่องที่หลงยุค ทำให้การโหลดแต่ละเกมใช้เวลาชนิดว่าคุณสามารถเดินลงไปกินข้าวแล้วกลับขึ้นมา เกมก็เพิ่งจะโหลดเสร็จตอนนั้นแหละ และเกมก็ออกมาแย่และไม่สนุก ทำให้เครื่องนี้มีเกมออกมาเพียง 5 เกมเท่านั้น (ย้ำว่าแค่ 5 เกม) สุดท้ายมันก็ถูกยกเลิกสายการผลิตไปในปี 2550 สิริอายุรวมของเครื่องนี้คือ 1 ปี กลายเป็นเครื่องคอนโซลที่ถ้าเราไปพูดชื่อนี้กับใคร เขาก็คงจะถามกลับมาว่า "มันเคยมีเครื่องนี้บนโลกด้วยเรอะ!?"