ย้อนรอย Game Gear เครื่องเกมพกพาผู้หาญท้าชิง Game Boy

ย้อนรอย Game Gear เครื่องเกมพกพาผู้หาญท้าชิง Game Boy

ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 หรือประมาณเกือบ 30 ปีที่แล้ววงการเกมคอนโซลได้มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อทาง Nintendo ได้วางจำหน่าย Game Boy ที่เป็นเครื่องเกมแบบพกพารุ่นใหม่ออกมา โดยมันเป็นเครื่องที่สามารถเปลี่ยนตลับเกมเล่นได้ จากเดิมที่เครื่องเกมพกพาในสมัยนั้นจะเล่นได้เพียงเกมเดียว ซึ่งเป็นแบบเกมฝังในเครื่องนั้นๆ ไปเลย และก็แน่นอนครับว่าทาง Sega ที่เป็นคู่ปรับรายสำคัญของ Nintendo ในตลาดคอนโซลย่อมไม่ยอมน้อยหน้า จึงพยายามหากลยุทธ์มางัดกับ Game Boy แทบทุกวิถีทาง จนทีมพัฒนาจาก Sega ได้เล็งเห็นจุดด้อยหนึ่งของเครื่องพกพาฝั่ง Nintendo ว่า "เฮ้ย! เครื่อง Game Boy มันแสดงผลด้วยภาพขาวดำนี่หว่า ถ้าเราลองทำเครื่องเกมพกพาที่เป็นภาพสีดู มันต้องดึงความสนใจคนได้มากกว่าแน่ๆ" สุดท้ายเลยเกิดเป็นโปรเจ็กต์พัฒนาเครื่องเกมพกพาที่มีชื่อว่า Game Gear โดยวางจำหน่ายครั้งแรกในญี่ปุ่นวันที่ 6 ตุลาคม 2533 และในวาระที่วันนี้เป็นวันครบรอบของการวางจำหน่าย Game Gear ครบ 26 ปี ทีมงาน play เลยขอนำเสนอบทความรำลึกเจ้าเครื่องพกพาตัวนี้กันครับ

Game Gear เป็นเครื่องเกมพกพาระดับ 8 บิตที่มีรูปทรงและจอแสดงผลแบบแนวนอน สวนทางกับ Game Boy ที่เป็นมีรูปทรงเครื่องเป็นแบบแนวตั้ง ซึ่ง Sega ภูมิใจเสนอฟีเจอร์สำคัญของ Game Gear ด้วยการที่มันสามารถแสดงผลเป็นภาพสีได้ ซึ่งช่วงก่อนที่ Game Gear จะวางตลาด ทาง Sega ก็เคยประสบความสำเร็จพอสมควรกับเครื่อง Mega Drive (หรือ Genesis ในเวอร์ชั่นอเมริกา) ที่ชูคอนเซ็ปต์ของภาพลักษณ์เครื่องที่มีความเป็นผู้ใหญ่สูงกว่าเครื่องจากฝั่ง Nintendo และครั้งนี้ก็เช่นกันครับว่า Sega เองก็ยังคงต้องการให้ Game Gear เป็นเวอร์ชั่นที่ "เติบโตขึ้น" ของเครื่อง Game Boy เพื่อหวังดึงผู้เล่นหน้าใหม่ที่เป็นวัยรุ่น วัยทำงานเข้ามาด้วย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะราคาเครื่องที่แพงกว่า Game Boy นั่นเอง แถมด้วยความที่มันเป็นเครื่องเกมจอสี จึงต้องใช้ถ่านขนาด AA จำนวน 6 ก้อนในการเล่นราวๆ 3-5 ชั่วโมง (Game Boy ใช้ถ่าน AA จำนวน 4 ก้อน เล่นได้ราวๆ 15-20 ชั่วโมง)

(ล่าง) หน้าตาของ Game Gear ตอนเปิดเครื่อง

เกมเมอร์ที่อเมริกามักจะทราบกันดีครับว่ายุคนั้นระหว่าง Nintendo กับ Sega นอกจากจะเป็นคู่แข่งทางตลาดแล้วยังเป็นไม้เบื่อไม้เบากันมานานด้วย (มาดีขึ้นหลังจากที่ Sega เลิกผลิตเครื่องคอนโซลตอนพ้นเจน Dreamcast) อย่างตอนที่ Sega โปรโมท Game Gear ก็ได้มีข้อความโปรโมทเพื่อโฆษณาตัวเครื่องอารมณ์ประมาณว่า ถ้าหากคุณเป็นคนที่ประสบปัญหาตาบอดสีและมีไอคิวน้อยกว่า 12 ก็คงแยกไม่ออกว่าคุณถือเครื่องพกพายี่ห้ออะไรอยู่ โดยประโยคดังกล่าวได้เหมือนเป็นการประกาศสงครามกับ Nintendo จนทาง Nintendo ต้องออกมาประนามการใช้คำพูดโฆษณาของ Sega ว่าเป็นการดูหมิ่นผู้มีปัญหาทางสายตาและผู้บกพร่องทางสติปัญญา แต่ทาง Sega ก็ออกมาโต้ทันควันว่าแทนที่ Nintendo จะมาโจมตีพวกตน พวกเขาควรจะเอาเวลาไปพัฒนาเครื่องเกมของตัวเองและปรับยุทธวิธีทางการตลาดมากกว่าจะมาวิพากษ์วิจารณ์เครื่องคู่แข่งแบบนี้

(ล่าง) Game Gear สามารถติดอุปกรณ์เสริมที่ชื่อว่า TV Tuner เพื่อดูทีวีบนจอของตัวเครื่องได้ ซึ่งต้องซื้อแยกต่างหากครับ

สุดท้ายศึกเครื่องเกมพกพาระหว่าง Game Boy กับ Game Gear ก็จบลงอย่างง่ายดายด้วยความแพ้ภัยตัวเองของ Game Gear ที่ขายไปได้เพียง 10.62 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งสาเหตุหลักที่ผู้คนไม่ค่อยให้ความสนใจ Game Gear เท่าที่ควร ก็เป็นเพราะว่ามีเกมให้เลือกเล่นน้อยกว่า Game Boy อยู่มาก อีกทั้งประเด็นเรื่องภาพสียังไม่ใช่ปัจจัยที่แข็งแรงพอที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เล่นได้ หากแต่คุณภาพและเนื้อหาของเกมต่างหากที่คนเล่นให้ความสนใจมากกว่า ดังนั้นความคิดที่ Sega มองว่าถ้านวัตกรรมเหนือกว่าแล้วจะครองตลาดคอนโซลได้จึงเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ในที่สุด Game Gear ก็ยุติสายการผลิตไปในวันที่ 30 เมษายน 2540 เป็นอันปิดฉากหน้าประวัติศาสตร์ของ Game Gear หนึ่งในเครื่องเกมพกพาที่หาญกล้ามาต่อกรกับ Game Boy

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้