Review: Resident Evil 4 HD Remaster (PS4 / Xbox One)

Review: Resident Evil 4 HD Remaster (PS4 / Xbox One)

หากจะให้นึกถึงเกมที่ถูกนำมาพอร์ตและรีมาสเตอร์บ่อยครั้งที่สุด ผู้เขียนเชื่อว่า Resident Evil 4 คงจะได้เป็น 1 ในเกมที่ติดทำเนียบที่ว่านี้แน่นอน และ ชินจิ มิคามิ ผู้กำกับเกมนี้ก็คงต้องฮาราคีรีจนหน้าท้องไม่เหลือช่องว่างให้คว้านพุงอีกแหงๆ หลังจากที่ไปโชว์ความมั่นใจเกินตัวว่าถ้าใครเห็นเกมนี้ไปวางจำหน่ายบนเครื่องอื่นนอกเหนือจาก GameCube ก็จะฮาราคีรีตัวเองเสีย โดยหารู้ไม่ว่าบริษัทที่ตัวเองสังกัดอยู่ตอนนั้น (Capcom) ดันเป็นเจ้าพ่อของการทำเกมลงมัลติแพลตฟอร์มเลยเหอะ!

สำหรับเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์บน PS4 นี้ สิ่งที่สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดก็คงเป็นกราฟิกที่คมชัด ชนิดที่เห็นลีออนหล่อทะลุแป้งกันเลยทีเดียว บวกกับเฟรมเรตที่ลื่นแทบหัวทิ่มระดับ 60 FPS ไม่ว่าจะเป็นตอนบู๊แหลกกับศัตรูนับสิบตัวหรือวิ่งสำรวจฉากที่กว้างๆ ซึ่งแม้แต่สมัยที่รีมาสเตอร์บน PS3 และ Xbox 360 ยังรันได้แค่ 30 FPS เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราได้เห็นทั้งความเป็น HD และ 60 FPS มันไม่ได้ติดอยู่กับตัวเกมในทุกๆ ช่วงครับ เนื่องจากว่าแม้ภาพระหว่างเล่นและคัตซีนจะเป็นระดับ HD ก็จริง แต่พอถึงช่วงที่เป็นมูวี่ (เช่นมูวี่ตอนเริ่มที่ลีออนเล่าเกี่ยวกับ Umbrella ก่อนที่จะตัดเข้าฉากที่อยู่บนรถกับตำรวจ 2 คน) ภาพจะมัวและแตกทันที ถ้าเพื่อนๆ จำเกมนี้บนเวอร์ชั่น PS2 ได้ ที่คุณภาพของมูวี่ย่ำแย่มาก เพราะใช้วิธีแปะไฟล์มูวี่ลงไปแทนที่จะเป็นแบบ Realtime เหมือนสมัย GameCube นั่นเอง

เช่นเดียวกันกับประเด็นด้านเฟรมเรตครับ เราอาจจะยิงภูเขาเผากระท่อมด้วยปืนนานาชนิดกับศัตรูที่มาพร้อมกันนับสิบได้โดยเฟรมเรตไม่ร่วง แต่ทว่ามันดันมาตกม้าตายกับการรีโหลดกระสุนปืนบางชนิดซะงั้น โดยผู้เขียนได้ลองรีโหลดกระสุนกับปืนไรเฟิลดู ปรากฏว่าเฟรมเรตร่วงดิ่งจนเหลือไม่ถึง 30 FPS ทันที ซึ่งนี่ถือว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เพราะตัวเกมเองก็ออกมาตั้งแต่ 2 เจนก่อนหน้าแล้ว (GameCube อยู่ในเจนเดียวกับ PS2) การควบคุมเฟรมเรตให้นิ่งที่ 60 FPS ตลอดไม่ได้จึงดูเลวร้ายทันที

อีกเรื่องที่น่าผิดหวังก็คือเรื่องของระบบเสียง ซึ่งซาวด์ของเกมนี้สมัยลงบนเครื่อง GameCube จะเป็นระบบ DolbyPrologic II แบบจำลอง แต่พอรีมาสเตอร์มาลง PS4 แล้วใช้หูฟังแบบ 7.1 ฟังดู กลายเป็นว่าเราจะได้ยินเสียงที่ไม่น่าจะได้ยินเข้ามาในหูเต็มไปหมด ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือในช่วงท้าย Chapter 1-1 ตอนกำลังจะเข้าบ้านร้างที่ต้องช่วยลูอิสที่ถูกขังอยู่ในตู้ โดยในเวอร์ชั่น PS4 นี้เราจะได้ยินเสียงลูอิสเขย่าตู้ตั้งแต่เราพ้นอุโมงค์มาเลย (อุโมงค์ที่มี Spinel ฝังเพดาน 2 เม็ด) ซึ่งอุโมงค์นี้ก็อยู่ห่างจากบ้านที่ว่าร่วม 100 เมตรได้ แถมตั้งแต่ปากอุโมงค์จนถึงบริเวณหน้าตู้ เสียงเขย่าตู้จะดังในระดับที่เท่ากันตลอดครับ กลายเป็นว่าระยะทางของวัตถุที่อยู่ใกล้-ไกลดันไม่มีผลกับระดับความดังของเสียงเลย

สรุปแล้วราคาเกม 790 บาท (เวอร์ชั่น PS4 และ Xbox One) ยังถือว่าแพงเกินไปเลยกับคุณภาพในการรีมาสเตอร์ของซีรีส์นี้ด้วยน้ำมือของ Capcom หากเทียบกับเกมของค่ายอื่นๆ ที่รีมาสเตอร์แล้วใส่ Photo Mode, พ่วง DLC มาครบ ตลอดจนปรับพัฒนาและคุมเฟรมเรตกับกราฟิกไว้ได้ บางทีถ้าหาก Capcom ใส่แพลตินั่มโทรฟี่หรือ Achievement มาให้เยอะเหมือน Resident Evil 5 และ 6 ที่วางจำหน่ายออกมาก่อนหน้า ก็คงพอทำใจให้ลืมความไม่คุ้มของเกมนี้ไปได้บ้าง

คะแนน 3

—————————————————————————–

จุดเด่น

1. การแสดงผลรันที่ 60 FPS "แทบจะ" ทั้งเกม

2. ตัวเกมมีให้ปรับปุ่มว่าจะเล็งยิงแบบเกมชู้ตติ้งสมัยใหม่ (L2 + R2) หรือใช้ระบบเล็งยิงแบบออริจินัล (R1 + สี่เหลี่ยม) เหมือนพยายามเอาใจแฟนๆ ที่ชินกับการบังคับตามสมัยนิยม แต่แนะนำว่าใช้การเล็งยิงแบบเก่าจะดีกว่า เพราะการเคลื่อนไหวแบบเดินยิงไม่ได้ของเกมนี้มันเหมาะกับการเล็งแบบออริจินัลมากกว่า

จุดด้อย

1. คำว่า "60 FPS" สรุปแล้วคือมันครอบคลุมแค่ตอนวิ่ง ตอนสู้ ตอนออกแอ็กชั่นทั้งหลายแหล่เท่านั้นครับ เนื่องจากตอนรีโหลดปืนบางชนิดอย่างเช่นปืนไรเฟิล เฟรมเรตดันดรอปแบบไม่มีขี่มีขลุ่ย ทั้งๆ ที่รอบตัวเราในตอนนั้นไม่มีศัตรูอยู่เลย

2. ใน Option จะมีหัวข้อให้ปรับว่าจะเปิดหรือปิดซับไตเติ้ล แต่ในตอนที่ผู้เขียนลองเปิดเกมครั้งแรกนั้นไม่สามารถเข้าไปปรับได้ ซึ่ง ณ ตอนที่รีวิวนี้ยังเล่นไปถึงแค่กลางเรื่อง จึงต้องรอดูว่าพอจบเกมแล้วมันให้ปรับได้รึเปล่า (ถ้ายังปรับไม่ได้นี่จะแย่หนักเลย)

3. สำหรับเวอร์ชั่น PS4 จะไม่มีถ้วยแพลตินั่มให้เก็บ และเวอร์ชั่น Xbox One ก็จะมี AP ให้เก็บแค่ 200 Point เท่ากับเกมดาวน์โหลดฟอร์มเล็กทั่วไป (เหมือนเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์บน PS3 และ Xbox 360) ข้อเสียในเรื่องนี้เลยเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากสำหรับนักล่าโทรฟี่หรือ Achievement

4. กราฟิก "ระหว่างเล่น" และ "คัทซีน" เป็น HD ก็จริง แต่คุณภาพมูวี่ในเกมนี่ยังแย่อยู่ ก็คือไม่มีการเรนเดอร์มาใหม่เลย ภาพจึงดูมัวและแตกกระจุย

5. ไซส์ของจอภาพระหว่างเล่นทั้ง 4 มุมไม่จรดกับขอบจอทีวี กล่าวคือจอแสดงผลของเกมโดนล็อคสเกลไว้ให้หุบจากขอบจอแต่ละด้านเข้ามาประมาณ 2 ซม. (ง่ายๆ คือเล่นไม่เต็มจอนั่นแหละครับ แต่ไม่ใช่ Letter Box เหมือน RE4 สมัย GameCube หรือ The Evil Within ก่อนปรับแพทช์)

6. นอกจากเกมจะไม่ได้รองรับกับระบบเสียงแบบ 7.1 แล้ว ก็เหมือนไม่ได้มีการตรวจสอบคุณภาพของซาวด์ประกอบมาก่อนด้วย ดังเช่นศัตรูที่อยู่ใกล้-ไกล เวลามันเคลื่อนไหว เรากลับได้ยินเสียงดังเท่ากัน เหมือนพวกมันอยู่ตำแหน่งเดียวกันตลอดเวลา

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้