Konami หนึ่งในค่ายเกมยักษ์ใหญ่ที่อดีตเคยมีเกมหลายซีรีส์ในมือและล้วนเป็นที่รักของหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็น Metal Gear, Castlevania, Silent Hill, Tokimeki Memorial, Goemon, Gradius หรือ Dance Dance Revolution และอีกมากมาย นี่คือบริษัทที่เคยมีความสัมพันธ์อันหอมหวานกับนักสร้างเกมระดับตำนานอย่าง Hideo Kojima แต่ในวันนี้ Konami ได้กลายเป็นบริษัทที่แฟนเกมสาปส่งให้ล่มจมไม่เว้นวัน จากการกระทำที่ทำตัวเองล้วนๆ ไม่ต้องโทษใคร ซึ่งไม่นานมานี้ก็มีข่าวลือว่าบริษัทกำลังจะเข้ามาง้อแฟนเกมด้วยน้ำตานองหน้า อยากให้แฟนเกมกลับมารัก Konami อีกครั้ง แต่หนทางมันไม่ใช่ง่ายๆ
ทางทีมงาน play จึงลองวิเคราะห์ดูเล่นๆ ครับว่า ถ้าหาก Konami จะกลับมาเป็นที่เชื่อใจของแฟนเกมอีกครั้งจะต้องทำอย่างไรบ้าง จึงออกมาเป็น 5 ข้อที่ Konami ควรปฏิบัติหากอยากจะคืนความสุขแก่เกมเมอร์ ทั้งนี้ 5 ข้อที่กล่าวมาจะเป็นแค่การคืนความเชื่อใจแก่เกมเมอร์เท่านั้น โดยจะไม่ข้องแวะในส่วนอื่นของบริษัทที่มีกำไรอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจของเล่น และ Sport Club เอาละครับไปดูกันว่า 5 ข้อนี้มีอะไรบ้างดีกว่า
1. ลดปาจิงโกะ เน้นเกมมากขึ้น
นี่คือข้อหลักเลยหาก Konami จะกลับมาเป็นขวัญใจแฟนเกมอีกครั้ง คือการกลับมาทำเกมจริงๆ จังๆ ในเวลานี้ Konami เปรียบเสมือนกำลังจัดมหกรรมกวนบาทาแฟนๆ ครั้งยิ่งใหญ่ โดยนอกจากจะไม่ผลิตเกมภาคต่อที่หลายๆ คนรอคอย พี่แกกลับยกเลิกโปรเจ็กต์ทำเกม จากนั้นก็เอาเกมที่รักทุกคนไปลงตู้ปาจิงโกะ หนำซ้ำยังมีให้เล่นแค่ในญี่ปุ่น จึงนับเป็นการกวนบาทาระดับโลกที่ไม่เคยมีบริษัทเกมไหนหาญกล้าขนาดนี้มาก่อน
ทว่าตลกร้ายคือธุรกิจที่ Konami หวังปั้นนักหนาอย่างปาจิงโกะ กลับขาดทุนถึง 2 ปีติดจนต้องเอาทุนจากยอดขายเกมและ Sport Club มาโปะตรงนี้ (แถมยังไม่เข็ดอีกต่างหาก) ฉะนั้นสิ่งแรกเลยคือ Konami ควรต้องลดการทำปาจิงโกะลง คือเราไม่ได้บอกให้เลิกหรอกครับ เพราะธุรกิจปาจิงโกะมันมีเม็ดเงินที่หอมหวานมากพอจะให้บริษัทเกมเข้ามาชายตามอง อย่าว่างั้นงี้เลย Capcom ก็เคยเอา Resident Evil ไปลง แต่เพียงแค่เค้าเอา Resident Evil ภาครีเมคไปลง ไม่ใช่แบบที่ Konami กำลังปฏิบัติอยู่ตอนนี้…คือทำได้ แต่ควรให้มันเป็นเพียงแค่ธุรกิจเสริมหารายได้เข้าบริษัทมากกว่าจะไปฝากฝังกับมันแบบที่ทำในปัจจุบันจะดีกว่า
Konami เอาเกมที่สร้างชื่อให้บริษัทกลับมาทำอีก อาจจะไปทำลง PlayStation Vita, Nintendo 3DS หรือจะลงมือถือก็ได้ เพราะอย่างน้อยมันก็เล่นได้ทั่วโลก และมันก็ถือเป็นการสานต่อซีรีส์ต่างๆ ของ Konami ให้เกมเมอร์กลับมามองว่า บริษัทยังให้ความสำคัญต่อเกมอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นในตอนนี้ ขนาดว่าปีนี้ครบรอบ 30 ปี Castlevania พี่แกยังไม่สนจะทำอะไร หรือแม้แต่รีมาสเตอร์ภาคเก่าๆ เลย
2. ปั้นนักสร้างเกมมือใหม่
จริงๆ ปัญหาเรื้อรังของ Konami ที่มีมาหลายปีก่อนจะเกิดเกรียนแตกนี้ก็คือ บริษัทกำลังขาดนักสร้างเกมที่เป็นไอคอนมาเป็นเวลานานเกินไป อย่างที่เรารู้กันครับว่า Konami มีมาสค็อตของบริษัทที่ชื่อ Hideo Kojima ผู้เป็นบิดาแห่งซีรีส์ Metal Gear ที่สามารถสร้างชื่อจนกลายเป็นแบรนด์หลักของบริษัทได้ Konami จึงให้ความไว้วางใจมากพอที่จะไปคุมซีรีส์ต่างๆ ทั้ง Castlevania และ Silent Hill แต่ถ้าถามว่า…แล้วนอกจาก Kojima คนไหนพอจะรับประกันยี่ห้อขายของของบริษัทได้บ้าง?
คำตอบคือ "ไม่มี"
ไม่มีนักสร้างเกมคนไหนที่มีพาวเวอร์มากขนาดนั้น ซึ่งแทนที่ Konami จะปั้นหรือเสริมพลังให้นักสร้างเกมที่มีอยู่ให้แข็งแกร่งขึ้น เพราะหากวันที่ Kojima ไม่อยู่ อย่างน้อยก็เบาใจได้ แต่ Konami เลือกจะเสริมพลังไปที่ Kojima คนเดียว และในที่สุดวันแตกหักของ Kojima และ Konami ก็เกิดขึ้น ฉะนั้น Konami จึงอยู่ในสถานะสุญญากาศในเรื่องของนักสร้างเกม อีกทั้งพอจะหันไปหาคนอื่น นักสร้างเกมเก่งๆ ที่ Konami ไม่เคยแคร์ก็ตบเท้าออกจากบริษัทกันไปหมดแล้ว ฉะนั้นในเวลานี้ Konami ควรจะต้องหาดาวเด่นดวงใหม่ของตนเอง เพื่อปั้นให้เขามากลายเป็นกำลังหลักของ Konami อีกครั้ง และไม่ควรทำแค่คนเดียว ควรจะแบ่งและป้อนพลังให้แก่นักสร้างเกม เพื่อจะได้ไม่ต้องประสบปัญหาเมื่อใครคนหนึ่งออกไป แล้วไม่สามารถฝากงานให้ใครได้
3. จัดการปัญหาภายในของบริษัทแบบเร่งด่วนที่สุด
ดราม่าของ Konami ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาภายในของบริษัทที่มีการบริหารแปลกประหลาด โดยมีข่าวลือทั้งการกระทำแบบไร้มนุษยธรรมต่อคนสร้างเกม โดยการย้ายไปทำความสะอาด หรือทำบัญชี จนกลายเป็นโรคซึมเศร้าหลายคน หรือปัญหากับ Hideo Kojima แม้ว่าทั้งหมดจะไม่มีข่าวที่ยืนยันสาเหตุได้ 100% แต่ว่าจากการที่นักสร้างเกมล้วนตบเท้าออกจาก Konami กันอย่างพร้อมเพียง นั่นแสดงว่า Konami มีปัญหาอย่างแน่นอน
ฉะนั้นไม่ว่าจะด้วยปัญหาอะไรภายในก็ตาม Konami ควรรีบแก้ปัญหาให้เสร็จสิ้น ก่อนที่มันจะกัดกร่อนภาพลักษณ์ของบริษัทไปมากกว่านี้ เพราะ 2 ข้อข้างต้นที่ว่ามาจะไม่มีทางแก้ไขสำเร็จหากปัญหาภายในยังยืดเยื้ออย่างที่เป็นอยู่
4. เปลี่ยน CEO
วิสัยทัศน์ของ CEO ถือเป็นจุดสำคัญในการดำเนินทิศทางต่อไปของบริษัท หากผู้นำเลือกจะเดินลงเหว ผู้คนตามหลังก็ลงเหวตายกันหมดเช่นกัน Hideki Hayakawa คือ CEO คนล่าสุดของ Konami ที่เข้ามาพร้อมกับปัญหามหาศาลจนทิศทางบริษัทกลายร่างเป็นทุกวันนี้ ฉะนั้นคงปฏิเสธได้ยากว่าคุณ Hideko จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทิศทางบริษัทที่กำลังเดินผิดทางสุดกู่อย่างที่เห็น
หากจำกันได้ Square Enix สมัยที่ CEO อย่างคุณ Yoichi Wada เคยบริหาร ตอนนั้นภายในองค์กรล้วนเกิดปัญหามากมาย ทั้งเรื่องของ Final Fantasy XIII หรือจะ Final Fantasy XIV เวอร์ชั่นแรกที่เจอสาปส่ง รวมถึงนโยบายบริหารที่ค่อนข้างแย่ แต่พอเจ้าตัวออกจากตำแหน่ง บริษัทก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แสดงให้เห็นชัดว่า CEO มีผลต่อทิศทางบริษัทค่อนข้างมาก
ฉะนั้นเชื่อว่า หาก Konami ทำให้คุณ Hideki ลงจากเก้าอี้ CEO บริษัทอาจกลับมาเดินในทิศทางที่มันควรจะเป็นจริงๆ ก็เป็นได้
5. ขายแฟรนไชส์
หากว่า 4 ข้อที่ว่ามา Konami ไม่สามารถที่จะทำให้ได้ การขายแฟรนไชส์หาเงินเข้าบริษัท แล้วเปลี่ยนสถานะจากบริษัทสร้างเกมเป็น บริษัทขายตู้ปาจิงโกะ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจ Sport Club และธุรกิจขายการ์ดยูกิ อาจจะทำให้เกมเมอร์ขอบคุณ Konami เป็นครั้งสุดท้าย เพราะแทนที่จะให้เกมที่รักของตนดักดานอยู่ในบริษัทที่วันๆ คิดจะกวนแฟนๆ อย่างนี้ สู้ส่งต่อไปยังบริษัทที่อยากจะได้มันมาทำภาคต่อจริงๆ ดูจะเป็นผลดีกว่าเยอะ
ซึ่งทั้งนี้ 5 ข้อที่ว่า ส่วนสำคัญคือ "เวลา" เพราะสิ่งที่ Konami ทำมาในตอนนี้ ค่อนข้างทำลายชื่อเสียงบริษัทที่สะสมมานานจนเละไม่มีชิ้นดี การจะสร้างกรุงโรมภายในวันเดียวย่อมเป็นไม่ได้ ความอดทนและเวลาเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาชื่อเสียงของบริษัทให้ดีขึ้นจากนี้ ซึ่ง Konami จะทำหรือไม่นั้น มันก็อยู่ที่ว่าบริษัทจะให้ความจริงใจกับเกมเมอร์มากแค่ไหน หรือคำพูดที่กล่าวมาเป็นเพียงการพูดไปงั้นๆ สร้างความหวังและเตะลงเหวเหมือนเดิม
ไม่มีใครรู้ได้นอกจากตัวของบริษัทเอง
Facebook Playmag
https://www.facebook.com/playmg/