ในขณะที่เกมเมอร์ทั่วโลกผู้ชื่นชอบเกมปลูกผักทำฟาร์มนั้นกำลังง่วนอยู่กับการทำฟาร์มโลกสวยใน Stardew Valley แต่ก็คงมีไม่กี่คนครับที่จะรู้จักกับเกมปลูกผัดสุด Hardcore ที่มีชื่อว่า 3rd World Farmer แปลไทยก็ประมาณว่า "ชาวไร่ประเทศโลกที่ 3" นั่นเอง ซึ่งเกมนี้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิของบิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Microsoft ขึ้นมานั่นเอง ซึ่งผมคงจะขอข้ามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิและคุณประโยชน์ที่เคยทำ เพราะผมจะมารีวิวเกม 3rd World Farmer เกมปลูกผักสุดหดหู่ให้อ่านกันอย่างเต็มตาครับ
เกมนี้ผู้พัฒนาเรียกมันว่า "A Thought-Provoking Simulation" ถ้าจะแปลไทยก็ประมานว่าเกม Simulation ที่กระตุ้นต่อมความตระหนักนึกคิดนั่นล่ะครับ พูดง่ายๆ ก็คือเกมนี้จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกตระหนัก และฉุกคิดถึงสถานการณ์ของชาวนาในประเทศด้อยพัฒนาว่ามันลำบากแค่ไหน มีอุปสรรคอะไรบ้าง ซึ่งผมจะขอพูดถึงในส่วนต่อไป ตัวเกมออกมาแบบมาให้เล่นง่ายมากๆ คลิกอย่างเดียว และสามารถเล่นบน Browser ได้เลย ไม่ต้องดาวน์โหลดตัวเกม
สำหรับระบบของเกมนั้นจะเรียกเป็น Turn ซึ่ง 1 Turn ในที่นี้ก็คือเวลา 1 ปี ด้วยความที่เราเป็นชาวสวนในประเทศโลกที่สาม ทำให้เรามีเงินตั้งตัวเพียง 50 เหรียญฯ พร้อมกับภรรยา และลูกอีกสองคน ผู้เล่นจะต้องบริหารจัดการทุกอย่างภายใต้ทรัพยากรที่จำกัด และสถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศด้อยพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และถ้าหากถามว่า 50 เหรียญนี้ สร้างอะไรได้บ้าง ก็ปลูกข้าวโพดได้นิดหน่อย ราวๆ 10 ต้นก็หมดตูด ซึ่งเมล็ดพันธุ์ของพืชแต่ละชนิดก็จะมีขึ้นมีลงตามกลไกตลาด นอกจากนี้ เรายังสามารถเลือกซื้อสัตว์ต่างๆ มาเลี้ยงได้ ทั้งไก่ หมู วัว ช้าง รวมไปถึงอุปกรณ์ทำสวนทำไร่ เพื่อเพิ่มจำนวนผลผลิตในการเกษตร แหม่ สมกับเป็นเกมปลูกผักจริงๆ
แต่ที่ผิดแปลกกว่าเกมแนวนี้มากๆ ก็คือเรื่องของ "สวัสดิการ" ที่ชาวไร่จะต้องทำการ "ซื้อ" ให้กับตนเองครับ มีตั้งแต่โทรศัพท์มือถือราคาแพงหูฉี่ ถนน การรักษาพยาบาล โรงเรียน และที่ผมฮามากก็คือสองสิ่งสุดท้ายที่ตัวเกมมีให้เราซื้อ หนึ่งก็คือตัวเกมมีให้เราเลือกซื้อใบประกันพืชผล ซึ่งบ้านเราก็เรียกกันว่า "เกษตรพันธสัญญา" นั่นล่ะครับ ถ้าหากผลผลิตที่ออกมาเน่าเสีย ขายไม่ได้ ก็ยังมีประกันจากรัฐช่วยจ่ายหรือพยุงราคาสินค้าเอาไว้ให้ จะได้ไม่ต้องออกมาประท้วงหรือเอาไปขายที่ดาวอังคาร(เริ่มคุ้นกันไหม) และอย่างที่สองก็คือตัวเลือกในการ "สนับสนุนผู้แทน" ใช่ครับ มีหน้านักการเมืองใส่สูทโผล่หรามาเลย แล้วก็มีราคาแพงสุดในเกมถึง 800 เหรียญเลยทีเดียว ซึ่งประโยชน์ของนักการเมืองที่เราให้การ "สนับสนุน" นี้ก็ไม่มีอะไรมาก คำอธิบายระบุไว้แค่ว่า "การสนับสนุนนักการเมืองน่าจะเป็นไอเดียที่ดีในหลายๆ เรื่อง" ซึ่งสวัสดิการทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ผู้เล่นจะต้องซื้อมาให้ได้จนครบ ถ้าสวัสดิการครบเมื่อไหร่ ก็ถือว่าจบเกมแบบ Happy Ending หรือถ้าบริหารไม่ไหว ครอบครัวตายหมด ก็ Game Over
…เมื่ออ่านถึงตรงนี้ก็ลองคิดดูครับว่า "การซื้อสวัสดิการให้ตัวเอง" มันน่าเจ็บปวดขนาดไหน…
นอกเหนือวิถีชาวสวนชาวไร่อย่างการปลูกผักเลี้ยงสัตว์แล้ว เกมนี้ยังมีระบบการแต่งงานมีลูกด้วย ใช่ครับ มีลูกมากยิ่งยากนาน ประโยคนี้เป็นความจริงอันเป็นสัจธรรม ส่งลูกไปเรียนแต่ละปีก็เสียค่าเทอม 30 เหรียญ แถมโรงเรียนของหนูก็อยู่ไกลแสนไกล อยากให้คุณๆ หันมอง เดินไปเรียนทีก็ครึ่งวัน ทำให้ลูกมาช่วยงานในฟาร์มได้น้อยลง รวมไปถึงการเจ็บป่วยก็แพงพอสมควร เพราะถนนไม่มี กันดาร โรงพยาบาลเข้าไม่ถึง ซึ่งถ้าจะสร้างเองก็แพงพอสมควร กัดฟันกันต่อไป เมื่อผู้เล่นทำ Action ต่างๆ จนครบ จากนั้นก็กด "จบเทิร์น" เข้าสู่ปีถัดมา เกมก็จะประกาศ Event ออกมาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งเหตุการณ์ที่เราจะได้พบเจอนั้นก็ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเลยครับ ม็อบบ้าง ผู้ลี้ภัยบ้าง ภัยพิบัติบ้าง รวมไปถึงการโดนกองกำลังทั้งทหารของรัฐบาล และฝ่ายต่อต้านขูดรีด ซึ่งตรงจุดนี้ ถ้าหากเรา "ให้การสนับสนุนนักการเมือง" ก็จะช่วยเหลือให้เราไม่โดนขูดรีดได้ ส่วนภัยแล้งที่ทำให้พืชผลปลูกไม่ได้ หรือโรคระบาดที่ทำให้สัตว์เลี้ยงล้มตายก็มีมาปกติ แล้วแต่ดวงของผู้เล่นแต่ละคน
จากการลองเล่นดูสองสามรอบ ชีวิตของผมก็ค่อนข้างลำบากมากครับ(ต่อจากนี้ควรเปิดเพลงดราม่าในละครประกอบ) ลงทุนปลูกพืช ก็เจอภัยแล้งทำให้ขาดทุน ขายไม่ได้เงินสักแดงก็เพราะธนาคารแห่งชาติเกิดวิกฤต เลยหันไปเลี้ยงไก่ ก็ดันมาเจอโรคระบาด ไก่ตายเรียบ พอเริ่มกลับมาตั้งตัวได้หน่อย พอมีเงินซื้อเครื่องทุ่นแรง ก็ดันเกิดสงครามการเมือง ข้าวของหาย โดนปล้น เงินก็เริ่มหด ไม่มีปัญญาซื้อพืชมาปลูก ก็เลยต้องจำใจรับข้อเสนอจากโรงงานผลิตสารเคมี โอเคว่าได้เงินดี ค่าตอบแทนสูง แต่คนในครอบครัวก็เริ่มป่วย หมดเงินไปกับค่าหยูกค่ายา จำใจให้ทหารเข้ามาตั้งแคมป์ฝึกรบ เลยได้เงินตั้งตัวใหม่ แต่โดนผู้อพยพกับภัยธรรมชาติฟาดกระหน่ำซ้ำ ล้มอีกครา จำใจปลูกฝิ่นขาย แต่ก็ไปไม่รอด สุดท้ายต้องขายลูกไปทำงานในเมือง แล้วทุกคนก็ตาย …จบ
โดยสรุปแล้วเกมนี้สะท้อนสังคมและชีวิตของชาวไร่ในประเทศโลกที่สามออกมาได้อย่างเจ็บแสบแสนคัน มันแสดงให้เราเห็นว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ในการต่อรองอะไรเลย ต้นทุนต่ำ ทำอะไรก็ยากไปเสียทุกอย่าง ความจนที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นเพราะความโง่ แต่เป็นเพราะโครงสร้างประเทศนั้นไม่ได้เอื้ออำนวยให้ลืมตาอ้าปาก กลายเป็นว่าต้องมาทำให้คนพวกนี้ "พอใจกับความยากจน" ใช่ครับ ผมเล่นแล้วมานั่งคิดๆ ดู มันหดหู่มากๆ และหลายอย่างมันก็เป็นอะไรที่จริง Surreal สุดๆ ถ้าหากเกมมีตัวเลือกในการลุ้นของรางวัลด้วยการส่งฝาชาเขียวหรือฝาเครื่องดื่มชูกำลังไปชิงโชคด้วยจะทำให้อินกว่านี้เยอะเลย(ฮา) และถึงแม้ว่าเกมนี้มันจะหยิบชีวิตชาวไร่มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง แต่ถ้าหากมองดีๆ ในมุมกว้าง "ความเป็นประเทศโลกที่สาม" หรือ "ประเทศด้อยพัฒนา" นั้นมันทำให้เราตระหนักได้เป็นอย่างดีครับ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไร ทำงานแบบไหน ถ้าอยู่ในประเทศแบบนี้ก็ลำบากทั้งสิ้น
สามารถเข้าไปเล่นเกมกันได้ที่นี่
http://3rdworldfarmer.com/