เมื่อคืนวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ชวนให้สิ้นหวังเกมมิ่งขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อจู่ๆ ก็มีกลุ่มเกมเมอร์ไทยเกิดเฮี้ยนขึ้นมาจากอาการเสี้ยนบางอย่างพากันยกพลกันไปถล่มรูปโปรไฟล์ของเพจ EA – Electronic Arts ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเกมระดับโลก พร้อมชูแคมเปญเด็ด "Thailand get their games Raycity night" หรือก็คือ "ประเทศไทยได้รับเกมของพวกเขาในคํ่าคืนแห่ง Raycity"
อ้าวไม่ใช่เหรอ? แล้วถ้างั้นพวกเขาหมายถึงอะไรกันล่ะ?
เกี่ยวกับความเฮี้ยนระดับชวนให้เปลี่ยวใจกับเกมเมอร์ไทยนั้น เรื่องมันเกิดมาจากการที่แอดมินของเพจเฟซบุ๊คหนึ่งชักชวนปุกระดมพรรคพวก, ลูกเพจ และคนที่เห็นด้วยให้มาทำการสแปมข้อความใส่รูปโปรไฟล์เพจของ EA ใจความว่าต้องการให้ EA กลับมาทำเกมในดวงใจของพวกเขาอย่าง Raycity อีกครั้ง
โดยที่มีลูกเพจอีกคนทำการเปิดวาร์ปให้เหล่ามิตรสหายที่รอถล่ม พร้อมร่างหัวข้อแคมเปญทวงคืน Raycity สู่ประชากรไทยด้วยประโยคภาษาอังกฤษซึ่งชวนให้รู้สึกเศร้าใจและสะท้อนถึงปัญหาการศึกษาไทยได้ถึงแก่นว่า "Thailand get their games Raycity night" นั่นเองครับ
ใช้ "Night" ที่แปลว่า "กลางคืน" ในบริบทประโยคแบบนี้ต้องบอกว่าร้าวรานเหลือเกิน อะเฮื่ออออ~
ทั้งนี้ Raycity เคยเป็นเกมที่เปิดให้บริการในไทยโดยทาง Goldensoft ก่อนจะปิดให้บริการไปเมื่อราวๆ 4-5 ปีก่อน สืบเนื่องมาจากทางผู้พัฒนาอย่าง EA นั้นหยุดทำคอนเท้นท์ของเกมนี้ไปด้วยเหตุผลหลายประการ แต่เอาเป็นง่ายๆ ย่อยสรุปเป็นผลลัพท์ได้ว่าทาง EA ตัดสินใจไม่ทำต่อนั่นเอง ซึ่งก็เป็นเรื่องสามัญธรรมดาทั่วไปในแง่ธุรกิจที่สามารถเกิดขึ้นได้ครับ
"น้องๆ รู้จักพี่ไหม?"
แน่นอนว่าบางคนอาจจะไม่เข้าใจในมุมนี้ และคิดแต่เพียงว่าพวกเขาอยากได้สิ่งที่พวกเขารักคืนจากผู้ใหญ่คนที่ใครๆ ก็บอกว่าใจร้ายเท่านั้นแต่ถ้าน้องๆ ยังคงไม่พยายามเข้าใจหรือมองภาพใหญ่ในวงการให้กว้างขึ้นก็คงไม่โตกันเสียทีครับ และหากวงการนี้ในไทยจะไม่พัฒนาไปไหน นั่นก็เพราะคนในอย่างเราๆ ที่มักกระทำการโดยขาดสติและเอาอารมณ์ความรู้สึกรวมถึงความเสี้ยนเข้าว่าไว้ก่อนนี่แหละครับ
เกมเมอร์ไทยพอหัวร้อนแล้วก็ตัวเขียว อาละวาดใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้า
การกระทำในเหตุการณ์นี้ของน้องๆ ต้องบอกว่าเป็น "เรื่องไม่เหมาะสม" อย่างไม่ต้องสงสัยครับ และหากมองให้ลึกลงไปเราก็จะเห็นถึงปัญหาหลายๆ อย่างของเกมเมอร์ไทยที่ต้องได้รับการปรับปรุงอย่างด่วนจริงๆ ซึ่งผมก็ลองสรุปคร่าวๆ ด้านล่างถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนี้กันแล้ว
อย่างแรกที่เราจะเห็นเลยคือความก้าวร้าวเอาแต่ใจไม่ดูกาละเทศะ กรณีนี้หากบางคนเป็นเด็กอยู่ก็อาจจะสามารถเปิดการ์ด "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" หยวนๆ กันไปได้ แต่นั่นคือการยอมรับโดยดุษฎีว่าคุณยังเป็น "เด็ก" อยู่ หากอยากให้มองว่าคุณโตแล้วก็ควรมีวิจารณญาณให้มากกว่านี้ ไตร่ตรองถึงผลลัพท์หลังการกระทำให้มากกว่านี้
ส่วนแอดมินเพจปลุกระดมถือว่าเป็นคนที่ต้องปรับปรุงตัวเองที่สุด โดยเฉพาะการใช้อำนาจในฐานะ "Influencer" ในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ครั้งนี้มันอาจจะเรื่องเล็ก แต่นี่คือบ่อเกิดของคอรัปชั่นทั้งหลายทั้งปวงนะครับลองตรึกตรองกันให้ดีนะ
อีกกรณีคือประเด็นที่ชวนให้เอามือปิดหน้าด้วยความอับอายประชาชีอย่างการใช้ภาษาอังกฤษแบบไม่มีส่วนใดถูกเลยสักนิดนั่นเอง ลำพังแค่ไปก้าวร้าวในเพจเขาก็ดูแย่มากแล้ว แต่นี่ยังใช้ภาษาอังกฤษได้มีปัญหาสุดๆ อีกต่างหาก เรื่องขายหน้าก็เรื่องหนึ่งครับแต่คงไม่อะไรเท่าไหร่เพราะพวกเราปกติก็ไม่ค่อยจะมีหน้าให้เสียอยู่แล้ว (หัวเราะ) ทว่ามันสะท้อนสะเทิอนไปถึงปัญหาเรื่องการศึกษาไทยระดับรากเลยทีเดียว อันที่จริงการสื่อสารกับต่างชาติในระดับทั่วไป รูปประโยคไม่จำเป็นต้องถูกหมด ไวยากรณ์ก็ไม่ต้องเป๊ะขนาดนั้น แต่การใช้คำแบบผิดความหมายชัดเจนระดับ "กลางคืน" ทรานสฟอร์มเป็น "ขอคืน" ขนาดนี้มันก็อีกเรื่องครับ
ถ้างั้นวาทะสวยหรูที่ว่า "เล่นเกมแล้วได้ภาษา" มันก็สมควรถูกตั้งคำถามแล้วล่ะนะ
จะเห็นได้ว่าในสังคมเกมไทยที่หลายคนพยายามผลักดันกันอย่างหนักให้ได้รับการยอมรับกันโดยทั่วไปนั้น ยังมีอีกกลุ่มคนที่ทำการบ่อนทำลายความตั้งใจและอุตสาหะดังกล่าวลงอย่างน่าเศร้า อาจมีทั้งความไม่ตั้งใจ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ กระนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นมันก็คือของจริงที่จะทิ้งไว้ให้กับทั้งวงการต้องตามล้างตามเช็ดกันต่อไปครับ
นอกจากนี้หากต้องการแสดงพลังหรืออยากมีปากเสียงบางอย่าง โลกของเราก็ยังมีหนทางที่ถูกต้องและเป็นมืออาชีพอยู่ครับ ตัวอย่างเช่นการเรียกร้องผ่านทางเว็บไซต์ change.org นั่นเองครับ ซึ่งการใช้ช่องทางนี้นอกจากคุณและผู้สนับสนุนจะได้แสดงออกอย่างถูกต้องแล้ว ยังจะไม่มีใครว่าอะไรอีกด้วยครับ ดังนั้นถ้าน้องๆ อยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนวงการสู่ความสดใสในอนาคตก็ต้องร่วมมือเพื่อก้าวไปด้วยกันครับ
***อย่างไรก็ตามปัจจุบันดูเหมือนว่าทางแอดมินเพจซึ่งทำการปลุกระดมจะออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการแล้ว ในจุดนี้ถือว่าน่าชื่นชมที่กล้าทำก็กล้ารับครับ ก็ขอให้เก็บเอาเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุงตัวกันต่อไปครับ!