Castlevania: Order of Ecclesia เรื่องสยองในประวัติศาสตร์ มาเป็นตำนานเจ้าแวมไพร์

 เรื่องเล่าขานตำนานในเกม
Castlevania: Order of Ecclesia

เรื่องสยองในประวัติศาสตร์ มาเป็นตำนานเจ้าแวมไพร์

      Order of Ecclesia เป็นการกลับมาครั้งล่าสุดของ Castlevania เกมแอ็กชั่นสุดคลาสสิก ซีรีส์นี้ถ้าให้นับอายุอานามก็ได้ยี่สิบกว่าปีแล้วครับ และยังคงสานต่อเรื่องราวต่อยอดระบบการเล่นมาเรื่อยๆ ภาคนี้น่าจะนับเป็นครั้งที่สองที่ตัวเอกในเกม Castlevania เป็นผู้หญิง ครั้งแรกคือ “ซอนย่า” จากภาค Legends เครื่องเกมบอยขาวดำ โดยปัจจุบันนี้เรื่องราวของเธอ คุณ IGA (Koji Igarashi) โปรดิวเซอร์เกม Castelvania ได้ตัดออกจากไทม์ไลน์อย่างเป็นทางการเพื่อทำการแก้ไขปรับปรุงเนื้อเรื่องในแต่ละภาคให้เชื่อมต่อถึงกัน

       ครั้งที่สองคือ “ชานัว” จากภาค Order of Ecclesia แม่สาวหน้าตายชานัว เธอมีความสามารถพิเศษต่างจากนักล่าแวมไพร์คนอื่นๆ ที่ผ่านมาในซีรีส์ Castlevania โดยเธอจะโชว์แผ่นหลังขาวเนียนเพื่อดูดตราอักขระเวทย์ (Glyph) มาเก็บไว้กับตัว อาวุธทุกอย่างล้วนเกิดมาจากอำนาจเวทมนตร์ของตราอักขระ ชื่อของ Glyph แต่ละอันที่ใช้ในเกมจะตั้งชื่อเป็นภาษาละติน (Latin) อาทิ Ascia แปลว่าขวาน, Culter แปลว่ามีดอันเล็กๆ และ Ignis แปลว่าไฟ

      บางชื่อจะเป็นศัพท์ผสมกัน ยกตัวอย่าง Glyph ที่ชานัวไว้ใช้เรียกซอมบี้มาช่วยสู้จะมีชื่อว่า Fidelis Caries โดย Fidelis แปลว่าความศรัทธา ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ส่วน Caries แปลว่า เน่า ผุพัง เมื่อมารวมเป็นคำเดียวกัน Fidelis Caries แปลให้ดูเพราะๆ หน่อยก็จะได้ความว่า “ข้ารับใช้ผู้เน่าเปื่อย”

       ภาษาละตินถือว่าเป็นภาษาที่ตายแล้ว ภาษาตายหมายถึงภาษาที่ไม่มีคนใช้ในการสื่อสารเป็นภาษาหลัก แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ได้ตายหรอกครับ เพียงแต่ถ่ายทอดพัฒนามาเป็นภาษาอื่น ปัจจุบันนี้ภาษาละตินได้กลายมาเป็นรากคำศัพท์และตัวอักขระในภาษาของชาวยุโรป

      “Ecclesia” ชื่อองค์กรที่ชานัวสังกัดอยู่ เป็นคำมาจากภาษาละตินเช่นกัน มีความหมายว่า “โบสถ์” Ecclesia ในเกม เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านอำนาจความชั่วร้ายของท่านเคาท์แดร็กคิวล่า สร้างมาเพื่อปราบปีศาจล่าแวมไพร์โดยเฉพาะ แล้วในโลกความเป็นจริงมีการล่าแวมไพร์แบบนี้มั้ย? ตอบว่ามีครับ แถมเป็นเรื่องน่ากลัวในประวัติศาสตร์ซะด้วยสิ

     ในศตวรรษที่ 18 เกิดกระแสกลัวแวมไพร์ลามไปทั่วยุโรป ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าที่นั่นที่นี่มีแวมไพร์ ความหวาดกลัวผันแปรกลายเป็นความโหด มีการล่าแวมไพร์อย่างจริงจัง ผู้ใดต้องสงสัยว่าเป็นแวมไพร์จะถูกเผาทั้งเป็น โดนปืนยิงด้วยกระสุนเงิน เอาลิ่มตอกอก ครบสูตรวิธีปราบแวมไพร์เหมือนที่เราเคยดูในหนังเลยครับ อย่าว่าคนยุคนั้นบ้าจี้เลยนะ บางคนต้องพกกระเทียมตลอดเวลา ทำเป็นสร้อยคล้องคอบ้าง กำไลบ้าง กลายเป็นว่าแฟชั่นสุดฮิตของคนยุคนั้นคือกระเทียม แลดูเป็นเหมือนเรื่องตลกแต่มันเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ

      ทำไมถึงได้กลัวแวมไพร์กันขนาดนั้นจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต หรือว่าแวมไพร์มีอยู่จริง? เรื่องแวมไพร์มีจริงหรือไม่ ที่ผ่านมาไม่มีใครฟันธงได้แน่ชัดเพราะมันเป็นความเชื่อที่ฝังอยู่มานานนับพันปี เป็นเรื่องน่าแปลกที่ตำนานพวกผีดูดเลือดมีเกือบทุกชนชาติ พอๆ กับเรื่องมังกร

      ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลของศาสนาคริสต์ ได้กล่าวถึงลิลิธ ภรรยาคนแรกของอาดัม นางถูกสร้างโดยพระเจ้าซึ่งมาพร้อมกับอาดัม แต่ใจกลับฝักใฝ่ไปอยู่กับพวกซาตานจึงโดนขับไล่ออกมา ลิลิธโปรดปรานการสูบเสพดื่มกินเลือดของมนุษย์ อีกทั้งนางยังได้ให้กำเนิดพวกปีศาจขึ้นมามากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพวกแวมไพร์รวมอยู่ด้วย และอาจกล่าวได้ว่าลิลิธเป็นแวมไพร์ตนแรกของโลกเลยก็ว่าได้

       แวมไพร์ที่โด่งดังที่สุดของโลกตะวันตกคงต้องยกให้ท่านเคาท์แดร็กคิวล่าเป็นที่หนึ่ง แต่จริงๆ แล้วท่านเพิ่งมาดังได้แค่ร้อยกว่าปีเองครับ ต้นแบบของแดร็กคิวล่ามาจากตระกูลบาสซา เจ้าครองนครวลาเซีย ผู้ปกครองโรมาเนียในสมัยก่อนตำนานความโหดเหี้ยมเริ่มต้นที่ “วลาด ดราคูล” ผู้นิยมทรมานเชลยศึกจนหนำใจแล้วใช้ไม้ปลายแหลมเสียบแทงทะลุจนเชลยถึงแก่ความตาย เลือดที่ไหลรินออกมาจะถูกนำไปเสิร์ฟเป็นอาหารจานโปรดของท่านวลาด ดราคูล สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ทายาทของวลาด ดราคูล ล้วนมีพฤติกรรมสยองไม่แพ้บรรพบุรุษ คนที่โด่งดังจนเป็นที่กล่าวขวัญสะเทือนไปทั่วยุโรป คงต้องยกให้ “วลาด เทเปซ” บุตรชายของวลาด ดราคูล ซึ่งมีนิสัยชอบทรมานเชลยศึกแล้วนำไปเสียบไม้เหมือนบิดา แต่ต่างกันตรงที่ท่านวลาด เทเปซ เสียบโชว์กลางเมืองให้ประชาชนได้ชมกันสดๆ อีกทั้งยังปักประจานตั้งเด่นเป็นสง่าดั่งงานศิลป์ชิ้นยอด

       ด้วยการปกครองที่โหดเหี้ยมของตระกูลบาสซา ทำให้พวกชาติมหาอำนาจไม่กล้าเข้ามารุกรานโรมาเนีย ก็ใครมันจะกล้าไปรบกับพวกพี่แกล่ะครับ เพราะว่าหากรบแพ้ถูกจับเป็นเชลย ต้องโดนไม้เสียบแทงก้นทะลุปาก แค่คิดก็ปอดแหก เผ่นกระเจิงกันเป็นแถบๆ

       ตระกูลบาสซาโหดร้ายจริงอย่างที่เขียนไว้ในประวัติศาสตร์หรือเปล่า? อาจจะเป็นอุบายทางการเมืองปล่อยข่าวลือ เสริมแต่งปากต่อปากเพื่อข่มขวัญข้าศึกก็ได้ครับ จริงเท็จอย่างไรเราไม่รู้ แต่เรื่องราวของท่านวลาด ดราคูลและลูกหลานทำเอาคนยุโรปต้องขนหัวลุกไปอีกนาน

        ในปี 1897 นักประพันธ์ชาวไอริชนามว่า “บราม สโตเกอร์ “ได้ใช้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวของตระกูลบาสซาไปสร้างสรรค์ผลงานสุดคลาสสิก “แดร็กคิวล่า” โด่งดังมากๆ จนชื่อแดร็กคิวล่ากลายเป็นสัญลักษณ์แวมไพร์ซึ่งในเวลาต่อมาได้ถูกนำไปดัดแปลงเป็นหนัง เป็นละคร และก็มาเป็นเกม Castlevania ที่เราเล่นกันจนถึงทุกวันนี้

     ทางฝั่งเอเชียนั้นแวมไพร์ที่โด่งดังที่สุด เห็นทีคงต้องยกให้ผีดิบของจีน ประมาณสักยี่สิบปีก่อน หนังเกี่ยวกับผีดิบจีนเยอะมากๆ ผีกัดอย่ากัดตอบมีกี่ภาคละจำกันได้มั้ยเอ่ย

     ผีดิบจีนจะมีชื่อเรียกว่า 僵屍 (Jiang Shi) ใน Order of Ecclesia เราจะมีศัตรูที่เป็นผีดิบจีนปรากฏตัวมาในฐานะบอสของดันเจี้ยนลับ ผีดิบจีนจะมีเขี้ยวตามแบบฉบับแวมไพร์และดูดเลือดได้ด้วย ถ้าใครโดนกัดก็จะเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องให้พวกนักพรตเหมาซานมาทำการรักษา

      ผีดิบจีนจริงๆ แล้วมันเป็นศพที่ถูกนักพรตบังคับให้เคลื่อนไหว ที่ต้องทำให้เคลื่อนไหวก็มีเหตุผลคือ ประเพณีจีนแต่โบราณนิยมฝังศพมากกว่าการเผา ในการเคลื่อนย้ายศพไปฝังที่บ้านเกิดหรือฮวงซุ้ยทำเลดีๆ สมัยก่อนนั้นการคมนาคมเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องใช้แรงงานแบกหามเสียค่าใช้จ่ายมากมาย บ้านไหนตระกูลไหนมีเงินน้อยก็แทบจะหมดหวังที่จะทำการขนย้ายศพ ดังนั้นจึงต้องมีพวกนักพรตทำพิธีกรรมต้อนศพ ก็อย่างที่เห็นในหนัง สั่นกระดิ่งแล้วศพกระโดดตามมาเป็นแถว เดินทางไปจนถึงที่หมาย พวกญาติก็จะมารับศพไปประกอบพิธีกรรมตามประเพณี ซึ่งพิธีกรรมนี้มีจริงหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้นะมันเป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อๆ กันมา หากพิธีกรรมนี้มีจริง สมัยนี้มันก็ไม่จำเป็นต้องใช้แล้วล่ะครับ เพราะการขนส่งสะดวกสบายขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ

        บ้านเราก็มีแวมไพร์กับเขาเหมือนกัน ซึ่งมันจะมีชื่อเรียกว่า “ผีกองกอย” เป็นผีป่ามีขาข้างเดียว ไปไหนมาไหนต้องกระโดดเขย่งไป ตอนกลางคืนจะเข้ามาดูดเลือดจากนิ้วหัวแม่โป้งเท้าของคน ใครไปเที่ยวป่าเวลานอนอย่าลืมใส่รองเท้าด้วยล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวผีกองกอยมันจะเข้ามาดูดนิ้วเท้าเอานะ แวมไพร์ของชาติอื่นดูดเลือดจากซอกคอเหยื่อ แต่แวมไพร์ไทยเราเด็ดดวงกว่าเพราะดูดเลือดจากนิ้วหัวแม่โป้งเท้า ก็หวังว่า Castlevania สักภาคจะมีผีกองกอยไปโผล่กับเขาบ้าง เหมือนที่ผีดิบจีนเคยทำมา อย่างน้อยก็นับว่ามันเป็นแวมไพร์ดูดเลือดเหมือนกันนะเออ

 

 

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้