ปัญหาส่วนใหญ่ที่ทำให้เราปวดหัวจี๊ดๆ เสมอก็คือ การที่เราไม่รู้ว่านักเตะในตำแหน่งที่เราต้องการนั้นต้องมีค่าสเตตัสอะไรบ้างที่สำคัญ ซึ่งส่งผลต่อทั้งการปั้นนักเตะเอง หรือการหาซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพ ผมเชื่อว่าหลังจากที่เพื่อนๆ ได้อ่านคอลัมภ์นี้จบก็คงจะพบกับหนทางสว่างอย่างแน่นอนครับ
กองหน้า (ST, CF)
กองหน้าเน้นโหม่ง
เป็นกองหน้าที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการโหม่งเพื่อทำประตูหรือคอยใช้ลูกโหม่งซัพพอร์ตเพื่อนร่วมทีม ส่วนใหญ่มักจะต้องมีกองกลางที่โยนบอลเก่งๆ ค่อยป้อนบอลให้
พลังงาน : ค่าสเตตัสที่จะทำให้สามารถแย่งพื้นที่เบียดได้ดีขึ้น โดยที่ไม่โดนกองหลังเบียดจนเสียตำแหน่งไป (ช่วยให้ยืนระยะในพื้นที่ได้ดี)
Finishing : ช่วยทำให้ทิศทางของลูกเวลาโหม่งเข้ากรอบและพุ่งไปยังทิศทางที่ผู้รักษาประตูป้องกันได้ยาก มีโอกาสที่จะได้ประตูสูง รวมไปถึงน้ำหนักที่พุ่งเข้าหากรอบก็จะรุนแรงมากขึ้น
Reaction : ทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองในการขึ้นโหม่งดีขึ้น มีผลต่อความคล่องตัวตอนขึ้นโหม่ง
Heading : แน่นอนว่าเป็นค่าสเตตัสที่สำคัญที่สุด ซึ่งจะช่วยให้น้ำหนักและทิศทางการโหม่งสมบูรณ์แบบมากขึ้น แนะนำให้อัพนำเลย
Aggression : ทำให้รุกรานต่อคู่ต่อสู้ ในขณะที่คู่ต่อสู้ป้องกันได้ดีขึ้น มีผลถึงการบล็อกเพื่อรักษาตำแหน่งด้วย
ตัวอย่างนักเตะ : Peter Crouch ของทีม Liverpool, Luca Toni ของทีม Bayern Munich
กองหน้าเน้นยิง
กองหน้าที่เกิดมาเพื่อฝั่งบอลเข้าก้นตาข่ายขนานแท้ เป็นตำแหน่งที่สามารถยิงประตูได้เกือบทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าลูกจะเข้ามาแบบไหนก็ยิงได้หมด ตามตำแหน่งแล้วเราจะรู้จักกันดีในชื่อ ST ซึ่งถ้าต้องการให้ตำแหน่งนี้สมบูรณ์ควรอัพค่าเสตตัสที่ช่วยให้กระฉากบอลดีขึ้นด้วย
Composure : ค่าสเตตัสที่จะทำให้นักเตะเกิดความนิ่งเวลาที่จะยิง มีผลต่อความแม่นยำและทิศทางของลูกที่พุ่งเข้ากรอบ (นักเตะที่เป็นกองหน้าระดับโลกจะมีค่านี้สูงแทบทั้งสิ้น)
Finishing : บอกตรงๆ เลยว่าถ้ากองหน้าไม่มีค่านี้ ก็คงไม่ใช่กองหน้าแล้วละครับ เพราะค่าสเตตัสนี้มีผลโดยตรงต่อจังหวะในการพังประตู ไม่ว่าจะเป็นการยิงจังหวะเดียว หรือการลากเข้าไปยิง ส่งผลต่อทิศทางของลูกที่จะพุ่งเข้าหาประตู ยิงค่านี้สูงโอกาสที่จะได้ประตูก็ยิ่งสูงตามไปด้วย
Shot Power : มีผลต่อความแรงของลูกเพียวๆ บางครั้งทำให้ผู้รักษาประตูถึงกับซองแตกคามือไปเลย (ซองแตกคือการที่รับลูกไม่อยู่) หรือบ้างครั้งผู้รักษาประตูก็อาจจะปัดลูกเข้าประตูตัวเองไปเลย
Reaction : ส่งผลต่อปฏิกิริยาตอบสนองในการยิงดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิงลูกแบบจังหวะเดียว (ยิงแบบไม่จับ)
Ball Control : ทักษะที่จะทำให้ควบคุมบอลให้ติดเท้ามากยิ่งขึ้น ถ้ากองหน้ามีค่านี้สูงๆ เวลาได้บอลแทบไม่ต้องแต่งบอลหลายจังหวะให้เสียเวลา ทำให้สามารถที่จะยิงได้ทันทีที่บอลมาถึงเท้า
*Stamina : ค่านี้มีผลต่อความอึด ทำให้สามารถวิ่งได้แรงดีไม่มีตกเกือบตลอดทั้งเกม
*พลังงาน : หากคุณต้องการให้กองหน้าของคุณเป็นประเภท ลากลุยกระจุยกระจายค่านี้สำคัญมากครับ เพราะถ้าอัพเยอะๆ รับรองกองหลังเอาไม่อยู่แน่นอน
*Sprint Speed : ทำให้กองหน้าของเรากระฉากบอลหนีตัวประกบได้ดีขึ้น
*Acceleration : เรียกง่ายๆ ก็คือความเร็วช่วงปลายหลังจากที่พ้นช่วง Sprint Speed ถ้าเราอยาก 100 เมตรชาย ยังไงก็ต้องอัพทั้ง Sprint Speed และ Acceleration ครับ
*หมายเหตุ : ค่าสเตตัสที่มีเครื่องหมาย * คือค่าสเตตัสที่เหมาะสำหรับการเล่นสไตล์กระฉากบอลผสมไปด้วย
ตัวอย่างนักเตะ : Thierry Henry ของทีม Barcelona, Didier Drogba ของทีม Chelsea
กองหน้าสารพัดประโยชน์
ตำแหน่งนี้จะทำหน้าที่คล้ายๆ ตัวซัพพอร์ตกองหน้าตัวเป้า มีหน้าที่คอยเชื่อมเกมระหว่างกองกลางกับพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษ ความสามารถในการพังประตูอาจจะไม่สูงมาก แต่ถ้าจังหวะเหม่งๆ ก็ซัดเข้าได้เหมือนกัน
Composure : ทำให้นักเตะเกิดความนิ่ง ซึ่งค่านี้จะมีประโยชน์ต่อนักเตะที่เล่นบอลด้วยเท่าอยู่แล้ว
Finishing : แน่นอนว่าในเมื่อยังเป็นกองหน้าอยู่ ยังไงก็ต้องอัพค่านี้ไปยาวๆ เพราะขะช่วยให้จังหวะจบสกอร์จะแน่นอนมากขึ้น (มีผลต่อทิศทางของลูกที่พุ่งเข้ากรอบ)
Shot Power : ค่านี้สัมพันธ์กันกับ Finishing เพราะจะทำให้ลูกที่ยิงแรงขึ้น
Dribbling : ทำให้สามารถชิ่งบอลจังหวะเดียวได้แม่นยำและลูกจะพุ่งไปหาเป้าหมายเร็วขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ชอบสไตล์ชิ่งบอลเร็วๆ หรือแบบ One – Two
Short Passing : ค่านี้ช่วยในการส่งลูกระยะสั้นคล้ายๆ Dribbling แต่จุดที่แตกต่างจาก Dribbling ก็คือ ถ้าเราได้บอลแล้วส่งต่อทันทีแบบนั้นจะเรียกว่า Dribbling แต่ถ้าครองบอลไว้ซักครู่แล้วถึงค่อยส่ง แบบนี้จะเรียกว่า Short Passing ถ้าเทียบกันแล้วควรอัพ Short Passing มากกว่าเพราะโอกาสใช้มีบ่อยกว่า
Reaction : ทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองดีขึ้น ค่านี้ค่อนข้างจำเป็นต่อตำแหน่งนี้อย่างมากเพราะจะทำให้เราควบคุมทิศทางของนักเตะได้ดั่งใจมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่อยู่หน้ากรอบเขตโทษซึ่งต้องการความคล่องตัวสูง
Ball Control : การควบคุมบอลให้หนึบเท้ามากที่สุดก็จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะโดนล้วงบอลยากแล้ว ยังทำให้สร้างสรรค์เกมรุกได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
*Free kick : อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการอัพให้ตำหน่งนี้รับหน้าที่สังหารหรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่นักเตะที่อยู่ตำแหน่งนี้มักจะสามารถอัพค่านี้ได้สูง
ตัวอย่างนักเตะ : Carlos Tevez ของทีม Manchester Utd, Francesco Totti ของทีม Roma
กองกลาง (CAM, CM)
กองกลางตัวจ่าย (ระยะใกล้+กลาง)
เป็นกองกลางที่ทำหน้าที่สร้างสรรค์โอกาสในการพังประตู โดยเน้นไปที่การจ่ายที่แม่นยำให้กับศูนย์หน้า บ่อยครั้งที่มักจะต้องกระฉากบอลเข้าหาแนวป้องกัน ซึ่งตำแหน่งนี้จำเป็นต้องการค่าสเตตัสที่ค่อนข้างสูงเกือบทุกค่าทำให้เก่งช้านิดหนึ่ง
Composure : มีผลต่อความนิ่งเวลาที่ได้บอลแล้วต้องการจ่ายบอลต่อเนื่องด้วยความรวดเร็ว ทำให้ทิศทางของลูกไปพุ่งไปหาเป้าหมายดีขึ้น
Long shots: แนะนำว่าควรเก็บไว้ช่วงหลังๆ จะดีกว่า เพราะช่วงแรกยังไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่ รอให้ค่าสเตตัสที่สำคัญๆ ต่อตำแหน่งเข้าที่ก่อน
Sprint Speed : หากคุณเล่นสไตล์สวนกลับเร็ว ก็ควรจะอัพไว้ แต่ถ้าเล่นแนวต่อบอลไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่ต้องรีบอัพ
Acceleration : เป็นค่าสเตตัสที่สอดคล้องกับ Sprint Speed (ถ้าอัพ Sprint Speed ก็ควรอัพค่านี้ควบคู่ไปด้วย)
Dribbling : สำหรับตำแหน่งนี้ก็ถือว่าค่อนข้างสำคัญเลยที่เดียว เพราะบ่อยครั้งที่ต้องชิ่งบอลให้กับกองหน้าด้วยความรวดเร็ว ถ้าอัพน้อยไปลูกบอลจะใช้เวลาเดินทางนานและทิศทางไม่ค่อยดี
Short Passing : เป็นค่าสเตตัสที่จำเป็นต้องอัพให้สูงๆ เพราะเวลาผ่านบอลจะช่วยลดโอกาสของการโดนตัดบอล รวมไปถึงน้ำหนักของลูกที่พุ่งไปหาเป้าหมายก็จะแรงขึ้น
Reaction : การอัพค่านี้ให้สูงๆ จะทำให้เราควบคุมตัวละครได้ดีขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งต่อตำแหน่งนี้ เพราะการควบคุมที่คล่องกว่าย่อมสร้างโอกาสในการบุกได้ดีกว่า
Ball Control : ค่าสเตตัสนี้ก็ค่อนข้างสำคัญเหมือนกัน มีประโยชน์ทั้งในตอนเลี้ยง หรือโยกหลอกศัตรู
*Free kick : จะอัพหรือไม่อัพก็ได้ แต่นักเตะตำแหน่งนี้ส่วนใหญ่จะสามารถอัพค่าสเตตัสได้สูง
ตัวอย่างนักเตะ : Kaka ของทีม Ac Milan, Ronaldinho ของทีม Barcelona
กองกลางตัวส่งไกล+ยิงไกล
กองกลางประเภทนี้จะใช้บอลทำงานแทนที่จะใช้ตัวกระฉากลากถูเข้าไปเอง ซึ่งกองกลางประเภทรี้จะวางบอลได้แม่นและด้วยกำลังขาที่มาก ทำให้สามารถยิงไกลได้ดีอีกด้วย
Composure : ยังคงเป็นค่าสเตตัสที่สำคัญต่อตำแหน่งกองกลาง ซึ่งมีผลต่อความนิ่งในจังหวะที่เปิดบอล
Long shots : เพิ่มความแรงและความแม่นยำของลูกยิงระยะไกล ถ้าอัพมาเยอะสามารถยิงครึ่งสนามได้สบายๆ
Finishing : เพิ่มโอกาสที่ลูกจะพุ่งเข้าหากรอบหรือมุมที่ผู้รักษาประตูป้องกันได้ยากมากขึ้น
Shot Power : เพิ่มความแรงหรือความหนักหน่วงของลูกมากขึ้นไปอีก ค่านี้จะช่วยให้ลูกยิงพุ่งเข้าหากรอบได้เร็วขึ้นและโอกาสที่ผู้รักษาประตูจะป้องกันก็ยากขึ้น (ถ้าอัพ Long shots จำเป็นต้องอัพ Shot Power ควบคู่ไปด้วย)
Long Passing : ทำให้ประสิทธิภาพของความแม่นยำ และน้ำหนักในการส่งลูกระยะไกลดีขึ้น ลูกที่ส่งออกไปจะพุ่งไปหาเป้าหมายหรือพื้นที่ที่กำหนดได้ดีขึ้น
Reaction : ทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองดีขึ้น ค่านี้ในช่วงแรกอาจจะยังไม่ต้องอัพเยอะมากเท่าไหร่ ค่อยมาอัพช่วงหลังๆ ก็ได้
Ball Control : ช่วยให้การควบคุมบอลดีขึ้น แต่ในช่วงแรกก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องอัพเช่นกัน
ตัวอย่างนักเตะ : Steven Gerrard ของทีม Liverpool, Andrea Pirlo ของทีม AC Milan
กองกลางริมเส้น (RM, LM, RWM, LWM)
ปีกริมเส้นเน้นจ่าย+ชิ่งบอล
เป็นกองกลางที่เล่นบอลริมเส้น มีหน้าที่กระฉากบอลเพื่อส่งให้กับกองหน้าเข้าทำประตู หรือเอาไว้เล่นชิ่งกับกองกลางตัวทำเกม ตำแหน่งนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้เล่นกองหน้าจอมโขก แต่เลือกเล่นกองหน้าที่จบสกอร์ด้วยเท้าได้ดี
Stamina : ช่วยเพิ่มความอึด แรงดีไม่มีตก สามารถวิ่งทำเกมได้ตลอด 90 นาที
Sprint Speed : ถ้าต้องการกระฉากหลุดกระจุยกระจายก็จำเป็นต้องอัพให้สูงๆ เข้าไว้ (เอาไว้หนีตัวประกบ)
Acceleration : แน่นอนว่าถ้าอัพ Sprint Speed ก็ต้องอัพค่านี้ด้วย เพราะจะทำให้สปีดช่วงปลายทิ้งขาดตัวประกบได้ดี
Dribbling : หากต้องการเล่นสไตล์ชิ่งบอลเร็ว ก็ถือว่าเป็นอีกค่าสเตตัสหนึ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะจะส่งผลถึงความเร็วของลูกที่ส่ง ถ้าเราอัพมาน้อยกว่าลูกจะไปหาเป้าหมายรับรองลิงหลับแน่นอน
Short Passing : อัพเต็มได้ก็ให้อัพไปเลยครับ เพราะค่านี้ช่วยให้ลูกวิ่งไปหาเป้าหมายได้เร็วขึ้น แม่นยำขึ้น โดนตัดบอลยากขึ้น
Ball Control : ทักษะในการควบคุมลูกก็ถือว่าสำคัญเช่นกัน เช่น เวลาที่เลี้ยงไปถึงเส้นหลังแล้วหยุดบอล เพื่อวิ่งย้อนหลับหลังกระทันหันเพื่อตัดเข้าในหรือจ่ายบอล ค่านี้ก็จะทำให้บอลหนึบติดเท้าแบบว่าไปไหนไปด้วยเลยทีเดียว
ตัวอย่างนักเตะ : Vicente ของทีม Valencia, Cristiano Ronaldo ของทีม Manchester Utd
ปีกริมเส้นเน้นโยนบอล
ตำแหน่งนี้ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ เมื่อได้บอลแล้วก็วิ่งลากเลาะริมเส้นไปเรื่อยๆ พอสบโอกาสก็โยนเข้ากลางให้กองหน้าไปลุ้นต่อเอาเอง
Stamina : การที่ต้องวิ่งลากอยู่ตลอดเวลา และบ่อยครั้งที่ต้องลากตั้งแต่กลางสนามทำให้ตำแหน่งยนี้จะต้องอึดเป็นพิเศษ
Sprint Speed : เพิ่มความเร็วช่วงออกตัวได้ดีขึ้น
Acceleration : เพิ่มความเร็วช่วงหลังจากออกตัวแล้วให้ดีขึ้น แนะนำให้อัพค่านี้เยอะๆ เลย เพราะสปีดช่วงปลายถือว่าสำคัญกับตำแหน่งนี้อย่างมาก
Long Passing : เพิ่มความแม่นยำและน้ำหนักของลูกส่งระยะไกล และจะจำเป็นมากถ้าบางครั้งเราจำเป็นต้องโยนบอลธรรมดาที่ไม่ใช่การครอสบอลไปให้กองหน้า
Crossing : ค่านี้จะช่วยเพิ่มความโค้งและความแม่นของลูกที่จะพุ่งเข้าหาเป้าหมายได้ดีขึ้น แนะนำเลยว่าอัพให้เต็ม!
ตัวอย่างนักเตะ : David Beckham ของทีม LA Galacxy, Jerome Rothen ของทีม Paris SG
กองกลางตัวรับ (CDM)
รับเต็มรูปแบบ
CDM ก็คือมิลฟิลด์ตัวรับ ซึ่งการที่จะเล่นแบบเน้นรับเต็มรูปแบบนั้น ค่าสเตตัสส่วนใหญ่จะอัพคล้ายๆ กองหลัง ตำแหน่งนี้จะเน้นไปที่การตัดเกมรุกก่อนที่จะถึงแนวป้องกันสุดท้าย โดยจะไม่เน้นในการช่วยทำเกมรุกเลย
พลังงาน : มีผลต่อความแข็งแกร่งของร่างกาย ทำให้สามารถเบียดแย่งบอลกับแนวรุกของฝั่งตรงข้ามได้ดี เพราะถ้าเราอัพมาน้อยกว่าจะไม่สามารถเบรคเกมได้ (เอาไว้เจอกองหน้าที่อัพค่านี้มาเยอะๆ)
Reaction : ช่วยเสริมความคล่องในการบังคับ เพราะเมื่อเจอกับกองหน้า หรือกองกลางคล่องๆ การที่เรามีค่านี้เยอะจะทำให้ตามประกบได้ดี
Tacking : เวลาเข้าประทะโอกาสที่จะเบียดเพื่อตัดเกม หรือแย่งบอลนั้นสูงขึ้น แนะนำว่าควรอัพไว้เยอะๆ เลยครับ
Marking : การตามประกบเวลาที่เราไม่ได้บังคับดีขึ้น
Heading : เป็นค่าสเตตัสที่ทำให้แย่งโหม่งได้ดีขึ้น แน่นอนว่าเวลาที่ผู้รักษาประตูเตะสาดบอลขึ้นมา ตำแหน่งที่ต้องเบียดแย่งโหม่งบ่อยๆ ก็คือตำแหน่งนี้ ถึงแม้ว่าตัวละครจะไม่สูงแต่ก็อัพไปเถอะครับ มันแย่งโหม่งได้เหมือนกัน (แต่ถ้าเจอตัวที่สูงกว่าก็เหนื่อยหน่อย)
Aggression : ทำให้ตัดเกมได้ดีขึ้นเพราะจะช่วยทั้งในการบล๊อค หรือแม้แต่การเข้าแย่งบอล สำหรับตำแหน่งนี้สมควรอัพอย่างมากเลยครับ
ตัวอย่างนักเตะ : Gennaro Gattuso ของทีม AC Milan, Mahamadou Diarra ของทีม R. Madrid
รับกึ่งจ่าย
พูดง่ายๆ ก็คือ การเล่น CDM แบบปกติ ซึ่งจะเป็นการเล่นผสมกันระหว่างการเป็นกองกลางและกองหลัง แต่ข้อเสียคือ การอัพค่าสเตตัสที่หลากหลายเกินไป ทำให้ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ และนักเตะตำแหน่งนี้หาเก่งๆ ก็ยากพอสมควร
พลังงาน : มีผลต่อความแข็งแกร่งของร่างกายเวลาประทะเวลาตั้งรับ หรือเข้าตัดเกม
Sprint Speed : ถ้าเราไม่ได้วางตำแหน่งนี้หน้ากองหลัง แต่ยืนในแผงกองกลาง (ให้นึกถึงแผน 4-4-2) ตำเป็นต้องอัพค่านี้ไว้บ้าง เพราะเวลาตั้งรับตัวละครจะได้วิ่งไล่กวดชาวบ้านทัน
Acceleration : เหมือนเดิมครับค่านี้เป็นเพจแก็ทคู่กับ Sprint Speed
Long Passing : ควรจะอัพไว้บ้าง เพราะบางครั้งเมื่อตัดบอลได้ การเล่นแบบโต้กลับ ก็จำเป็นต้องโยนบอลให้กับแนวรุกทันที
Short Passing : แต่ถ้าไม่ชอบโยนบอลก็ควรอัพค่านี้นำก็ได้ ถ้าต้องการเล่นแบบต่อบอลขึ้นไปเรื่อยๆ
Reaction : ยังเป็นค่าสเตตัสที่สำคัญต่อตำแหน่งนี้เหมือนเดิม เวลาไล่ตามประกบจะได้พลิ้วๆ
Ball Control : ควรอัพไว้บ้างเพราะอาจจะได้ใช้ทักษะนี้เยอะหน่อย เวลาที่ต้องเติมเกมรุก
Tacking : ค่านี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าประทะสำเร็จ จำเป็นมากเวลาที่ต้องตัดเกม
Marking : ทำให้การตามประกบเวลาที่ไม่ได้บังคับหนึบขึ้น
Aggression : ช่วยในการตัดเกม บล๊อคคู่ต่อสู้ หรือการเบียดแย่งบอล สมควรอัพไว้เยอะๆ เลยครับ
ตัวอย่างนักเตะ : Daniele De Rossi ของทีม Roma, Owen Hargreaves ของทีม Manchester Utd
กองหลังเซ็นเตอร์ (CB)
เป็นตำแหน่งที่เปรียบเสมือนปราการด่านสุดท้ายของท่านชาย ดังนั้นการอัพค่าสเตตัสควรอัพตามที่แนะนำไปให้เต็ม 99 ทุกค่าเลย
พลังงาน : ช่วยในการเบียดประทะ ทำให้กองหน้าหลุดเข้าไปยิงได้ยาก
Composure : เพิ่มความนิ่ง มีผลทั้งเวลาที่ต้องเคลียบอล การขึ้นแย่งโหม่ง การประกบที่ดีขึ้น หรือแม้กระทั่งการเช็คลำหน้า (อัพให้เยอะๆ)
Tacking : เพิ่มโอกาสในการเข้าประทะสำเร็จ ไม่ว่าจะเบียดแย่งบอลหรือเบียดให้ล้มเพื่อตัดเกม
Marking : มีผลต่อการเข้าประกบ ทั้งในจังหวะที่แย่งโหม่ง การประกบตัวที่ว่างอยู่ อย่าลืมนะครับ ว่าถ้ากองหลังประกบไม่ดี ก็หลุดแน่นอน
Heading : อย่างที่รู้กันดีว่าจุดเด่นของกองหลังก็คือการโหม่ง ฉะนั้นอย่าลังเลอัพยาวๆ ไปเลย
Aggression : เพิ่มโอกาสในการรุกรานคู่ต่อสู้ ให้สำเร็จ โดยเฉพาะตอนที่เบียดแย่งบอล หรือเบียดแย่งโหม่ง
ตัวอย่างนักเตะ : Alessandro Nesta ของทีม R. Madrid, Lucio ของทีม Bayern Munich
แบ็กซ้าย, แบ็กขวา (RB, LB, RWB, LWB)
รับเต็มรูปแบบ
เน้นลงหลักปักฐานเพื่อตั้งรับ และจะไม่ค่อยเติมเกมรุกเลย หน้าที่หลักๆ คือการป้องกันด้านริมเส้น แต่ก็สามารถเข้ามาป้องกันตรงกลางแทนตำแหน่งของ CB ได้เหมือนกัน
Sprint Speed : ถ้าจะป้องกันด้านริมเส้นจากปีกตัวจี๊ดๆ ก็ต้องอัพไว้ครับ ไม่อย่างนั้นวิ่งไล่ไม่ทันแน่นอน
Acceleration : ไม่ต้องอัพเยอะก็ได้ เพราะปกติก็ตั้งรับในแดนตัวเองอยู่แล้ว (วิ่งไล่ไม่ไกล) เน้นไปที่การเข้าตัดเกมเลยจะดีกว่าครับ
Tacking : อัพไปเยอะๆ เลยครับ ประมาณว่าเข้าเบียดแย่งแล้วตัดบอลได้ชัวร์ๆ ไปเลย
Marking : ส่วนใหญ่จะเห็นประโยชน์ตอนที่เจอกับลูกตั้งเตะมากกว่า การอัพไว้เยอะๆ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการป้องกันให้สูงขึ้น
Heading : ช่วยให้โหม่งบอลได้ดีขึ้น อัพช่วงหลังๆ ก็ได้ครับ เพราะจะได้ใช้ตอนโดนลูกเตะมุม และตอนที่โดนบอมบ์เสาสองซะส่วนใหญ่ (ปกติถ้าโยนไปเสาสองผู้รักษาประตูมักจะตัดบอลได้ก่อน)
Aggression : อันนี้อัพไปเยอะๆ เช่นกันครับ เพราะมันช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดเกมได้ดีขึ้น
ตัวอย่างนักเตะ : Sergio Ramos ของทีม AC Milan, Eric Abidal ของทีม Barcelona
เน้นเต็มเกมรุก
ถ้าตามตำแหน่งแล้วเราจะเรียกว่า RWB หรือ LWB ซึ่งก็คือ วิงแบ็กนั่นเอง พวกนี้จะสามารถกดันขึ้นไปเติมเกมรุกได้ จุดเด่นคือ ขึ้น-ลง ทางริมเส้นได้เร็ว
Stamina : จะช่วยเพิ่มความอึดทำให้วิ่งยาวๆ ได้ตลอดทั้งเกม
Sprint Speed : แน่นอนว่านี้คือจุดเด่นของตำแหน่งนี้ ดังนั้นอัพไปเลยครับ (อย่ากดเยอะนะมีค่าอื่นที่ต้องอัพอีก)
Acceleration : เพิ่มสปีดช่วงปลายให้เร็วขึ้น
Long Passing : ทำให้ส่งบอลระยะไกลแม่นยำขึ้น บางครั้งก็ควรที่จะโยนบอลยาวบ้าง (ใช้บอลทำงานแทน)
Crossing : ทำให้ลูกที่เปิดจากด้านข้างพุ่งเข้าหาเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
Short Passing : แต่ถ้าเล่นแบบต่อบอลไปเรื่อยๆ ก็ให้เน้นมาที่ค่านี้แทนครับ
Tacking : อย่าลืมว่าหน้าที่หลักๆ คือการป้องกัน ดังนั้นควรอัพไว้ จะได้ตัดเกมได้ง่ายขึ้น
Marking : ทำให้การประกบดีขึ้น อัพไว้บ้างก็ดี
Aggression : อัพไปเลยครับ เพราะค่านี้จะช่วยให้การตัดเกมดีขึ้นเยอะ
ตัวอย่างนักเตะ : Daniel Alves ของทีม Sevilla, Roberto Carlos ของทีม Fenerbahce SK
ผู้รักษาประตู (GK)
บางคนอาจจะคิดว่าตำแหน่งผู้รักษาประตูอัพค่าสเตตัสง่ายๆ เพราะในเกมมีการแยกหมวดหมู่ออกมาแล้ว แต่หารู้ไม่ว่ายังมีค่าสเตตัสอื่นๆ ที่จำเป็นต่อตำแหน่งนี้อยู่อีก
Composure : มีผลต่อความนิ่งของการป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตัดบอลเวลาเจอลูกเตะมุม หรือการวิ่งออกมาบล๊อคเวลาเจอลูกหลุดเดียว
Reaction : ค่านี้คล้ายๆ กับ Reflexes เพราะส่งผลโดยตรงต่อปฏิกิริยาของผู้รักษาประตู แต่ปฏิกิริยาที่ค่านี้จะเห็นมากเช่น ในเวลาที่ล้มแล้วลุกมาเล่นต่อด้วยความรวดเร็ว (คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับปฏิกิริยาทั้งหมดที่ไม่ใช่มือ)
Aggression : เพิ่มโอกาสในการรุกเข้าพื้นที่ที่มีการป้องกัน หรือมีคนยืนอยู่แล้ว อย่างเช่นตอนเตะมุม ผู้รักษาประตูก็จะสามารถเข้าไปรับบอล หรือปัดบอลในพื้นที่ที่มีฝั่งตรงข้ามยืนอยู่
Handling : การใช้มือในการป้องกันดีขึ้น
Reflexes : ปฏิกิริยาในการป้องกันลูกยิงของผู้รักษาประตูดีขึ้น ยิงถ้าเจอลูกที่ยิงมาแรงๆ หรือเร็วๆ โอกาสที่จะป้องกันได้ก็จะสูงขึ้น
Diving : เพิ่มความว่องไวมากขึ้น เช่นการพุ่งปัดต่างๆ
Position : ทักษะที่จะทำให้การปิดมุมยิงของฝั่งตรงข้ามดีขึ้น
ตัวอย่างนักเตะ : Gianlugi Buffon ของทีม Juventus, Casillas ของทีม R. Madrid