Sony ยอมรับว่าเกม Call of Duty เป็นหนึ่งในเกมที่ไม่มีใครเทียบได้

ดูเหมือนว่าข่าวการเข้าซื้อ Activision Blizzard ของทาง Microsoft นั้นจะเป็นเรื่องที่สะเทือนวงการไม่น้อย ทั้งยังทำให้ค่ายเกมต่าง ๆ รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก หนึ่งในนั้นก็คือทาง Sony ที่ถึงขั้นออกมายอมรับเลยค่ะว่าข่าวการควบรวมนี้ทำให้ตนรู้สึกหวั่นไม่น้อย ทั้งยังอดระแวงไม่ได้ด้วยว่าเกมชู้ตติ้งชื่อดังอย่าง Call of Duty จะถูกจำกัดแพลตฟอร์มให้เล่นได้แค่บน Xbox หรือ PC เท่านั้น แม้ทาง Microsoft จะเคยออกมายืนยันแล้วก็ตามว่าเกม Call of Duty จะยังคงเป็นเกมที่ลงให้กับหลาย ๆ แพลตฟอร์มต่อไปก็ตาม

โดยข้อมูลนี้เป็นความคิดเห็นที่หลุดออกมาจากเอกสารต่าง ๆ ที่ถูกนำมาเผยแพร่โดยหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศบราซิล ซึ่งเนื้อหาภายในนั้นก็มีการกล่าวถึงมุมมองที่ทาง Sony มีต่อเกม Call of Duty เอาไว้ด้วยว่า “เป็นเกมที่โดดเด่นมาก ๆ มันเป็นทั้งเกมบล็อกบัสเตอร์ และเป็นเกมระดับ AAA ที่ไร้ซึ่งคู่แข่ง” ซ้ำการวางจำหน่ายของตัวเกมยังอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องคอนโซลของผู้บริโภคได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ทาง Sony ยังยืนยันด้วยว่าการจะหาเกมคู่แข่งมาแข่งกับแฟรนไชส์ Call of Duty นั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะการจะพัฒนาเกมระดับนี้เพื่อออกวางจำหน่ายในทุก ๆ ปีนั้น จำเป็นต้องใช้กำลังคนและเม็ดเงินจำนวนมหาศาลระดับหลายร้อยล้านต่อปี ซึ่งแน่นอนว่าย่อมไม่มีค่ายเกมไหนมีทรัพยากรและความเชี่ยวชาญพอจะเทียบชั้นได้ หรือต่อให้มีค่ายนั้นขึ้นมาจริง แต่แฟรนไชส์ Call of Duty เองก็ยังมีฐานแฟน ๆ ที่มั่นคง และแฟน ๆ เหล่านั้นก็คงไม่เปลี่ยนไปเล่นเกมอื่นง่าย ๆ เพราะนั่นจะเท่ากับพวกเขาต้องสูญเสียความชำนาญที่สั่งสมมาไป รวมถึงเสียเพื่อน ๆ ที่อุตส่าห์หามาได้ในเกมด้วย

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือเกม Call of Duty: Vanguard ที่ถึงแม้หลาย ๆ ฝ่ายจะบอกว่านี่เป็นเกม Call of Duty ภาคที่ทำรายได้ได้น้อยกว่าภาคก่อน ๆ มาก แต่มันก็เป็นหนึ่งในเกมที่ขายดีที่สุดในปี 2021 แม้ว่าปีดังกล่าวจะเป็นปีที่เกมต่าง ๆ มียอดขายลดลงอย่างเห็นได้ชัด หรือพูดอีกอย่างก็คือ แม้จะเป็นปีที่วงการเกมค่อนข้างซบเซา แต่เกม Call of Duty ก็ยังมีฐานผู้เล่นที่ภักดีต่อแฟรนไชส์และยังคงซื้อเกมอยู่เรื่อย ๆ นั่นเอง

ถ้าขนาดยักษ์ใหญ่แห่งวงการเกมอย่าง Sony ยังออกมายืนยันด้วยตัวเองแบบนี้ แสดงว่าเกม Call of Duty นั้นคงจะถือเป็นเกมที่น่ากลัวในมุมมองของเหล่าผู้พัฒนาจริง ๆ และยิ่งถ้ามีทาง Microsoft ที่มีเงินทุนจำนวนมหาศาลคอยหนุน ก็น่าสนใจเหมือนกันนะคะว่าเกมในแฟรนไชส์นี้จะมีพัฒนาการต่อไปอย่างไร และทาง Sony จะมีมาตรการตอบโต้ยังไงค่ะ

ที่มา: Push Square