เชื้อราใน “The Last of Us” โรคระบาดนี้มีที่มาอย่างไรในชีวิตจริง

หากใครติดตาม The Last of Us ไม่ว่าจะเป็นเกมหรือซีรีส์กันมา ก็อาจจะรู้ว่าเชื้อราที่กล่าวถึงนั้นไม่ใช่เชื้อซอมบี้แต่เป็นเชื้อสปอร์ (Fungus) ที่เข้ามาควบคุมสมองของมนุษย์จนเกิดอาการประหลาด ๆ ซึ่งเจ้าสปอร์ประเภทนี้ก็มีจริงด้วยเช่นกัน วันนี้เรามาเจาะลึกดูเชื้อเหล่านี้กันดีกว่าว่ามีที่มากันอย่างไร

เชื้อ Cordyceps Brain Infection ในเกม The Last of Us

ในเกม The Last of Us นั้น เชื้อได้เริ่มระบาดช่วงเดือนกันยายน ปี 2013 โดยเชื้อรา คอร์ไดเซป (Cordyceps) ทำให้คนกว่า 60% เสียชีวิตและกลายเป็นผู้ติดเชื้อ และภายหลังได้เรียกว่า Cordyceps Brain Infection

ตัวเชื้อรานั้นจะเติบโตในขณะที่ผู้ติดเชื้อยังมีชีวิต โดยจะมี 4 ระดับ ดังนี้

  • ระดับที่ 1 (Runner) : เกิดขึ้นหลังจากติดเชื้อได้ 2 วัน โดยผู้ติดเชื้อจะสูญเสียสติและความเป็นมนุษย์ และเกิดความดุร้ายโจมตีคนอื่นอย่างไร้เหตุผล
  • ระดับที่ 2 (Stalker) : หลังจาก 2 สัปดาห์ ผู้ติดเชื้อจะเริ่มสูญเสียการมองเห็นจากการที่เชื้อราเติบโตในส่วนของสมอง
  • ระดับที่ 3 (Clicker) : หลังจากระยะเวลาผ่านไป 1 ปี ผู้ติดเชื้อจะสูญเสียการมองเห็นเต็มรูปแบบจากการที่เชื้อราทำลายส่วนของสมองเกือบทั้งหมด และทำให้เหล่าผู้ติดเชื้อในระยะนี้พัฒนาการใช้เสียงสะท้อน Echolocation เพื่อมาทดแทนการมองเห็นที่หายไป
  • ระดับที่ 4 (Bloater) : ในเคสที่หายากมากๆ หากผู้ติดเชื้อยังมีชีวิตหลังผ่านมาหลายปี ตัวเชื้อราจะเริ่มแพร่กระจายไปตามตัวและสร้างชั้นเกราะหนาขึ้นมารอบๆ 

หากผู้ติดเชื้อเสียชีวิตลง ศพของพวกเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นฐานยิงสปอร์เพื่อแพร่กระจายเชื้อต่อไป รวมไปถึงเชื้อสามารถแพร่กระจายผ่านการกัดจากผู้ติดเชื้อได้ด้วย รวมไปถึงศพของผู้ติดเชื้อทุกคนก็จะกลายเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อราต่อโดยไม่คำนึงถึงระดับที่ติดเชื้อ

เชื้อ Cordyceps Brain Infection ในชีวิตจริง

ในส่วนของเชื้อราสปอร์ใน The Last of Us นั้น มีจริงบนโลกมนุษย์ แต่เชื้อเหล่านี้จะแพร่ระเบิดสำหรับแมลงเท่านั้น และยังไม่มีข้อมูลว่ามันสามารถติดมนุษย์ได้แต่อย่างใด ซึ่งเป้าหมายหลักของเชื้อราเหล่านี้ก็เพื่อขยายแพร่พันธุ์ออกไปเรื่อยๆ โดยทางเราจะมาแนะนำให้ได้รู้จักกับ 2 เชื้อราบนโลกแมลง ดังนี้

Ophiocordyceps unilateralis

สำหรับเชื้อราตัวจะติดกลับเหล่ามด ซึ่งมดที่โชคร้ายติดเชื้อนี้ไปจะถูกควบคุมโดยเชื้อรา โดยมันจะเริ่มแตกรังขึ้นไปอยู่ที่สูงประมาณพื้นดิน 10 นิ้ว ก่อนหาจุดที่มีอุณหภูมิและความชื้นพอเหมาะเพื่อการเติบโตของเชื้อราที่ดี หลังจากที่ได้ตำแหน่งที่ดีแล้วมันก็จะฝังเขี้ยวของมันลงไปยังจุดนั้นเพื่อรอเวลาตายอย่างเดียว

หลังจากนั้นเชื้อราจะเริ่มกัดกินมดจากภายใน และเมื่อมดได้ตายลงภายในเวลาไม่กี่วัน สปอร์เชื้อรานี้ก็จะเริ่มงอกออกจากหัวมดก่อนที่จะปล่อยเชื้อราตัวนี้ล่องลอยไปติดมดที่โชคร้ายตัวอื่นต่อไป

Entomophthora muscae

อีกหนึ่งเชื้อราที่ลักษณะคล้ายกัน แต่ตัวนี้จะติดเหล่าแมลงวันแทน โดยหลังจากที่แมลงวันติดเชื้อได้ 4-5 วัน มันจะเริ่มไต่ขึ้นที่สูง ก่อนที่จะใช้น้ำลายเหนียวยึดติดตัวมันให้อยู่ในจุดนั้น และอีกไม่กี่นาทีต่อมามันจะตายในลักษณะที่ปีกตั้งตรง

สาเหตุของการที่ตัวมันต้องตายในลักษณะที่ปีกตั้งตรง ก็เพื่อไม่ให้ปลีกไปขวางทางการแพร่กระจายของเชื้อรา โดยเหล่าเชื้อรานั้นจะเริ่มออกมาตามปล้องตามตัวของแมลงวันเป็นเม็ดเล็กๆ ก่อนที่จะแตกและส่งสปอร์เชื้อราเหล่านี้ไปติดแมลงวันตัวอื่นๆ ต่อไป

นี่ก็เป็นหนึ่งตัวอย่างสำหรับโรคระบาดที่มีจริงเพียงแต่เกิดในเหล่าแมลงเท่านั้น ก่อนจะนำมาดัดแปลงใส่ในเกมหรือซีรีส์ The Last of Us อย่างที่เราได้เห็นกันนี่เอง ซึ่งยังมีเกมและซีรีส์อื่น ๆ อีกมากมายที่มีโรคระบาดแปลก ๆ ทั้งที่มีจริงและไม่มีจริง หากเพื่อน ๆ สนใจสามารถเข้าไปอ่านได้เพิ่มที่นี่ได้นะครับ โรคระบาดประหลาดทั้งจริงและไม่จริง ที่มีให้เห็นในโลกของเกม

Source : thelastofus.fandom

ติดตามข่าวเกมอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online-Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้