The Last of Us ซีซั่น 2 ตอน 3 รวมจุดสังเกตที่เปลี่ยนไปจากเวอร์ชั่นเกม

TLOU

ได้เวลามูฟออนจากซีนสะเทือนใจใน EP2 ด้วยการดู EP3 กันต่อเลยครับ โดยตอนล่าสุดนี้ต้องเรียกว่าเกือบทั้งตอนมีการเนรมิตซีนต่าง ๆ ขึ้นใหม่ให้แตกต่างจากเวอร์ชั่นเกมเยอะมาก ซึ่งในบทความนี้เราได้รวบรวมซีนใหม่ที่เพิ่มมาในซีรีส์ที่น่าพูดถึง และมีน้ำหนักกับเส้นเรื่องมาให้ชมกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ลองมาดูกันเลย

***บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหาเกม The Last of Us Part 2 และซีรีส์ The Last of Us ซีซั่น 2 ตอนที่ 3***

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

  • เริ่มตอนมาด้วยซีนทอมมี่เข้ามายังห้องเก็บศพผู้เสียชีวิตในช่วงที่เกิดเหตุผู้ติดเชื้อบุกมายังเมืองแจ็คสัน (ซึ่งแม้ว่าโจลจะไม่ได้เสียชีวิตจากกลุ่มผู้ติดเชื้อก็ตาม) ระหว่างที่ทอมมี่จะใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดร่างให้โจล เขาก็ได้เห็นนาฬิกาข้อมือที่ซาราห์เคยมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดโจลเมื่อ 20 กว่าปีก่อน พลันนึกได้ว่าวิญญาณของโจลคงได้ไปพบกับลูกสาวของตัวเองเสียที
  • ในเวอร์ชั่นเกมนั้น ทอมมี่กับโจลจะถูกกลุ่มของแอ๊บบี้ทำร้ายมาพร้อมกัน และเหตุการณ์จะโฟกัสไปแต่เอลลี่เป็นหลัก ทำให้เราไม่เห็นว่าทอมมี่รู้สึกเจ็บปวดแค่ไหนที่สูญเสียพี่ชายไป แล้วเลือกข้ามไปช็อตที่มาเรียเล่าว่าทอมมี่บุกไปล้างแค้นแอ๊บบี้เพียงลำพังเลย
  • ถัดมาเป็นซีนที่เอลลี่ที่เพิ่งได้สติหลังจากเข้ารับการรักษาในแจ็คสัน โดยมีการขยี้เรื่องอาการ PTSD หรือภาวะทางจิตที่เกิดจากการที่ไปรับรู้เรื่องที่สะเทือนใจ จนเป็นฉากที่เอลลี่กรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน ซึ่งในเกมนั้น ผู้เล่นจะเห็นว่าเอลลี่มีการนึกเหตุการณ์ตอนที่โจลถูกแอ๊บบี้สังหารอยู่เป็นระยะ แต่ในเวอร์ชั่นซีรีส์เลือกที่จะถ่ายทอดอาการนี้ให้ผู้ชมให้เห็นตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่ ๆ เลย เพื่อให้รู้สึกอินกับความสัมพันธ์ที่ผูกพันระหว่างโจลกับเอลลี่มากขึ้น
  • ช่วงก่อนเริ่มภารกิจชำระแค้นกับแอ๊บบี้ในเวอร์ชั่นเกม ทอมมี่จะมีแนวคิดที่ไปทางเดียวกับเอลลี่อย่างเห็นได้ชัด (และสุดท้ายก็แอบไปซีแอตเทิลคนเดียวโดยไม่บอกใคร) ทว่าในเวอร์ชั่นซีรีส์มีการเพิ่มประเด็นเรื่องภาระหน้าที่ของทอมมี่ในฐานะผู้นำของเมืองแจ็คสันที่ต้องดูแลชีวิตของลูกบ้านทุกคน เขาไม่สามารถตัดสินใจเกณฑ์คนจากแจ็คสันไปร่วมทำภารกิจนี้ได้โดยพลการ และเขาเองก็จะละทิ้งผู้คนในเมืองนี้ไปทำภารกิจตามลำพังไม่ได้เช่นกัน เพราะแจ็คสันมีสภาที่คณะกรรมการต้องร่วมลงมติโหวตในการจะทำสิ่งใด ๆ อย่างเป็นระบบ ซึ่งสิ่งที่เพิ่มเข้ามานี้ช่วยเพิ่มความเป็นเหตุเป็นผลให้กับทอมมี่ และดูมีวุฒิภาวะของผู้นำขึ้นมาทันที ทั้งในบทบาทผู้นำชุมชนและผู้นำครอบครัว
  • เพียงแค่ตอนที่ 3 ตัวซีรีส์ก็เริ่มปูเรื่องราวของเซราไฟต์ (Seraphite) กลุ่มลัทธิที่มีความขัดแย้งกับ WLF (ย่อมาจาก Washington Liberation Front) ที่เป็นกลุ่มสังกัดของแอ๊บบี้กันเลย โดยเผยให้เห็นสมาชิกจำนวนหนึ่งของเซราไฟต์ที่มีทั้งผู้ใหญ่และเด็กกำลังเดินทางย้ายถิ่นฐาน แต่ดันเจอพวก WLF ตามมาทันเสียก่อน เลยถูกสังหารเรียบไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว ซึ่งกว่าเอลลี่จะเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุก็กินเวลาเดินทางจากแจ็คสันมาเป็นสัปดาห์แล้ว จนศพเซราไฟต์ทุกคนเน่าและส่งกลิ่นโชยไปทั่วบริเวณ
  • เอลลี่ในเวอร์ชั่นเกมจะออกเดินทางไปซีแอตเทิลพร้อมกับดีน่าทันทีที่ทราบจากมาเรียว่าทอมมี่ชิงออกเดินทางไปคนเดียวก่อนแล้วตั้งแต่ตอนกลางคืน แต่ในเวอร์ชั่นซีรีส์จะมีการเพิ่มฉากเอลลี่พยายามฟิตร่างกายตัวเองเพื่อฟื้นฟูเรี่ยวแรงให้กลับมาดังเดิม ซึ่งสอดคล้องกับที่เอลลี่ต้องนอนพักในโรงพยาบาลนานถึง 3 เดือนเพราะโดนพวกของแอ๊บบี้ซ้อมจนปอดฉีก (ในเกมเอลลี่จะบาดเจ็บไม่มากนัก จึงพร้อมเดินทางได้เลย)
  • ส่วนอีกฉากจะเป็นซีนที่ดีน่าแวะมาหาเอลลี่ที่บ้าน ซึ่งเอลลี่ตั้งใจจะเดินทางไปซีแอตเทิลเองอยู่แล้ว โดยดีน่านำแผนที่มาบอกวิธีการเดินทางจากแจ็คสันไปซีแอตเทิล รวมถึงสิ่งของที่จะเตรียมไปบนหลังม้า จะเห็นได้ว่าทั้งคู่มีการเตรียมการและซักซ้อมกันมาเป็นอย่างดีเพื่อรอรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดตรงหน้า ตรงจุดนี้ในเกมจะไม่มีเล่าแบบละเอียดให้เราได้เห็นครับ
  • ซีนสภาเมืองแจ็คสันเป็นอีกจุดที่ทำมาได้น่าสนใจมากครับ โดยเอลลี่พยายามที่จะโน้มน้าวคณะกรรมการทุกคนให้คล้อยตามและอนุมัติการส่งคนจำนวนหนึ่งไปซีแอตเทิลร่วมกับเธอเพื่อล้างแค้นให้โจล แต่สุดท้ายผลโหวตส่วนใหญ่จากสภาคือไม่เห็นด้วย ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะว่าบรรดาคณะกรรมการอาจจะมองว่า แม้ว่าเอลลี่จะอธิบายว่าภารกิจนี้คือการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับโจล ทว่ามันออกไปในทางเรื่องส่วนตัวมากกว่า แต่ตัวเมืองเพิ่งจะอยู่ในสภาวะเยียวยาและฟื้นฟูจากการบุกของผู้ติดเชื้อ และต้องเฝ้าระวังทุกวินาทีเผื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้นอีก ดังนั้นจึงควรโฟกัสกับคนที่มีชีวิตเหลือรอดอยู่มากกว่าจะไปล้างแค้นให้คนที่ตายไปแล้ว
  • ขณะเดียวกัน ช็อตนี้ก็เป็นการกำเนิดตัวขโมยซีนอย่างเซ็ธ ตาลุงที่เคยพูดจาเหยียดเอลลี่ในงานเลี้ยงปีใหม่ ที่แสดงความเห็นกลางสภาไปในทางเดียวกับเอลลี่ พร้อมเห็นด้วยว่าคนในเมืองไม่ควรนิ่งดูดายหากมีใครบุกเข้ามาถึงแจ็คสันแล้วมาฆ่าคนข้างใน แถมลุงแกยังแอบเอาปืนไรเฟิลส่วนตัวที่มีคุณภาพดีกว่าของเอลลี่และเสบียงจำนวนหนึ่งมาให้ก่อนเดินทาง ซึ่งมีฉากที่เอลลี่ยอมจับมือเซ็ธราวกับเป็นการให้อภัยที่เคยบาดหมางต่อกันด้วย ทำให้เห็นว่าสองตัวละครนี้มีพัฒนาการทางอารมณ์และความคิดขึ้นมาก
  • ภาพด้านล่างเป็นซีนพูดคุยกันระหว่างทอมมี่กับเกลที่เป็นนักจิตวิทยาประจำเมืองแจ็คสัน โดยมีคำพูดช่วงหนึ่งของทอมมี่ที่เจ้าตัวรู้ดีถึงนิสัยของพี่ชายที่นิยมการใช้ความรุนแรง จากไลฟ์สไตล์ที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดในโลกล่มสลายมาร่วม 20 ปี และเขาเองก็กลัวที่เอลลี่จะซึมซับเอาพฤติกรรมนี้มาจากโจลด้วย เพราะทั้งคู่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมานานแรมปีตั้งแต่ซีซั่นแรก แต่เกลได้ย้ำให้ทอมมี่ฟังว่า การที่คนเราจะใช้ความรุนแรงมันอยู่ที่ธาตุแท้ของคนคนนั้น สิ่งแวดล้อมมีผลแค่นิดเดียว ซึ่งเราต้องรอดูกันในตอนถัดไปจากนี้ว่าเอลลี่จะแสดงออกมาในลักษณะใด และจะเป็นไปตามที่ทอมมี่วิตกหรือไม่ (ในเกมจะไม่มีตัวละครเกลนะครับ)
  • ปิดท้ายด้วยซีนเอลลี่เยี่ยมหลุมศพของโจล พร้อมกับโปรยเมล็ดกาแฟลงที่หน้าป้ายหลุมศพ ใครที่เคยเล่นเกมมาทั้งสองภาคจะทราบดีว่าโจลนั้นชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ อย่างในภาคสองเจ้าตัวถึงกับยอมเอาของมีค่าของตัวเองแลกกับเมล็ดกาแฟเพียงถุงเดียวจากกลุ่มคาราวานที่เดินทางผ่านเมืองแจ็คสันด้วยซ้ำ
  • สุสานที่ฝังศพผู้คนจากแจ็คสัน กรณีของเวอร์ชั่นเกมจะตั้งอยู่ภายในเมืองเลย แต่ในเวอร์ชั่นซีรีส์จะอยู่นอกเขตเมือง ซึ่งเอลลี่เลือกแวะไปเยี่ยมโจลในช่วงเช้าก่อนจะออกเดินทางไปยังซีแอตเทิลนั่นเอง

ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้