ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์ Gladiator II นั้นเปิดตัวท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยว่า “จะมีทำไม” ในเมื่อหนังภาคแรกก็ถือว่าจบบริบูรณ์สวยงาม แถมประสบความสำเร็จทั้งรายรับ คำวิจารณ์ รวมไปถึงรางวัล เรียกได้ว่า Gladiator ภาคแรกนั้นเป็น 1 ในภาพยนตร์ที่ Complete ที่สุดในทุกๆ ทางแล้วครับ นั่นจึงทำให้การมาถึงของภาค 2 นั้นยังความสงสัยไปจนถึงแคลงใน และแม้แต่แฟนๆ เองก็นึกไม่ออกว่าจะต่อเนื้อเรื่องยังไงดีไม่ให้มันดูประหลาดเกินไป
ปรากฎว่าปู่ “ริดลีย์ สก็อต” สามารถจัดการปมความเคลือบแคลงเหล่านั้นได้ในระดับหนึ่ง แม้ภาพรวมของหนังคงไม่ถึงระดับที่ภาคแรกเคยไปถึง แต่อย่างน้อยที่สุด Gladiator ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่สนุก ดุเดือด ยิ่งใหญ่ และมีซีนที่น่าจดจำอยู่ไม่น้อย สำหรับผมเองที่ดูภาคแรกซ้ำไปซ้ำมาหลายๆ รอบมาตลอด 24 ปีที่ผ่านมา สามารถอ้าเขียนรับภาคต่อของมันได้อย่างไม่ติดขิดตะขวงแน่นอน
Gladiator II เล่าเรื่องต่อจากภาคแรกในช่วง 16 ปีถัดมา เมื่อ “ความฝันของโรม” ถูกลืมเลือนและจักวรรดิยังคงถูกปกครองโดยเหล่าผู้ชั่วร้าย “ลูเชียส” หลานของซีซ่าร์ผู้ทรงธรรม “มาคัส ออเรเลียส” ต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่นูมิเบีย เขาเติบโตขึ้นเป็นนักรบและเปลี่ยนชื่อเป็น “ฮานโน” แต่งงานและต่อสู้เพื่อชาวนูมิเบียที่เขารัก แต่แล้วชะตากลับเล่นตลก เมื่อวันหนึ่งกองทัพโรมันขนาดใหญ่นำมาโดยนายพล “อเคเซียส” สามีใหม่ของ “ลูเซียน่า” แม่ของเขาเอง ได้เข้าโจมตีนูมิเบียจนย่อยยับ และทำให้เขาตกเป็นเชลยและถูกขายเป็นทาส ก่อนหวนคืนสู่โรมเพื่อกลายเป็นกลาดิเอเตอร์ และรับรู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อของเขาคือ “แม็กซิมัส” ตำนานกลาดิเอเตอร์ตัวเอกจากภาคแรกนั่นเอง
สรุปก็คือผู้กำกับเลือกใช้ตัวละครเด็กน้อยในภาคที่แล้วในการสานต่อเรื่องราวที่เขายังคงอยากจะเล่าเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวทีเดียว เพราะมันทำให้เรารู้สึกถึงการเชื่อมโยงจากภาคแรกที่มากขึ้น (แม้ว่าจะต้องเปลี่ยนตัวคนเล่นเป็นลูเชียสสมัยเด็กก็ตาม) แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ใครที่ไม่ทันดูภาคแรกมาก่อนก็สามารถเข้าไปดูแลพอจะเข้าใจได้ เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่หากเคยดูภาคแรกมาก่อนและยังพอจำเนื้อหาได้ ก็จะรู้ว่าภาค 2 มีการใช้คำพูดหรือไดอาล็อกหลายๆ ส่วนที่สืบทอดจากภาคแรกมาไม่น้อย และได้อรรถรสที่มากขึ้น
แต่ถึงจะบอกว่าเนื้่อเรื่องไม่ได้ซับซ้อน ก็ใช่ว่าจะไม่สนุกนะครับ เอาเข้าจริงแล้วเนื้อเรื่องของภาคนี้มีความคล้ายภาคแรกสูงมาก แต่มีการเพิ่มเติมในส่วนของพาร์ทการเมืองและการต่อสู้มากขึ้นกว่าภาคแรกพอสมควรเลย การถ่ายทอดก็ทำได้ยอดเยี่ยม ลุ้นไปกับเส้นเรื่องที่ดำเนินไปอย่างปรู๊ดปร๊าดรวดเร็วแต่ไม่งง เมื่อผสมกับงานโปรดัคชั่นขนาดมโหฬารทุนสร้างระดับ 300 ล้านเหรียญ Gladiator II จึงเป็นภาพยนตร์ที่คนซึ่งหลงไหลในประวัติศาสตร์รวมไปถึงภาพยนตร์อีปิคซึ่งหาได้ยากเหลือเกินในสมัยนี้จะรู้สึกสำลักความสุขทางสายตาแน่นอน สิ่งปลูกสร้างปัง คอสตูมเป๊ะ (ชุดทัพ Praetorian โคตรเท่ สวยมากกก) นี่คือภาพของจักรวรรดิ์โรมันบนแผ่นฟิล์มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่แน่นอนสิ่งที่ทำให้ภาคนี้ไปไม่ถึงระดับของภาคแรกคือตัวละครที่มากมายกว่าเดิม ทำให้หนังต้องแบ่งเวลาไปโฟกัสแต่ละคนจนไม่อาจเล่าเรื่องได้ลึกล้ำเท่าภาคแรก รวมไปถึงช่วงท้ายที่รู้สึกว่าเร่งขมวดปมจนง่ายไปหน่อย ไม่ได้บิลด์ผู้ชมอะไรขนาดนั้นแม้ว่าหนังจะยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่งก็ตาม ขณะที่นักแสดงเป็นตัวเอกอย่าง “พอลล์ เมสคาล” แสดงได้ตามจ๊อบและทำได้ดี แต่รับรู้ได้ไม่ยากว่าบารมีของเขายังคนละชั้นจาก “รัสเซล โครว” ในภาคแรก และนั่นทำให้แสงของเขาโดนการแสดงชั้นอ๋องของลุง “แดนเซล วอร์ชิงตัน” กลบจนมิด คือแค่ชื่อชั้นก็ค่อนข้างต่างอยู่แล้ว ลุงยังมาเล่นดีมากๆ อีก กลายเป็น 1 ในตัวละครที่เจ๋งที่สุดของเรื่องไปเสียอย่างนั้น
Gladiator II อาจไม่ถึงขั้นภาคแรกอย่างที่ได้กล่าวไป แต่มันยังคงเป็นหนังที่สนุก ดุเดือด ยิ่งใหญ่ และตระการตามากๆ ของปีนี้อยู่ดี ภาพของโรมในยุครุ่งเรือง กับการปะทะกันในโคลอสเซียมหลายต่อหลายช็อตคือประสบการณ์ชั้นดีที่อยากเชียร์ให้่เข้ามาดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้นครับ โดยเฉพาะแน่นอนกับระบบที่ดีที่สุดอย่าง IMAX ที่ทั้งภาพชัดตาแตกกับระบบเสียงสุดกระหึ่มอย่างกับไปนั่งอยู่ในสนาม ณ เวลานั้นเลยทีเดียว
สุดท้ายคืออยากกราบขอบคุณนายทุนอย่าง Paramount ที่เทงบให้ลุงริดลีย์ไปตามฝันแบบจัดเต็มถึง 300 ล้านเหรียญ แม้ว่าหนังพีเรียดอีปิดแบบนี้ในยุคนี้จะมีโอกาสเจ๊งสูงมากก็ตาม ซึ่งนั่นหมายความว่าเราอาจไม่ได้เห็นหนังพีเรียดในสเกลนี้อีกนานครับ ใครที่ชอบภาพยนตร์สไตล์นี้อยากให้เข้ามาดูกันเยอะๆ ครับ ผมเชียร์สุดใจ และอยากให้ตัวหนังประสบความสำเร็จจริงๆ
VERDICT
8/10
ดูรอบและสำรองที่นั่งได้ที่ – https://majorcineplex.com/movie/gladiator-2
ขอขอบคุณ Major Cineplex สนับสนุนการรับชม
ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station