รีวิวหนัง Taklee Genesis – เล่นใหญ่จนแผลเต็มตัว แต่ควรค่าสนับสนุน

Taklee Genesis เป็นภาพยนตร์ไทยที่เรียกได้ว่าผมตั้งตารอที่สุดในปีนี้ ทั้งคาดหวังและประหวั่นว่ามันจะสามารถเอาตัวรอดได้ไหม ในยุคที่ภาพยนตร์ไทยต้องเน้นเพลย์เซฟเพื่อทำเงิน อย่างน้อยๆ หากไม่ได้กำไรก็ต้องเท่าทุนหรือให้ขาดทุนน้อยที่สุด วิสัยทัศน์แบบเล่นใหญ่เบอร์นี้มันจึงเป็นปรากฎการณ์สำคัญที่ไม่ได้มีมาบ่อยๆ ความทะเยอทะยานที่ไม่การันตีอะไรเลยแต่ยังหาคนมาร่วมลงทุนได้ พร้อมกับหนึ่งในผู้กำกับที่น่าเชื่อมือสุดของไทยอย่างพี่ “มะเดี่ยว” ทำให้ Taklee Genesis ได้รับการจับตามองมากมายทีเดียว

โดย Taklee Genesis เป็นเรื่องราวที่รวมเอาความเชื่อวิถีชาวบ้านและวิทยาศาสตร์มาผูกโยงเข้าด้วยกัน ผ่านการผจญภัยเพื่อตามหาพ่อของ “สเตลล่า” หญิงสาวผู้แค่อยากให้ครอบครัวเธอกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง หลังจากพ่อของเธอหายตัวไปในวัยเด็กอย่างเป็นปริศนา ทั้งนี้หากใครเคยอ่านนิตยสาร “ต่วยตูนพิเศษ” คุณอาจจะรู้สึกได้เลยว่า Taklee Genesis คือฉบับมูฟวี่ของนิตยสารเล่มนั้น เป็นดั่งจดหมายรักที่ผู้กำกับสร้างขึ้นเพื่อทริบิวต์แหล่งความรู้ในวัยเด็ก ที่แม้จะมีทั้งเรื่องจริง เรื่องลี้ลับ เหนือจินตนาการ ผีสางนางไม้ ทฎษฎีสมคบคิด ไปจนถึงไซไฟง่ายๆ ให้ได้อ่านกันสนุกๆ สาระบ้างไม่มีบ้าง แต่ก็ก่อเกิดเป็นจินตนาการอันยิ่งใหญ่และวาดฝันให้เด็กไทยหลายๆ คนในยุคที่อินเตอร์เน็ตยังคงเป็นเรื่องไกลตัว

Taklee Genesis

ไม่แปลกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูจะจับฉ่ายและเล่ายากเอามากๆ เหมือนนึกให้หนังอยากมีอะไรก็ยัดใส่เข้ามาหมด แต่ที่จริงก็มีความเป็นเหตุเป็นผลและสามารถร้อยเรียงให้อยู่ในเส้นเรื่องเดียวกันและมาบรรจบตอนท้ายได้เป็นอย่างดี ผมโล่งใจที่บทภาพยนตร์ในภาพรวมของหนังเรื่องนี้ไม่ได้แย่เหมือนที่หลายๆ คนปรามาสไว้ มันเต็มไปด้วยดีเทล ชัดเจนในภาพใหญ่ แต่ก็ไม่หลุดโฟกัสนักในภาพย่อย ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ มันเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายระหว่างทางที่อาจจะทำให้การเดินทางข้ามเวลาตลอด 2 ชั่วโมงกว่ารู้สึกว่าไม่ได้สมูธมากมายนัก

Taklee Genesis

สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดสำหรับตัวภาพยนตร์และเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจแต่ก็ได้แต่ทำใจยอมรับก็คือ แม้หนังจะใช้ทุนถึง 60 ล้านบาท แต่มันดูออกชัดเจนเลยว่ายังน้อยไปหากจะตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ที่ผู้กำกับอย่างคุณมะเดี่ยวอยากจะถ่ายทอดออกมาทั้งหมด แน่ล่ะว่าในภาพรวมหนังทำได้ดีมากๆ มีทั้งซีนชวนตะลึงที่ไม่ค่อยได้เห็นบนภาพยนตร์จอเงินของไทย และหลายๆ ซีนก็น่าตื่นตา ทว่าบางฉากมันก็เห็นชัดๆ ว่าต้องประหยัดงบลงและหลบมุมกล้อง ทำให้ซีนนั้นๆ ขาดพลังไปพอสมควร แต่หากพูดถึงการทำหนังในงบที่จำกัดประมาณนี้ Taklee Genesis ถือเป็นหนังไทยที่มีสเกลโปรดัคชั่นชวนเกินฝันไปเยอะเลย

Taklee Genesis

อีกหนึ่งบาดแผลที่เด่นชัดคือซับพล็อตยิบย่อยรายทางที่เยอะมากจนทำให้การเดินทางข้ามเวลาไม่สมูธเท่าที่ควร เอะอะก็จะแวะเพิ่มปม ที่แม้มันจะเป็นส่วนหนึ่งของการผูกเรื่องในปมใหญ่ แต่มันก็ทำให้หนังไม่สามารถเลี้ยงฟีลลิ่งของคนดูให้พีคอยู่ตลอดเวลาได้ ทั้งๆ ที่คอนเซปต์การเดินทางข้ามเวลาไปพบกับประเทศไทยในยุคต่างๆ ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตที่ล่มสลายเพราะไคจูถล่มเมืองนั้นสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี ชวนตื่นเต้นในทุกๆ ครั้งที่ตัวละครทำการวาร์ป เพราะเราจะตั้งตารอว่าผู้กำกับจะเล่า Lore ของช่วงเวลาแบบนี้อย่างไร ไม่แปลกที่ผู้กำกับรู้สึกว่าอยากทำจักรวาลแยกเพราะแต่ละเส้นเรื่องล้วนมีส่วนที่น่าสนใจของมัน (ส่วนตัวชอบพาร์ทอนาคตในแง่ของ Lore เพราะข้อจำกัดไม่เยอะ รู้สึกเลยว่าผู้กำกับมันส์มือมากในการปั้นพาร์ทนี้จนแอบรู้สึกว่าหนักข้อไปหน่อย แต่ก็ชอบอยู่ดี ฮา)

Taklee Genesis

นอกจากนี้ในความเป็น “ต่วยตูนพิเศษ เดอะมูฟวี่” ใครที่เป็นเนิร์ดหรือสนใจเรื่องโลกรอบๆ ตัวก็มีอีสเตอร์เอกให้ตามเก็บประมาณหนึ่ง อาจไม่เยอะแต่ก็รู้สึกว่าเจ๋งดี ขณะที่ในแง่ของนักแสดงหลายๆ คนทำได้ตามมาตรฐานจะมีตัวประกอบบางคนที่เล่นกระด้างไปสักหน่อย ส่วนน้องนีน่าน่ารักมาก เล่นได้ดีเลย รับส่งอารมณ์ชัดเจน ปลายปีมี “ธี่หยด 2″ อีกเรื่องอนาคตไกลแน่นอน ส่วนคุณพอลล่าเอาตรงๆ แม้อาจไม่ใช่จุดอ่อนขนาดนั้น แต่ก็รู้สึกว่าบทที่ต้องพูดไทยเยอะพร้อมรีดดราม่าไปในตัวแบบนี้มันอาจจะไม่เหมาะกับเธอนัก ถึงอย่างนั้นก็จะได้อิมเมจชัดเจนของความเป็นลูกครึ่ง อันเป็นสัญญะของแนวคิดตะวันตกกับความเชื่อพื้นบ้านของไทยไปในตัว อย่างไรก็ตามอยากจะชื่นชมการแสดงของคุณ”ทราย เจริญปุระ” น้อยแต่มากของจริง แม้พูดไม่มาก พูดไม่เป็นภาษา แต่สีหน้า แววตา การแสดงออกทางกายสื่ออารมณ์ชัดเจนได้อย่างน่าทึ่งโดยเฉพาะการเปลี่ยนสีหน้าไปมาช่วงท้ายที่รู้สึกว้าวมากๆ

Taklee Genesis

หนังยังมีเมสเสจแฝงมากมายให้ได้ขบคิดกันต่อ แต่ชัดเจนที่สุดคือการ “ส่งต่อความหวัง” จากเจนเนอเรชั่นสู่เจนเนอเรชั่น สิ่งที่กระทำในอดีตส่งผลถึงอนาคตเป็นทอดๆ หากทำไปแล้ว แม้ไม่อาจย้อนกลับแต่ความหวังยังคงส่งต่อกันได้ในฐานะของมนุษย์ มีชีวิตอยู่ด้วยความหวังย่อมกล้าแกร่งและสวยงามน่าจดจำกว่าอยู่ด้วยความกลัว และนอกจากจะส่งต่อความหวังในเรื่องแล้ว ผมหวังจริงๆ ว่าหนังเรื่องนี้จะสามารถส่งต่อความหวังสู่วงการได้เช่นกัน ว่ามันยังมีช่องให้คิดใหม่หรือเล่นใหญ่ได้เสมอ

Taklee Genesis

ส่วนเรื่อง CGI ผมคิดว่าเราไม่น่าต้องมาพูดกันแล้ว ช่วงหลังเราเห็นผลงานของคนไทยในระดับโลกมากมาย Taklee Genesis ก็มีงาน CGI ระดับสากลไปเรียบร้อย หายห่วงได้เลย ยิ่งหากได้ดูในระบบ IMAX ล่ะก็ รับรองความฟินด้านวิชวลในหลายๆ จุดมาก เพราะนอกจากจะจอใหญ่ยักษ์แล้ว ยังมีภาพพิเศษสเกล IMAX ในหลายๆ ซีนอีกด้วยครับ

Taklee Genesis

Taklee Genesis เป็นหนึ่งในหนังที่ผมเอาใจช่วยมากที่สุดในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ผมอยากให้มันได้คำชม อยากให้มันได้เงิน เพื่อที่จะสามารถเป็นฐานในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ต่อยอดให้กับวงการทั้งองคาพยภได้ เพราะแม้สิ่งที่นำเสนออาจจะไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่ขนาดนั้น หนังฝรั่งหลายเรื่องก็ไปไกลกว่านี้แล้ว แต่เมื่อทุกอย่างถูกนำเสนอในบริบทของความเป็นไทยๆ และเราสามารถรีเลทกับมันได้ในทุกส่วนสัด ก็กลับเป็นรสชาติใหม่ที่ชวนให้อยากลิ้มลองอยู่ เรื่อยๆ

Taklee Genesis

ทว่าหากต้องเชียร์ให้คนอื่นเสียเงินเข้าไปดูจริงๆ แม้ผมจะชอบมันขนาดไหนด้วยบาดแผลที่ชัดเจนหลายจุด ก็ยังไม่อาจเชียร์ได้สุดเสียงแนวๆ “คุณต้องไปดูนะ ห้ามพลาดเลย” ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง

“ไปดูเถอะนะ”

คงเป็นคำขอร้องวิงวอนที่จริงจังสุดเท่าที่ผมจะเอ่ยปากพูดได้

Taklee Genesis


Verdict
7.5/10

ดูรอบและสำรองที่นั่งได้ที่ – https://majorcineplex.com/movie/taklee-genesis

ขอขอบคุณ Major Cineplex สนับสนุนการรับชมภาพยนตร์


ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้