10 หนังไซไฟ น่าดู สนุก ๆ ปี 2023 ครบทุกรส ทุกอารมณ์

หนังไซไฟ (Sci-Fi / Science Fiction) นั้นมีตัวเลือกออกมามากมายให้เราเลือก ไม่ว่าจะเป็นไซไฟสืบสวน ไซไฟแอคชั่น ไซไฟฮีโร่ หรือแม้กระทั่งไซไฟสยองขวัญ แต่ว่าไซไฟไหนกันล่ะที่น่าดู ในวันนี้เราจะมาแนะนำหนังไซไฟกัน โดยจะมีเรื่องอะไรบ้าง เราไปติดตามกันข้างล่างได้เลย

หนังไซไฟ (Sci-Fi / Science Fiction) หรือ ภาพยนต์ฟิกชั่นที่บอกเล่าและดำเนินเนื้อเรื่องภายใต้แนวคิดหรือปรากฏการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ในทางวิทยาศาสตร์ บ้างก็อาจจะเป็นเทคโนโลยีอันล้ำยุคล้ำสมัย บ้างก็อาจจะเป็นมุมของแนวคิดทฤษฏีต่างๆ ที่นำเสนอออกมาผ่านมุมมองของผู้กำกับ อาจเรียกได้ว่าหนังไซไฟนั้นถือเป็นขั้วตรงข้ามของหนังแฟนตาซีที่เค้นแนวคิดเหนือจินตนาการโดยไม่ยึดกับหลักความเป็นจริง และในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าหนังไซไฟที่เรายกทัพมานั้น จะมีอะไรน่าสนใจ และจะมีเทคโนโลยีหรือแนวคิดอะไรในหนังที่มาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเราบ้าง

Transformer : Rise of the Beasts (2023)

ชื่อไทย : ทรานฟอร์เมอร์ กำเนิดจักรกลอสูร
IMDb :
6.1/10

Transformer : Rise of the Beast เมื่อภัยอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา เหล่าจักรกลต้องร่วมมือกันเพื่อกำจัดภัยอันตราย โดยในภาคนี้เราจะได้พบกับเหล่าทรานฟอร์เมอร์อย่างออโต้บอตและแม็กซิมัส ที่ถูกยกขึ้นมานำเสนอต่อจากหนังภาคก่อนอย่าง Bumblebee

ถือได้ว่าเป็นภาคต่อหรือจะเรียกเป็นการปัดฝุ่นใหม่เพื่อ Soft Reboot จักรวาลทรานฟอร์เมอร์ก็ว่าได้ สำหรับใครที่พึ่งเริ่มดูหนังไซไฟหรืออยากจะเข้ามารู้จักกับทรานฟอร์เมอร์แล้วล่ะก็หนังเรื่องนี้ถือเป็น 1 เรื่องที่น่าสนใจ


Spider man : Across the Spider-Verse (2023)

ชื่อไทย : สไปเดอร์-แมน ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม
IMDb :
8.8/10

Spider man : Across the Spider-Verse หนึ่งปีให้หลังจากเหตุการณ์ภาค แรกหลังไมล์และผองเพื่อนได้หยุดภัยอันตรายเอาไว้ได้ แต่ในครั้งนี้ภัยก็ใหม่กำลังคืบคลานเข้ามา กับตัวร้ายอย่าง The Spot ที่จะมาก่อภัยในระดับมัลติเวิร์ส!

ถือว่ากลับมาอย่างจัดจ้านและจัดเต็มกับเอฟเฟคแสงสีเสียง ชนิดว่ายกพร็อพมาทั้งโกดัง ผสมผสานกับการเดินเรื่องตามสไตล์ Marvel บอกได้เลยว่าใครเป็นคอฮีโร่และชอบเอฟเฟคหนังตะกาลตาแล้วล่ะก็ เรื่องนี้ถือว่าห้ามพลาด


Guardian of the Galaxy : Vol.3 (2023)

ชื่อไทย : รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3
IMDb :
8.0/10

Guardians of the Galaxy Vol.3 ภาคต่อก๊วนตะลุยปกป้องอวกาศสุดมันส์จากค่าย Marvel ที่ในครั้งนี้แก็งค์ Guardians of the Galaxy ได้เจอกับศัตรูคนใหม่และการเปิดภูมิหลังของ Rocket raccoon

สำหรับในภาคต่อเรียกได้ว่าทำออกมาได้อย่างครบรสทั้งสนุก ฮาสร้างอารมณ์ร่วมได้อย่างกลมกล่อม สำหรับคนที่ไม่ชอบหนังที่มีความตึงเครียดมากเกินไป Guardians of the Galaxy ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่ไม่ควรพลาด


Avatar : The Way of Water (2023)

ชื่อไทย : อวตาร – วิถีแห่งสายน้ำ
IMDb :
7.6/10

Avatar : The Way of Water เป็นหนังภาคต่อจาก Avatar (2009) ที่บอกเล่าเรื่องราวถึงชาวนาวี โดยในครั้งนี้ซัลลีและครอบครัวต้องเผจิญกับภัยครั้งใหม่จนต้องอพยพไปยังภูมิภาคชายฝั่งทะเลของดาวแพนดอร่า เรื่องราวการผจญภัย การเรียนรู้และเอาชีวิตรอดจะเริ่มต้นต่อจากนี้!

Avatar : The Way of Water ถือว่าเป็นหนึ่งในหนังไซไฟฟอร์มยักษ์ที่ทำภาพและเอฟเฟคออกมาได้ตระการณ์ตา รวมถึงเนื้อเรื่องที่ดำเนินโดยครอบครัวและการเปิดภูมิหลังจากหนังภาคก่อนอย่าง Avatar ซึ่งทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้จะมีรอยต่อระหว่างภาคมากกว่า 10 ปี แต่ก็ถือได้ว่าเป็นหนังไซไฟที่เก็บรายละเอียดเนื้อเรื่องได้อย่างครบถ้วน


The Flash (2023)

ชื่อไทย : เดอะแฟลช
IMDb :
6.9/10

The Flash จะเป็นอดีตหรืออนาคตที่สูญสลาย? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Flash ได้ย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่ปัจุบันที่เปลี่ยนไป หรือการล่มสลายของทั้งอดีตและอนาคต

ในหนังเรื่องนี้จะพาเราไปพบกับรวมมิตรฮีโร่ DC ที่มาพร้อมกับเอฟเฟคหนังที่ลงดีเทลลึกถึงระดับของการ Slow motion ก็ยังมีรายละเอียดแฝง ตัวหนังผสมผสานการเล่าเรื่อง ที่ปูบทให้ตัวละครได้อย่างลงตัว ผสมผสานกับความสนุกและฮาไว้ได้อย่างเหมาะสม ถือเป็นหนังที่ดูได้สบายๆสำหรับผู้ที่สนใจไซไฟและคอฮีโร่


M3GAN (2023)

ชื่อไทย : เมแกน
IMDb :
6.4/10

M3GAN หนังไซไฟสยองขวัญที่ผสมปมการเล่าเรื่องระหว่างเด็กและเทคโนโลยี เมื่อนักพัฒนาของเล่นได้สร้าง หุ่นยนต์ขึ้นมาเพื่อเป็นเพื่อนกับเด็ก และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อหุ่นเกิดคิดและตัดสนใจเองได้ !?

M3gan ถือว่าเป็น 1 ในหนังสูตรสำเร็จของหนังสยองขวัญที่แสดงให้เห็นถึงเรื่องราวระหว่างเด็กและเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี โดยตัวหนังจะไม่เน้นการนำเสนอฉากฆ่าฟันกันให้เห็นกันจะ ๆ แต่จะเป็นการเบี่ยงเบนให้พอรู้สึกว่านี่เป็นหนังสยองขวัญ แต่จะเน้นจุดเด่นไปในเรื่องของการนำเสนอเรื่องราวที่สะท้อนออกมาว่าเด็กและเทคโนโลยีอยู่ด้วยกันแล้วจะเป็นอย่างไร


They cloned Tyrone (2023)

ชื่อไทย : โคลนนิง ลวง ลับล่อ
IMDb :
6.7/10

They cloned Tyrone ซีรี่ย์ไซไฟคอมเมดี้ จาก Netflix ดำเนินเนื้อเรื่องโดย 3 เกรียนที่ต้องบุกห้องทดลองโคลนนิ่งและได้พบเจอกับเหตุการณ์สุดแปลกประหลาด!

โดยรวมถือว่าเป็นซีรี่ย์สนุกแบบพิสดาร แต่ก็ไม่มีความซับซ้อนแบบในแบบของไซไฟจนมากเกินไป เรียกได้ว่าอาจจะเป็นการยำเอาหลายๆอย่างมารวมกันแต่ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างแปลกใหม่


Everything Everywhere all at once (2022)

ชื่อไทย : ซือเจ๊ทะลุมัลติเวิร์ส
IMDb :
7.8/10

Everything Everywhere all at once ตัวตึง ตัวจริงเรื่องมัลติเวิร์ล ส่งมอบความบ้าคลั่งของการแอคชั่นดุดันมันส์ผสมผสานกับการปูเรื่องโดดวิบวับไปมาแปบ ๆ มีบู๊แปบ ๆ มีปรัชญา ไปไวมาไวแต่ยังสนุกได้ชนิดว่าซีนนี้ไม่บอกไม่รู้เลยนะว่าจบหน้ากล้อง

ถือว่าเป็นหนังที่จะเสพแอคชั่นเบาสมองก็ได้ แต่ถ้าเอาสัญญะที่มีในเรื่องก็บอกว่ามีเยอะมาก เหมาะสมและควรค่าที่จะนำเอามาดูสำหรับคอมัลติเวิร์ส


The Adam Project (2022)

ชื่อไทย : ย้อนเวลาหาอดัม
IMDb :
6.7/10

The Adam Project ถ้าย้อนเวลาได้อยากบอกอะไรกับตัวเอง? หนังไซไฟย้อนเวลาจาก Netflix เมื่อนักบินหนุ่มนามว่าอดัมได้เดินทางข้ามเวลามาจากอนาคตและประสบกับเหตุการณ์เครื่องบินตก เป้าหมายของเขาคืออะไรและทำไมถึงต้องมายังปัจุบัน มีเพียงเราเท่านั้นที่ต้องไปหาคำตอบ

อีก 1 ซีรีย์จาก Netflix ที่นำเสนอเทคโนโลยีการย้อนเวลาในการเล่าเรื่อง ถือว่าเป็นอีก 1 เรื่องที่สามารถดูและทำความเข้าใจได้ไม่ยากจนเกินไปและเหมาะกับผู้ที่พึ่งเริ่มตามหนังไซไฟเป็นอย่างมาก


Dune (2021)

ชื่อไทย : ดูน สมรภูมิจ้าวจักรวาล
IMDb :
8.0/10

Dune ภาพยนต์จากนิยายวิทยาศาสตร์แนวมหากาพย์สงครามจักรวาล ที่เป็นจุดเริ่มต้นและมีอิทธิพลในวงการไซไฟมามากกว่า 50 ปี Dune เป็นหนังเกี่ยวกับสงครามในจักรวาลที่แฝงไปด้วยการเมือง ศาสนาและปรัชญา เป็นหนังที่นำเสนอความเสื่อมถอยจากการมีเทคโนโลยีอันก้าวหน้าและการช่วงชิงทรัพยากร

เป็นหนังไซไฟที่แนะนำและควรค่าแก่การติดตามด้วยการดำเนินเรื่องราวที่น่าติดตามจากนิยายสู่หนัง โดยในปีนี้เอง Dune ภาค 2 ก็จะออกมาในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ คอหนังไซไฟฟอร์มยักษ์แนะนำว่าห้ามพลาด

และนี่ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของ หนังไซไฟ น่าดู ที่เราอยากแนะนำ ต้องบอกเลยว่ายังมีอีกเยอะ ตัวอย่างหนังไซไฟระดับตำนาน เช่น Star Wars (1977), The Terminator (1984), The Matrix (1999), Interstellar (2014) เป็นต้น จะเห็นได้ว่า มีหนังหลายเรื่องนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาผสมผสานกับพลอตเพื่อดำเนินเนื้อเรื่องได้อย่างน่าสนใจ บางเรื่องก็มีความซับซ้อนจนต้องกลับไปดูซ้ำ แต่ก็ยังถือว่าเป็นการนำเสนอที่น่าสนใจ คุณผู้อ่านคิดว่ายังไงหากนำมาลองคิดดูเป็นไปได้มั้ย ที่ในอนาคตอันใกล้เราอาจจะได้เห็นเทคโนโลยีจากในหนังโผล่ขึ้นมาให้เห็นในชีวิตประจำวันของเรา


ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ ได้ที่นี่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้