John Wick 4 – เกร็ดเสริมความมันส์และความลับเบื้องหลัง

เกร็ดเสริมความมันส์จาก John Wick: Chapter 4

เกร็ดเสริมความมันส์จาก John Wick: Chapter 4

คีอานูพูดแค่ 380 คำตลอดความยาว 169 นาทีของ JW 4 เมื่อเทียบกับ JW ภาคแรกที่ความยาว 101 นาที คีอานูพูด 484 คำ โดย 10 เปอร์เซ็นต์ของบทพูดทั้งหมดปรากฏในตัวอย่างแล้ว เป็นความตั้งใจคีอานูเอง เขาต้องการให้ตัวละครของเขาพูดน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้สื่อสารผ่านสีหน้าและท่าทางแทน โดยเฉพาะฉากเปิดไพ่หน้าหอไอเฟล บทพูดของจอห์นหากไปเกือบครึ่งจากบทดราฟต์แรกๆ

• ความลับเบื้องหลังทีมสตันท์แมนที่ทั้งโลกยกนิ้วให้ แชด สตาเฮลสกี ผู้กำกับกับเผย “ทุกคนบุนวมกันกระแทกใต้ชุด”

“เรามีทีมสตันท์มือพระกาฬ พวกเขาหาวิธีถ่ายฉากนี้อย่างปลอดภัยแต่รถยังดูมีความเร็วระดับสมจริง สิ่งที่คุณไม่ได้เห็นในจอคือเราวางกรวยสีต่างๆ เพื่อมาร์กจุด เพื่อให้นักขับทุกคนรู้ว่าตัวเองกำลังขับอยู่ในเลนไหน มีเลนสีแดง เลนสีฟ้า เลนสีเขียว เรายังมาร์กจุดเล็กๆ ให้คีอานูยืน ลองนึกภาพเกมทวิสเตอร์ดู มันเหมือนกันเลย เพื่อกันพลาด ฉากนี้เป็นจริงได้ด้วยทีมงานฝืมือเยี่ยม ทุกคนในกองรู้จุดของตัวเองดี”

“ส่วนใหญ่ที่คุณเห็นคนโดนรถชนในหนังเรื่องนี้ รถแล่นด้วยความเร็วประมาณ 10-15 ไมล์ต่อชั่วโมง แค่นั้นก็ว่าหนักแล้ว แต่ถ้าเราอยากให้มันดูโหดขึ้นเราเพิ่มความเร็วไปที่ 18-20 ไมล์ต่อชั่วโมง ขนาดสตันท์มืออาชีพยังลำบากเลย โดนรถชนไม่ได้เป็นจุดที่ยากที่สุด ตอนลงพื้นนี่แหละคือของจริง เราให้สตันท์ติดสลิงช่วย เพื่อลดแรงกระแทกตอนตกพื้น เราติดนวมที่กระจกหน้ารถเพื่อไม่ให้โดนเสยค้าง สตันท์แมนทุกคนบุนวมกันกระแทกใต้ชุด เราซ้อมกันหนัก เวลาพวกเขาโดนชนระบบสลิงช่วยชะลอเวลาตก ให้พวกเขาจัดท่าทางลงที่เหมาะสมได้ทัน ด้วยวิธีทั้งหมดนี้มันเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานได้เยอะมาก”

เอริก้า ลี โปรดิวเซอร์เผยว่าใน John Wick: Chapter 4 เกือบจะมีฉากที่จอห์น วิคขี่สโนว์โมบิลลุยกลางทุ่งหิมะ แอ็กชันสุดจัดกว่าตามที่ปรากฏในหนัง

เอริก้า ลี โปรดิวเซอร์เผยว่าใน Chapter 4 เกือบจะมีฉากแอ็กชันที่สุดขั้วกว่าตามที่ปรากฏในหนัง “หลังจากภาคสามฉันคิดว่า ‘โอพระเจ้า เราคงจัดหนักกว่านี้ไม่ได้แล้ว’ จากนั้น ฉันจำได้ไม่ลืมเลย ฉันไปทานมื้อเที่ยงกับแชด เขาบอกฉันว่า ‘ผมอยากเล่าเรื่องในญี่ปุ่น ให้จอห์นใช้กระบองสองท่อน สู้กลางทุ่งหิมะ คุณรู้ไหมว่าเดี๋ยวนี้สโนว์โมบิลมันเจ๋งขนาดไหน?’ ฉันสบายใจแล้ว มันอาจเป็นจุดเล็กๆ แต่มันทำให้เห็นว่าเขามีภาพในหัวที่ชัดเจน มันเป็นจุดเริ่มต้นให้เราใช้ต่อยอด

แต่แล้วก็เจอโควิดมาเบรก แต่มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ มันให้เวลาเราได้เกลาบทให้กระชับขึ้น ให้ฉากแอ็กชันแต่ละฉากมีความหมาย ไม่ใช่แค่เอามัน ตอนนั้นคีอานูไปถ่าย The Matrix Resurrections ด้วย เราเลยได้ใช้เวลากับภาคนี้เต็มที่ เรามีเวลาให้ปราณีตกับผลงานมากกว่าที่ผ่านๆ มา

https://www.slashfilm.com/1241989/john-wick-chapter-4-almost-gave-us-baba-yaga-fighting-on-a-snowmobile-exclusive/

• ผู้รับบท นายคนไม่สำคัญ/เดอะแทร็กเกอร์ ‘ชาเมียร์ แอนเดอร์สัน’ ได้แรงบันดาลใจการแสดงมาจาก บทบาท โจ๊กเกอร์ ที่ ฮีธ เลดเจอร์ แสดงนำ

“ผมศึกษาการแสดงของ ฮีธ เลดเจอร์ ตอนที่เขารับบทโจ๊กเกอร์ เขาทำให้ตัวละครนี้น่าสนใจโดยการมอบปูมหลังให้ตัวละคร” “เช่นประโยคที่ว่า รู้ไหม? ฉันได้แผลเป็นนี้มายังไง? ผมปรับมาใช้กับตัวละครของผม ทำไมผมมีสุนัขคู่ใจ? ทำไมผมต้องแบกเป้ใบโต? ทำไมผมต้องแต่งตัวแบบนี้? ทุกองค์ประกอบของตัวละครนี้มีที่มาที่ไป ที่เขาต้องแบกกระเป๋าตลอดเวลาเพราะเขาเดินทางบ่อย สนุดโน้ตที่คุณเห็นในหนัง ผมเอากลับบ้านไปด้วย ผมจดไอเดียลงไปในนั้นเยอะ ในกระเป๋าของเขาเต็มไปด้วยของใช้ส่วนตัว เช่น ของเล่นหมา ขนมหมา ไฟแช็กที่สลักชื่อผมไว้ ผมต้องใส่ตัวตนของผมเข้าไปในตัวละคร ผมว่าสิ่งนี้แหละที่จะทำให้ผู้ชมเข้าถึงตัวละครนี้” แอนเดอร์สัน กล่าว

https://comicbook.com/movies/news/john-wick-chapter-4-star-reveals-heath-ledger-joker-inspired-his-character/

ผู้กำกับภาพจากเรื่อง John Wick: Chapter 4 พูดถึงฉากลองเทคมุมสูง (God’s eyes view) ที่ผู้ชมทั่วโลกพูดถึงหลังดูภาคนี้จบ และต่างก็ยกให้เป็นที่สุดของภาพยนตร์แอ็กชัน

  • คุณคุยกับผู้กำกับภาพยังไงถึงออกมาเป็นฉากลองเทคมุมสูงที่เป็นที่พูดถึงอย่างมากในตอนนี้?
    ครั้งแรกที่ผมลองเสนอไอเดียให้แดน (แดน เลาส์เทน ผู้กำกับภาพ) ผมอยากจะก็อปเขามาคำต่อคำเลย แต่เอาง่ายๆ คือเขาไม่ซื้อไอเดียผมเท่าไหร่ ภาพมุมมองพระเจ้ามันเล่าอยาก ต้องจัดแสดงจากด้านข้างเท่านั้น มันอาจจะไม่น่าสนใจเพราะคุณเห็นแค่พื้น ผมเลยบอกว่า “รู้ไหมแดน คุณพูดถูก เดี๋ยวผมลองไปคิดดีๆ ก่อน” เราเลยกลับไปย้อนดูหนังหลายๆ เรื่องที่มีภาพมุมนี้ วิดีโอเกมที่ใช้ภาพมุมนี้ อนิเมะที่ใช้ภาพมุมนี้ เราเอาข้อดีจากหลายๆ แหล่งมาผสมกัน หาวิธีเปลี่ยนผังไม่ให้มันดูหน้าเบื่อ และใช้กระสุนดราก้อนเบรธเป็นแหล่งกำเนิดแสง หาวิธีเล่นกับหน้าต่าง ให้ฉากมันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่นเดียวกับแสง เราพยายามให้แสงจริงในฉากมากที่สุดเท่าที่ทำได้ สำหรับการออกแบบคิวบู๊ เราต้องคำนึงว่าฉากนี้เป็นภาพมุมสูง ทุกลีลาต้องเห็นชัดเจนจากด้านบน มันเหมือนผมกลับไปเรียนทำหนังใหม่อีกครั้งเลย
  • ยังมีอีกช็อตที่วินสตันเดินผ่านภาพจิตรกรรมยาวถึง 15 วินาที ทำไมต้องมีช็อตนี้ในหนังด้วย?
    (หัวเราะ) นั่นสนองอีโก้ผมเองล้วนๆ ผมจะไม่โกหกหรอกนะ ไม่ใช่ทุกวันที่จะได้ถ่ายหนังในพิพิธภัณฑ์ลูฟรว์ แต่หลังจากความตึงเครียดทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ซีนในลูฟรว์คือการตั้งใจให้เป็นจุดที่วินสตันกลับมาถ่วงดุลอำนาจ มันคือการคัมแบ็คของวินสตัน เป็นการเปลี่ยนขั้วอำนาจ ผมอยากให้ผู้ชมสัมผัสถึงออร่าของเขา แต่จริงๆ แล้วในหัวผมคิดว่า ‘ช่างแม่ง ฉันได้ถ่ายหนังในลูฟรว์นะโว้ย เจ๋งจะตาย’ ก็แค่นั้น

• แชด สตาเฮลสกีเผยเรื่องไอเดียฉากบันได Sacré-Coeur 222 ขั้น ที่หลายคนพูดถึงว่าได้แรงบันดาลใจฉากนี้จากเรื่อง Amélie และเกือบจะเลือกฉากนี้เป็นฉากจบอีกด้วย

สตาเฮลสกี้ ได้ไอเดียฉากบันได 222 ขั้นในทริปหาโลกเคชันที่ปารีส สตาเฮลสกี้ที่เป็นสตันท์แมนมาก่อน เป็นแฟนตัวยงผลงานของชอง ปิแอร์ จูเนต์ เรื่อง “Amélie” เขาอยากใช้โลเคชันเดียวกับที่เคยปรากฏในหนังเรื่องนั้น เป็นเหตุให้เกือบเลือกใช้บันไดที่ Sacré-Coeur, ซึ่งเหมือนจะเหมาะเป็นสังเวียนสุดท้าย แต่เขาไม่ชอบบันไดที่มุ่งหน้าเข้าวิหารโดยตรง “ทีมสตันท์ที่ไปกับผมบอกว่าตรงนั้นไม่น่ากลัวพอ” เขากล่าว จากนั้นพวกเขาเดินอ้อมไปทางด้านซ้ายของวิหารจนเจอบันไดที่ชันกว่า

ทีมงานถ่ายทำกัน 7 คืน บางครั้งทีมงานต้องรอให้รถรางที่ขนนักท่องเที่ยวขึ้นวิหารผ่านไปก่อน ฉากนี้ใช้สตันท์แมน 35 คน บางคนต้องเล่นเป็น 6 ถึง 7 ตัวละครที่โดนคีอานูฆ่า อีกทั้งคีอานูเล่นฉากนี้เองเกือบตั้งหมด ยกเว้นช็อตที่ร่วงลงมาขั้นแรกจากเกือบจุดสูงสุด ฉากนั้นได้นักแสดงสตั๊นท์ แวงซองต์ บูลยอง ที่เล่นผ่านในสองเทค ช็อตนั้นเก็บภาพโดยใช้กล้องติดรอก และเพื่อความปลอดภัยในฉากนี้ บันไดแต่ละขั้นมีการบุนวม ที่สามารถลบออกได้ในขั้นตอนโพสต์โปรดักชัน แต่ทีมสตันท์ไม่สามารถเลี่ยงการกระแทกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทีมสตันต์มีฟกช้ำเล็กน้อยไม่มีใครถึงขั้นกระทบกระเทือนจนต้องเข้าโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตามคีอานูก็ต้องกลิ้งลงบันไดด้วยตัวเขาเองสองสามขั้น เพื่อความสะดวกในการตัดต่อ
แม้ว่ารีฟส์จะเต็มที่แค่ไหนแต่เขาก็หวั่นบ้างเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบันได “ช็อตที่จอห์นมองนาฬิกาข้อมือก่อนมองขึ้นไปที่ขั้นสุดท้าย สายตานั้นเป็นของจอห์นและของคีอานูอย่างละครึ่ง เขาคิดว่า ‘ให้ตายสิ โดนสตาเฮลสกี้เล่นอีกแล้ว'” สตาเฮลสกี้ แต่ความทรหดนี่แหละที่สร้างตัวละครนี้ “ต่อให้เขาทรมานขนาดไหน แต่ไม่เคยย่อท้อ เขามุ่งไปข้างหน้าเสมอ”

• ลิสต์เพลงประกอบของ John Wick: Chapter 4 เรียงตามลำดับ (ไม่รวม score)
“Nocturne No. 20 in C-Sharp Minor, Op. Posth.” โดย Lola Colette and Mark Robertson
“Osaka Phonk” โดย Le Castle Vania
“Dreams” โดย ZHU and Nero
“Wetwork” โดย Le Castle Vania
“Blood Code” โดย Le Castle Vania
“Hate or Glory” โดย Gesaffelstein
“Nowhere to Run” โดย Lola Colette
“Marie Douceur, Marie Colère” โดย Manon Hollander
“LED Spirals” โดย Le Castle Vania
“John Wick Mode” โดย Le Castle Vania
“Genesis” โดย Justice
“A Long Way Down” โดย Le Castle Vania
“Eye for an Eye” โดย Rina Sawayama
“I Would Die for You” โดย In This Moment


[ข่าวประชาสัมพันธ์]

ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้