คนอึดตายยาก Die Hard ภาคที่ 6 ได้ชื่อไตเติลใหม่อย่างเป็นทางการแล้วในชื่อ McClane กับการกลับมาอีกครั้งของ John McClane เจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองนิวยอร์กที่รับบทโดย Bruce Willis กับเรื่องราวของการต่อสู้สุดระห่ำบนตึกระฟ้ากับเหล่าบรรดาผู้ก่อการร้าย ที่ได้ทำให้มันขึ้นหิ้งกลายเป็นหนังแอ็กชันสุดอมตะ “ตำนานคนอึด”
(ภาพจาก: Free Press Journal)
โดยหนัง Die Hard ภาคแรกนั้นได้ออกฉายในช่วงยุคทศวรรษที่ 80s แม้มันจะเป็นหนังแอ็กชันที่ได้รับเสียงตอบรับดี แต่กว่าภาคต่อของมันจะออกมาทั้ง Die Hard 2: Die Harder และ Die Hard With A Vengeance ก็ทำให้เหล่าแฟนๆ ต้องรอกันเกือบ 10 ปี และด้วยความนิยมของหนังแนวนี้ที่ลดลงเรื่อยๆ ก็ทำให้ภาคที่ 4 ของมันอย่าง Live Free Or Die Hard ก็ต้องรอถึง 12 ปีทีเดียวนับตั้งแต่ที่หนังภาค 3 ได้ออกฉาย ที่ดูจะไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของเหล่าบรรดาแฟนหนังมากนักด้วยอารมณ์ของเรื่องราวที่เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม และในที่สุด A Good Day To Die Hard ก็ได้กลับมาซ้ำเติมรอยแผลในเวลาอันรวดเร็วและทำให้ชื่อของ Die Hard ดูเหมือนจะมาถึงจุดสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการไปพร้อมกับวัยของนักแสดงอย่าง Bruce Willis ที่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
และด้วยเสียงตอบรับของ A Good Day To Die Hard ที่ค่อนข้างแย่ แต่มันก็มีไอเดียที่หลายๆ สำหรับการนำไปสร้างหนังภาคต่อ หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวแยกต่างหากของ John McClane ในวัยหนุ่มที่ทางผู้กำกับ Len Wiseman จาก Live Free Or Die ได้เคยเขียนบทเอาไว้ซึ่งในตอนนั้นมันใช้ชื่อว่า Die Hard: Year One และในตอนนี้มันก็อาจจะได้นำมาสร้างเป็นหนังแล้วในชื่อว่า McClane
(ภาพจาก: Dark Horizons)
โดย Lorenzo di Bonaventura โปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้กับทางนิตยสาร Empire ว่าเขาต้องการที่ให้หนังมันใช้ชื่อว่า “McClane” มากกว่าชื่อเดิมเพราะเรื่องราวของมันจะเป็นการสำรวจตัวละครของ John McClane ที่มากขึ้นกว่าที่แล้วๆ มา และเขาก็ยังได้ยืนยันอีกด้วยว่าแม้มันจะมีเรื่องราวในวัยหนุ่มของ John McClane แต่มันก็จะขาด Bruce Willis ไปอย่างเสียไม่ได้ในหนังเรื่องนี้ ที่เขาเองก็จะยังคงได้รับบทบาทเป็น John McClane ในวัย 60 ปีที่เป็นภาพฉายของเรื่องราวในวัยหนุ่ม
แม้ในตอนนี้มันจะยังไม่มีรายละเอียดออกมามากนักว่า McClane จะดำเนินเรื่องราวไปอย่างไร แต่เชื่อว่าด้วยชื่อของ John McClane และ Die Hard นั้นก็น่าจะเป็นหนึ่งในหนังดวงใจที่ใครหลายคนไม่น่าพลาดกันอยู่ดี
ที่มา: Screen Rant
