No Game No Life คือซีรีส์ที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะทั้งตัวไลท์โนเวลหรือแอนิเมชั่น ด้วยความโดดเด่นในด้านเนื้อเรื่องที่หักเหลื่ยมเฉือนคมกันในเกมเพื่อชิงอำนาจการปกครองของแต่ละเผ่าพันธุ์ โดยที่มีกฎซึ่งเป็นบัญญัติที่น้อมปฏิบัติกันทั้งโลก และข้อสำคัญในนั้นคือการห้ามฆ่าฟันกัน ซึ่งใน No Game No Life Zero มูฟวี่ตัวแรกของซีรีส์ก็ช่วยให้ผู้ชมเข้าใจได้อย่างดีว่าทำไมบัญญัติข้อนี้จึงมีความหมาย นั่นเพราะพวกเขาเคยรู้จักความตายและการสูญเสียจากมหาสงครามในยุคก่อนหน้านั่นเอง
ความโดดเด่นของ NGNL ภาคนี้คือการเลือกจะเล่าเรื่องในยุคก่อนที่เกมจะกลายเป็นบัญญัติของโลก โลกที่มีแต่สงครามและการฆ่าฟันกันในระดับที่อาจทำให้ดาวดวงหนึ่งล่มสลาย ส่งให้มันมีรสชาติที่ต่างจากภาคหลักโดยสิ้นเชิง เพราะเกมสงครามนั้นย่อมเดิมพันด้วยชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ งานนี้มีเจ็บจริงตายจริง โดยเฉพาะเผ่าที่อ่อนแอร์สุดอย่างมนุษย์ ซึ่งต้องพยายามดิ้นรนอยู่ให้รอดปลอดภัยจากสงครามเทพไปวันๆ
ตัวเอกของภาคคือมนุษย์ชื่อ “ริคุ” ผู้ชอบเล่นหมากรุกเป็นชีวิตจิตใจ ขณะที่นางเอกก็น่าจะโดนใจสายโลลิไม่น้อยกับสาวเผ่าเอ็กซ์-มาคินาตัวกระเปี้๊ยกนามว่า “ชูวี” การผจญภัยไปพร้อมๆ กับสานสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้น จะทำให้เราอินกับความรักของทั้งคู่ทีละน้อยๆ จนไปพีคใช้ได้ในช่วงหลัง อย่างไรก็ดีหากเนื้อเรื่องไม่มีการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันบ้างก็คงไม่ใช่ NGNL เพียงแต่อาจจะเพราะเวลาที่ถูกบีบคั้น ทำให้แผนการต่างๆ ถูกอธิบายและโดนสรุปอย่างรวบรัดจนบางครั้งคนดูรู้สึกว่ากำลังจะคิดตามได้แล้วก็ดันโดนชิงเฉลยตัดหน้าไปเสียก่อน ส่วนนี้ทำให้เสียอรรถรสไปสักหน่อย
แต่สิ่งที่ช่วยขับอารมณ์ให้ตัวเนื้อเรื่องได้อย่างมากเลยก็คืองานภาพของ Madhouse ที่จัดเต็มสมเป็นแอนิเมชั่นโรงใหญ่ของจริง โดยเฉพาะฉากแอคชั่นช่วงท้ายที่ทำให้เราสามารถเข้าใจได้เลยว่าถ้าหากโลกในยุคหลังไม่มีเกมเป็นตัวแทนสงคราม มันจะต้องเละเทะกว่านี้เป็นแน่
No Game No Life Zero ไม่ใช่แอนิเมชั่นที่จะมาไขปริศนาต่างๆ ในเนื้อเรื่องหลัก แต่มันคือส่วนขยายและเติมเต็มเรื่องราวในซีรีส์เสียมากกว่า และเพราะแบบนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่แฟนๆ NGNL ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ